หลังจากที่จัดการเรื่องเฉินอี้เรียบร้อย ลี่เหยาเหยาก็ได้หันไปยักคิ้วให้จ้าวเทียนเล็กน้อย ซึ่งเขาก็ส่งยิ้มกลับมาให้
“ มีอีกเรื่องหนึ่งที่ฉันต้องประกาศ…จ้าวหยูเหมย ” เธอหันไปหาเด็กสาวที่ยืนอยู่ด้านข้าง
“ หนูอยากร่วมงานกับฉันไหม…หนูเป็นคนที่พรสวรรค์มาก ฉันอยากให้หนูมาอยู่ในสังกัดเดียวกันกับฉัน ทางเรามีทีมงานที่ดีที่สุดในการฝึกฝนหนูให้เป็นนักดนตรีระดับโลกได้อย่างแน่นอน ” เธอถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม ข้อเสนอนี้เธอยังไม่เคยมอบให้กับใครเลย
เธอเห็นภาพเด็กสาวคนนี้ซ้อนทับกับตัวเธอในอดีต และเธอก็เชื่อในสายตาของตัวเอง
“ ตกลงค่ะ…หนูดีใจมากเลย ” จ้าวหยูเหมยยิ้มทั้งน้ำตา วันนี้เป็นวันที่เธอมีความสุขที่สุด
ฝูงชนที่อยู่รอบๆเวทีต่างพากันตื่นเต้นขึ้นทันทีกับสิ่งที่พึ่งได้ยินไป นี่อาจจะเป็นต้นกำเนิดของซุปเปอร์สตาร์คนใหม่ก็ได้ และพวกเขาก็ร่วมเป็นสักขีพยานเหตุการณ์สำคัญนี้
ตลอดเวลาที่ลี่เหยาเหยาพูด เธอไม่ได้ชายตามองไปยังไป๋ฮัวหลิงเลยแม้แต่น้อย คนที่มีนิสัยแบบนี้เธอรังเกียจที่สุด
“ ฉันต้องขอโทษทางผู้จัดงานด้วยจริงๆค่ะ…สำหรับความวุ่นวายที่เกิดขึ้น แต่เนื่องจากที่ฉันได้เดินทางกลับมาจากฝรั่งเศสด้วยธุระส่วนตัว ตอนนี้ต้องขอตัวก่อน” เธอกล่าวลาพร้อมทั้งเดินออกไปกับพวกบอดี้การ์ด
ซึ่งผู้ชมต่างก็เข้าใจดีจึงเริ่มที่จะสลายตัว แยกย้ายกันกลับบ้าน แต่ข่าวการมาถึงของลี่เหยาเหยามันก็ได้กระจายออกไปไกลแล้ว
“ พี่ชาย…พี่สาวลี่บอกว่า เธอจะมารับพวกเราไปทานข้าวเย็นวันนี้ ” จ้าวหยูเหมยวิ่งมากอดแขนจ้าวเทียนด้วยความดีใจ
“ ทำไมน้องต้องดีใจขนาดนั้นด้วยล่ะ ” เขาถามขึ้นด้วยความสงสัย เธอก็เป็นแค่ดาราไม่ใช่เหรอ
“ โธ่…นี่พี่ไม่รู้เหรอ หนูเป็นแฟนคลับเธอมาเกือบ5ปีแล้วนะ ในห้องหนูยังมีโปสเตอร์ของเธอแปะอยู่เลย ” เธอมองจ้าวเทียนด้วยแววตาน้อยใจ นี่พี่ชายเคยสนใจอะไรเธอบ้างไหม
“ คือ…พี่ว่านี่มันก็จะเที่ยงแล้ว พวกเราไปทานข้าวกันเถอะ ” เขาพูดจาเฉไฉไปทางอื่น ตัวเขาคงจะอยู่แดนสวรรค์มานานเกินไป เลยยังปรับตัวเข้ากับความคิดบนโลกมนุษย์ไม่ค่อยได้ละมั้ง
หลังจากที่ได้ไปจ่ายค่าเทอมให้จ้าวหยูเหมยแล้ว ทั้งคู่ก็แวะทานข้าวพร้อมกันก่อนจะกลับบ้าน
จ้าวหยูเหมยเธอตื่นเต้นมาก หยิบเอาเสื้อผ้ามาลองใส่ไม่หยุด เพื่อเตรียมไว้สำหรับเย็นนี้
ก๊อก ก๊อก!
ถึงเวลาตอนเย็นก็ได้มีคนมาเคาะประตูห้อง
“ ดีจ้า…เสี่ยวเหมย ” ลี่เฟยร้องทักขึ้นอย่างอารมณ์ดี
“ อ๊ะ…พี่ลี่เฟยมาได้ยังไงกันคะ ” จ้าวหยูเหมยร้องขึ้นอย่างตกใจ เธอยื่นหน้าออกไปเพื่อหาคนที่เธอเฝ้ารอ แต่ก็ไม่พบจึงมีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย
“ ถ้าหาพี่เหยาเหยาอยู่ละก็…เธอรออยู่ในรถข้างล่างนะ” ลี่เฟยตอบอย่างไม่สบอารมณ์ เด็กสาวคนนี้เมื่อก่อนยังชอบเข้ามาอ้อนเธออยู่เลย นี่ได้พบคนใหม่แล้วลืมพี่งั้นเหรอ
“ หนูก็คิดถึงพี่เหมือนกันน้า ว่าแต่พวกพี่รู้จักกันด้วยเหรอ…หรือว่า ” เมื่อเธอเห็นสีหน้าของลี่เฟยก็ได้เข้าไปกอดแขนอย่างเอาใจ แล้วถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ พวกเราเป็นญาติกันนะ…พี่ชายเธอไม่เคยบอกเหรอ พี่จำได้ว่าเคยเล่าให้ฟังแล้วนะ ” ลี่เฟยลูบหัวสาวน้อยด้วยความเอ็นดู
สำหรับเธอแล้ว จ้าวหยูเหมยก็เหมือนกับเป็นน้องสาวของเธอคนหนึ่ง เธอมีความรู้สึกสบายใจเมื่อได้อยู่ใกล้กับเด็กคนนี้
“ พี่ชาย…ทำไมไม่บอกหนูล่ะ ” เธอหันไปทำแก้มป่องใส่จ้าวเทียนที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“ คือ…พี่ว่าพวกเรารีบไปกันเถอะ เดี๋ยวคนอื่นจะรอนาน ” เขารีบเดินนำออกไปทันที เหตุผลที่เขาไม่ได้บอกก็เพราะคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญนี่สิ แต่คงพูดออกไปไม่ได้หรอก
เมื่อมาถึงที่รถ เขาก็พบกับลี่หวูเฉินที่ทำหน้าที่เป็นคนขับอยู่
เขาจึงได้พูดทักทายออกไป ซึ่งอีกฝ่ายก็ส่งยิ้มประหลาดๆมาให้ ส่วนลี่เหยาเหยานั้นทักทายกลับมาด้วยรอยยิ้ม
‘ หรือว่าครั้งก่อนฉันลงมือแรงเกินไปหรือเปล่า ’
ตลอดทางจนมาถึงภัตตาคาร ทั้งสามสาวได้พูดคุยกันอย่างร่าเริง โดยส่วนใหญ่จะเป็นน้องสาวเขาที่เป็นฝ่ายถามเรื่องราวเกี่ยวกับวงการบันเทิง
เมื่อมาถึงห้องที่ได้จองเอาไว้ ระหว่างที่กำลังรออาหาร
“ พรุ่งนี้นายมั่นใจใช่ไหม…เรื่องของปู่ของฉัน ” ลี่เฟยที่อดทนรอไม่ไหวเป็นฝ่ายถามขึ้นมาก่อน
ทุกคนที่อยู่ในห้องยกเว้นจ้าวหยูเหมย ก็หันมาสนใจฟังทันที
“ ฉันรับปากแล้ว…เธอมั่นใจได้เลย ” จ้าวเทียนตอบอย่างมั่นใจ
“ นายหมายถึงตอนนี้…นายอยู่ในขั้นผู้เชี่ยวชาญแล้วงั้นเหรอ ” ลี่หวูเฉินถามขึ้นเสียงดังด้วยความตกใจ
จ้าวเทียนไม่ได้ตอบ แต่เขายกมือซ้ายขึ้นมา มองเห็นเป็นลมปราณสีแดงกระจายออกมาจากมือเขา
!!
“ นาย…สัตว์ประหลาดชัดๆ ” ลี่หวูเฉินรู้สึกอึ้งไปเล็กน้อย
ตัวเขาฝึกหนักมาตลอดเกือบ20ปี ยังสู้จ้าวเทียนที่ฝึกมาไม่ถึงเดือนไม่ได้เลย หรือเพราะเขาไม่มีพรสวรรค์
ลี่เฟยที่เห็นพี่ชายนั่งทำหน้าจิตตก เธอก็ต้องแอบกลั้นหัวเราะเอาไว้
ก๊อก ก๊อก !
พรึบ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน