สองชั่วโมงผ่านไป
ลานจอดรถหน้าร้านสมุนไพรตระกูลลี่ ตอนนี้เนืองแน่นไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งหมดกำลังมองไปยังดวงแสงสีทองขนาดใหญ่ด้วยความกังวล
พวกเขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับลี่เหยาเหยา แต่ก็เชื่อใจจ้าวเทียนจึงได้วางกำลังป้องกันสถานที่แห่งนี้ไว้อย่างแน่นหนา
“ ไม่รู้ว่าเสี่ยวเหยาจะเป็นอย่างไรบ้าง ” พ่อแม่ของลี่เหยาเหยาพูดออกมาด้วยความเป็นห่วง
นี่คือลูกสาวคนเดียวของพวกเขา แม้ในอดีตจะเคยมีเรื่องทะเลาะกันครั้งใหญ่ ตอนที่เธอตัดสินใจเลือกเส้นทางของตัวเอง
แต่ภายหลังพวกเขาก็ปรับความเข้าใจกันดีแล้ว ยิ่งในตอนนี้ลี่เหยาเหยาได้พิสูจน์แล้วว่าเส้นทางที่เธอเลือกนั้นถูกต้อง พวกเขาก็ยิ่งรักและภูมิใจในตัวเธอมาก
“ ไม่ต้องกังวล…ฉันเชื่อว่าจ้าวเทียนต้องช่วยเสี่ยวเหยาได้แน่นอน ” ท่านปู่ลี่พูดขึ้นอย่างมั่นใจ แม้แต่อาการของเขาจ้าวเทียนยังรักษาได้แบบสบายๆ เด็กหนุ่มคนนี้ถนัดในการสร้างปาฏิหาริย์อยู่แล้ว
กงเสี่ยวเหมยมองร่างของจ้าวเทียน ที่ยืนนิ่งอยู่ในท่าใช้มือสัมผัสกับดวงแสงมา 2 ชั่วโมงอย่างครุ่นคิด ตัวเธอไม่ได้เป็นกังวลเรื่องความปลอดภัยของลี่เหยาเหยา
เพราะเธอเชื่อว่าจ้าวเทียนต้องไม่ปล่อยให้ลี่เหยาเหยาเป็นอันตรายอย่างแน่นอน แต่เธอรู้สึกกังวลเรื่องอื่นมากกว่า
เธอรู้สึกว่าหลังจบเรื่องครั้งนี้ ความสัมพันธ์ของจ้าวเทียนกับลี่เหยาเหยาจะต้องไม่เหมือนเดิมแน่นอน มันเป็นสัญชาตญาณของผู้หญิง
“ หลานชอบเด็กหนุ่มคนนี้เหรอ ” กงไป๋ฮวาถามหลานสาวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ หนู…หนูรู้สึกว่าเขาไม่เหมือนผู้ชายคนอื่น ” กงเสี่ยวเหมยพูดความรู้สึกของเธอออกมาตามตรง
“ งั้นก็อย่าปล่อยให้คนอื่นแย่งชิงไป…เรื่องแบบนี้ตระกูลกงของเราไม่เคยกลัวใครอยู่แล้ว ยายและทุกคนในตระกูลพร้อมที่จะช่วยเหลือเธอเต็มที่นะ ” เธอบอกหลานสาวด้วยความมั่นใจ
เด็กหนุ่มอายุ 20 ปี ที่สามารถเอาชนะปรมาจารย์ได้ แถมยังมีความรู้เรื่องการรักษาคนอื่น ตระกูลกงไม่ยอมที่จะเสียให้ตระกูลอื่นไปแน่
ท่านปู่ลี่ที่แอบฟังอยู่ก็คิ้วกระตุกทันที เขาคิดแล้วไม่มีผิด
“ นี่ยายเฒ่า…ฉันเจอเขาก่อน เสี่ยวเหยาหลานฉันกับเขาก็มีความรู้สึกดีๆให้กัน เธออย่าเข้ามายุ่งได้ไหม ” ท่านปู่ลี่กระซิบตอบไปด้วยเสียงทางลมปราณให้ได้ยินกันแค่สองคน
“ หืม…แต่จากที่ฉันรู้มา หลานฉันเจอเขาก่อนที่คลับแมวป่านะ ของแบบนี้มันก็อยู่ที่ตัวเขาเป็นฝ่ายเลือกไม่ใช่เหรอ ” กงไป๋ฮวาตอบกลับไปด้วยเสียงเยาะเย้ย
ชิ้ง!
จุดที่สายตาของผู้นำตระกูลทั้งสองปะทะกัน เหมือนจะเกิดประกายไฟขึ้น ต่างคนต่างไม่ยอมแพ้
เฮ้ออ…
ลี่สวีฉิงถอยหายใจออกมายาวๆ เธอรู้ความคิดของลูกศิษย์ทั้งสองคนดี…
ทำไมกันนะ ทั้งที่เมื่อก่อนเคยเป็นคนรักกันแท้ๆ แต่เดี๋ยวนี้พอเจอหน้ากันก็กลายเป็นจะต้องทะเลาะกันทุกที
“ ท่านผู้นำ…ตัวแทนตระกูลต่างๆส่งคนมาขอพบ เรื่องปรากฏการลำแสงสีทองที่ตระกูลเราครับ ” บอดี้การ์ดคนหนึ่งวิ่งเข้ามารายงาน
ท่านปู่ลี่หยุดคิดครู่หนึ่งแล้วออกคำสั่งไป
“ บอกพวกเขาว่าวันพรุ่งนี้ตระกูลลี่จะมีคำตอบให้”
“ ได้ครับ…ผมจะไปแจ้งตามนั้น ” บอดี้การ์ดรับคำแล้ววิ่งออกไปจัดการทันที
วูป!
!!
ดวงแสงสีทองกะพริบขึ้นหลายครั้ง แล้วก็หดเล็กลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายถูกดูดซึมเข้าไปในตัวของลี่เหยาเหยาทั้งหมด
จ้าวเทียนเองก็ได้ลืมตาขึ้น…
เขายกมือขึ้นเล็กน้อย ตัวลี่เหยาเหยาก็ลอยมาอยู่ในอ้อมแขนเขาทันที
“ ไม่มีอะไรแล้วครับ…พรุ่งนี้เธอคงจะตื่นขึ้นเอง ” เขาหันไปบอกพ่อของลี่เหยาเหยาที่วิ่งมารับตัวลูกสาวไป
ตอนนี้ใบหน้าของจ้าวเทียนซีดขาว เขาใช้ปราณไปจนแทบจะหมด ร่างกายของเขาแทบจะยืนไม่ไหวอยู่แล้ว ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น วันนี้เขายังไม่มีโอกาสได้พักเลย
“ ผมขอพักซักครู่ได้ไหม…อีกสองชั่วโมงผมมีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับธุรกิจจะคุยด้วย ” เขาหันไปพูดกับท่านปู่ลี่ด้วยเสียงอ่อนแรง ซึ่งอีกฝ่ายก็รีบให้คนมาประคองจ้าวเทียนไปพักที่ห้องรับรองทันที
สองชั่วโมงต่อมา
จ้าวเทียนที่เดินเข้ามาในห้องประชุมของตระกูลลี่ ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เพราะตอนนี้ที่นั่งอยู่ในห้อง นอกจากบุคคลสำคัญของฝั่งตระกูลลี่แล้ว ยังมีกงไป๋ฮวากับหลานสาวทั้งสองด้วย
“ เธอชื่อจ้าวเทียนใช่ไหม…ฉันเป็นยายของกงเสี่ยวเหมย หลานฉันพูดชื่นชมเธอไว้มากเลย ตระกูลของฉันก็มีธุรกิจเกี่ยวกับสมุนไพรเหมือนกัน ถ้ามีอะไรที่ทางตระกูลกงช่วยได้ก็ขอให้บอกมาได้เลย ” กงไป๋ฮวาพูดขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยน
เธอส่งสายตาให้หลานสาว ซึ่งอีกฝ่ายก็มีสีหน้าอายเล็กน้อย แล้วลุกขึ้นเดินมาหาจ้าวเทียน
“ จำเรื่องที่เราไปทานข้าวด้วยกันได้ไหม พอพี่เล่าให้คุณยายฟังว่าเธอมีความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรมากมาย คุณยายของพี่ก็เลยสนใจขึ้นมา พวกเราขอร่วมฟังด้วยได้ไหม” กงเสี่ยวเหมยพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความจริงใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน