จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 149

บนความสูงประมาณหนึ่งหมื่นเมตร

จ้าวเทียนเหยียบกระบี่บินไปยังเมืองปักกิ่งด้วยความเร็วสูง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ทะลุความเร็วเสียง เพราะอยู่ในเขตเมือง แต่ความเร็วของเขาในตอนนี้ก็สามารถมองเห็นเป็นเพียงภาพติดตาเท่านั้น

หลังจากที่ใช้สัมผัสวิญญาณตรวจสอบสถานการณ์ไป เขาเองก็รู้สึกร้อนใจ เพราะไป๋ซู่เจินเพิ่งผ่านการต่อสู้อย่างดุเดือดมา หากหญิงสาวชุดเขียวคนนั้นเป็นศัตรู เธอคงเสียเปรียบแน่นอน

ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนจัดการกับทรงวิทย์ แต่ก็ไม่มีอะไรรับรองได้ว่าจะไม่ใช่ผู้ที่มาฉกฉวยโอกาสแบบองค์กรซีลด์

ดังนั้นจ้าวเทียนจึงต้องรีบไปควบคุมสถานการณ์ให้เร็วที่สุด…

สิบนาทีผ่านไป

บริเวณลานกว้างหน้าฐานบัญชาการ จ้าวเทียนลอยลงมาจากฟ้าและเหยียบลงบนพื้นในที่สุดแต่นอกจากเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลที่กำลังเก็บกวาดสถานที่ เขากลับไม่พบไป๋ซู่เจิน

“ พลเอกจ้าว…คุณมาถึงแล้ว ” หวังฝูหมิงรีบเดินเข้ามาทักทาย

“ ผู้อาวุโสหวัง…รายงานสถานการณ์ให้ผมรู้หน่อย ” จ้าวเทียนพยักหน้าให้ แล้วถามขึ้นทันที ด้วยตำแหน่งฝ่ายทหารของเขาในตอนนี้ เป็นรองเพียงต้วนมู่เฉียนเท่านั้น จึงมีอำนาจเหนือกว่าหวังฝูหมิงขั้นหนึ่ง

“ ได้สิ…สถานการณ์ตอนนี้อยู่ในความควบคุมของพวกเราแล้ว ผู้ก่อการร้ายที่บุกเข้ามาได้ถูกผู้อาวุโสเสี่ยวชิงกำจัดทั้งหมด ” หวังฝูหมิงตอบด้วยรอยยิ้ม

“ ผู้อาวุโสเสี่ยวชิง…ผู้หญิงชุดเขียวคนนั้นเหรอ ผมขอทราบได้ไหมว่าเธอเป็นใคร ” จ้าวเทียนถามขึ้นด้วยความสงสัย

อย่างน้อยตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ศัตรู ไป๋ซู่เจินคงไม่ได้รับอันตราย ทำให้เขาเริ่มสนใจตัวตนของอีกฝ่ายมากกว่า

เพราะตั้งแต่ที่เขาขึ้นเป็นพลเอก ก็ได้อ่านข้อมูลลับเกี่ยวกับรายชื่อยอดฝีมือในประเทศหมดแล้ว แต่ไม่เคยได้ยินชื่อของผู้อาวุโสเสี่ยวชิงมาก่อน

“ เอ่อ…เรื่องนี้ฉันบอกคุณไม่ได้จริงๆ แต่ถ้าคุณอยากรู้ ก็ต้องไปถามเอาจากผู้อาวุโสต้วนมู่เท่านั้น ” หวังฝูหมิงพูดขึ้นด้วยท่าทีลำบากใจ เรื่องฐานะที่แท้จริงของผู้อาวุโสเสี่ยวชิงเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก

จ้าวเทียนมีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย ด้วยตำแหน่งของเขาในตอนนี้ ยังไม่สามารถรู้ตัวตนของอีกฝ่ายได้งั้นเหรอ

“ งั้นผมค่อยถามผู้อาวุโสต้วนมู่เองก็ได้…ตอนนี้คุณรู้ไหม ว่าคนที่ผมส่งมาช่วย เธออยู่ที่ไหนแล้ว ” จ้าวเทียนถามถึงไป๋ซู่เจินต่อ เนื่องจากอยู่ในฐานบัญชาการของประเทศ จะให้เขาใช้สัมผัสวิญญาณตรวจสอบเองก็คงไม่ดีเท่าไรนัก

“ เรื่องนี้…ตอนนี้คนที่ผลเอกจ้าวส่งมา เธอตามผู้อาวุโสเสี่ยวชิง ไปจัดการกับผู้ก่อการร้ายที่โรงงานผลิตอาวุธ เพราะดูเหมือนพวกมันจะรู้ว่าหัวหน้าถูกฆ่าตายแล้ว ก็เลยพยายามจะหนีไปพร้อมกับตัวประกัน ”

“ หืม…มีผู้ก่อการร้ายบุกยึดโรงงานอาวุธเหรอ ทำไมผมไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้เลย ” เหตุการณ์ร้ายแรงขนาดนี้ ถึงแม้จะผ่านมาได้เพียงชั่วโมงเดียวก็เถอะ แต่ทำไมถึงไม่มีคนโทรมาแจ้งเขา

เมื่อได้ยินแบบนั้น หวังฝูหมิงก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วพูดขึ้น

“ เจ้าหน้าที่ของพวกเราบางคน ได้ถูกพวกมันซื้อตัวไป คนที่จะต้องรายงานคุณก็คงเป็นหนึ่งในนั้น ”

“ …. ” จ้าวเทียนรู้สึกพูดไม่ออก

แต่พอคิดย้อนกลับไป เขาก็หายสงสัย ว่าทำไมพวกทรงยุทธถึงมั่นใจมากว่าแผนการจะต้องสำเร็จ

“ คุณไม่ต้องห่วง…ตอนนี้พวกเราได้เก็บกวาดคนทรยศหมดแล้ว ” หวังฝูหมิงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

ที่จริงนอกจากจ้าวเทียนแล้ว ก็ยังมีอีกหลายคนที่ไม่ได้รับรายงานเหมือนกัน เพราะผู้ก่อการร้ายไม่ต้องการให้มียอดฝีมือระดับเซียนจากเมืองอื่นเข้ามายุ่ง

หลังเกิดเรื่อง ผู้อาวุโสต้วนมู่ก็สั่งให้ยอดฝีมือระดับเซียนทุกคนในปักกิ่ง คุ้มกันฐานบัญชาการกับสถานที่สำคัญอีกสามแห่ง เพราะไม่รู้เป้าหมายที่แท้จริงของผู้ก่อการร้าย จึงต้องป้องกันไว้ก่อน

หลังจากนั้นจ้าวเทียนก็ไปนั่งรอไป๋ซู่เจินที่ห้องรับรอง เผื่อจะได้มีโอกาสพบกับผู้อาวุโสเสี่ยวชิง ซึ่งในประเทศจีนตอนนี้ คนที่มีความสามารถจัดการกับทรงวิทย์ได้มีไม่กี่คนเท่านั้น

เท่าที่เขาประเมินดู นอกจากตัวเองกับต้วนมู่เฉียนแล้ว ก็คงมีศิษย์พี่หญิงกับไป๋ซู่เจิน ส่วนซูต๋าจี่นั้นเพราะเชี่ยวชาญด้านแก่นแท้มายา ทำให้อ่อนแอด้านการโจมตี แต่พวกทรงยุทธกับทรงวิทย์มีพลังฟื้นฟูและพลังป้องกันสูงมาก ทำให้ซูต๋าจี่เสียเปรียบ

สามสิบนาทีผ่านไป

ประตูห้องรับรองก็ถูกเปิดออก สาวงามสองคนเดินเข้ามาหาจ้าวเทียน คนที่อยู่ด้านหน้าก็คือไป๋ซู่เจิน ใบหน้าของเธอตอนนี้มีรอยยิ้มน้อยๆ พูดคุยหัวเราะกับคนที่ตามมาด้านหลังอย่างอารมณ์ดี

ส่วนคนที่เดินตามไป๋ซู่เจินเข้ามา ก็คือหญิงสาวชุดเขียวที่จ้าวเทียนต้องการพบ เธอมีโครงหน้าคล้ายกับไป๋ซู่เจินหลายส่วน ดูจากท่าทางที่สนิทสนมกันแล้ว ความสัมพันธ์ของพวกเธอทั้งคู่คงจะไม่ธรรมดา

หืม!

‘ เธอเป็นปีศาจ…ทั้งยังมีขอบเขตเซียนสูงสุดเท่ากับไป๋ซู่เจิน ’

จ้าวเทียนมีสีหน้าแปลกใจ เมื่อรู้ว่าผู้อาวุโสเสี่ยวชิงที่หวังฝูหมิงบอกไม่ใช่มนุษย์ นี่รัฐบาลประเทศจีนมีความสัมพันธ์กับปีศาจด้วยเหรอ

ถ้าหากว่าจ้าวเทียนรู้สึกแปลกใจ ตอนพบกับหญิงสาวชุดเขียวแล้ว ในทางกลับกันอีกฝ่ายกลับตกใจยิ่งกว่าเขาซะอีก

“ สี่เซียน.. ”