ตอนนี้ใบหน้าของหยวนไป่เฉียน แดงก่ำด้วยความอับอายและโกรธแค้น ที่ถูกพวกจ้าวเทียนแย่งชิงสมบัติล้ำค่าของตนไปถึงสองชิ้นติดกัน
“ ไอพวกโจรชั่วไร้ยางอาย ” หยวนไป่เฉียนด่าออกมาเสียงดัง อย่างไม่สนใจภาพพจน์ในตอนแรก
“ เหอะ! ของนี่พวกคุณก็ไปปล้นมาจากคนอื่นเช่นกัน สำหรับฉัน การแย่งชิงของโจรไม่ถือว่าผิด ” จ้าวเทียนพูดออกอย่างเฉยชา แล้วรีบเก็บผลึกโลกาเจ็ดสีเข้าแหวนมิติไป
‘ สมบัติระดับครึ่งศักดิ์สิทธิ์…เซียนขั้นสูงสุดอย่างแม่ฉัน ก็น่าจะใช้ได้ไม่มีปัญหาอะไร ’
สำหรับจ้าวเทียน เขาชอบผลึกโลกาเจ็ดสีมากกว่าจานผนึกโลหิตแปดทิศเสียอีก เพราะมันสามารถปกป้องคนที่เขารักได้
ขอเพียงรู้ว่าครอบครัวของเขาปลอดภัย ไม่ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูแบบไหนเขาก็ไม่กลัว ส่วนเรื่องหินวิญญาณระดับเทพที่ใช้เติมพลังให้ผลึกโลกาเจ็ดสีนั้น เขามีตัวเลือกอื่นอยู่ในใจแล้ว
‘ ถ้าฉันคิดไม่ผิด คริสตัลต้นกำเนิดหนึ่งก้อน น่าจะเท่ากับหินวิญญาณระดับเทพสิบก้อน หลังจากนี้ ฉันค่อยแวะไปเดินเล่นแถวๆเหมืองหินวิญญาณระดับสูงของสมาพันธ์บู๊ลิ้มซักหน่อยก็แล้วกัน ’
อันที่จริง ถ้าจ้าวเทียนได้รู้ว่าสามผู้นำสมาพันธ์บู๊ลิ้ม กำลังหาวิธีสานสัมพันธ์กับเขาอยู่ คงต้องหัวเราะออกมาดังๆแน่
“ หยวนไป่เฉียน!...ตอนนี้แกแพ้แล้ว จะตามพวกฉันกลับไปดีๆหรือต้องให้ลงมือ ” เทพกระบี่ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ แพ้งั้นรึ ฟงอู๋หยาง ถ้าแน่จริงก็มาต่อสู้ตัดสินเป็นตายกับฉัน แบบตัวต่อตัวไหมล่ะ ” หยวนไป่เฉียนตะโกนกลับไปด้วยความโกรธ
“ เหอะ! ถ้าไม่ใช่เพราะแก ฉันคงไม่เสียเวลาร้อยห้าสิบปีไปแบบสูญเปล่า ป่านนี้ฉันคงมีพลังอยู่ในระดับเดียวกับผู้อาวุโสคิ้วขาวแล้ว ”
“ อยากได้โอกาสสู้ตัดสินเป็นตายกับฉันงั้นเหรอ งั้นก็ได้เลย ขอเพียงแกผนึกพลังของตัวเองไว้ในระดับเดียวกันก็พอ แล้วฉันจะใช้มือข้างเดียวสู้กับแกเอง ”
“ ว่ายังไง…แกกล้าไหม! ” เทพกระบี่พูดขึ้นอย่างท้าทาย
ครั้งนั้น หยวนไป่เฉียนอาศัยตอนที่เทพกระบี่ ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู่กับเจ้าสำนักบู๊ตึ้ง แล้วทำร้ายเทพกระบี่จนสาหัส นี่เป็นเหมือนเงามืดในใจของเทพกระบี่มาเนิ่นนาน
เมื่อได้ยินแบบนั้น หยวนไป่เฉียนก็เงียบไปทันที เพราะเขาเองก็ไม่มั่นใจว่าจะรับมือเทพกระบี่ได้ ในขอบเขตเดียวกัน
ส่วนเรื่องที่เทพกระบี่บอกว่าจะใช้มือเดียวนั้น มันช่างไร้สาระสิ้นดี เพราะปกติอีกฝ่ายก็ถือกระบี่ด้วยมือข้างเดียวอยู่แล้ว
“ เจ้าตำหนักเทวะ อย่าถ่วงเวลาเลย ให้ฉันผนึกพลังของคุณไว้แล้วตามพวกเรากลับไปซะดีๆ อย่างน้อยคุณก็จะปลอดภัยไปอีกหลายวัน ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
ถึงแม้เขาจะรับปากมหาเทพจูเซียนไว้ว่าจะแก้แค้นให้ แต่ก็ไม่ได้กำหนดระยะเวลาเอาไว้ ถ้าเจ้าตำหนักเทวะทำตัวมีประโยชน์
เขาก็คิดว่า จะปล่อยให้อีกฝ่ายมีชีวิตต่อไปอีกซักหนึ่งเดือน
“ ไม่ต้องพูดจาไร้สาระอีกต่อไปแล้ว…ฉันคือเจ้าตำหนักเทวะผู้ปกครองสูงสุดในโลกใบนี้ คิดว่าคนอย่างพวกแกจะมาบงการชีวิตฉันได้งั้นเหรอ ” หยวนไป่เฉียนพูดมาถึงตรงนี้ก็เงียบไปครุ่หนึ่ง ก่อนจะตะโกนออกมาเสียงดัง
“ อย่าได้ฝันไป! ”
คลื่นพลังอันเกรี้ยวกราด ระเบิดออกมาจากร่างของหยวนไป่เฉียนอย่างรุนแรง ถึงแม้อาการบาดเจ็บของเขาจะรุนแรงมาก แต่เจตจำนงแห่งการต่อสู้ของเขายังไม่ดับมอดลง
ซึ่งมันได้ไปสอดคล้องกับเคล็ดสำคัญของวิชากายาอมตะ ตราบใดที่จิตวิญญาณยังไม่ดับสลาย ก็สามารถฟื้นคืนได้อีกเรื่อยๆ
แวบบ!
ภาพลวงตาของราชันจักรพรรดิปรากฏขึ้นอีกครั้ง ซ้อนทับอยู่ด้านหลังของหยวนไป่เฉียน แล้วฟาดฝ่ามือทั้งสองออกไปพร้อมกัน
“ มังกรผยองได้สำนึก! ”
“ มังกรบินอยู่สวรรค์! ”
“ มังกรโรมรันกลางไพร! ”
“ ……………… ”
ตูมม!ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หยวนไป่เฉียนได้ใช้สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรสิบแปดกระบวนท่า ออกมาต่อเนื่องกันในคราวเดียว และทุกครั้งที่เขาใช้กระบวนท่าอะไรออกไป ภาพลวงตาราชันจักรพรรดิที่อยู่ด้านหลังก็จะใช้ออกไปเช่นกัน
ถึงแม้ว่าการทำแบบนี้ จะทำให้เขาสูญเสียพลังมากกว่าเดิมหลายเท่า แต่ในสถานการณ์ตกเป็นรองแบบนี้ มีเพียงต้องสังหารศัตรูให้ได้ซักคน จึงจะพลิกกลับมาชนะได้
และแน่นอนว่า เป้าหมายของหยวนไป่เฉียนก็คือเทพกระบี่ เพราะนอกจากจะเป็นผู้ที่มีความแข็งแกร่งน้อยที่สุด ยังมีหนี้แค้นกันแต่ในอดีตอีกด้วย
เปรี้ยงง!ๆๆๆๆๆๆ ตูมมมๆๆๆๆ
มองเห็นฝ่ามือขนาดยักษ์ ซัดเข้าใส่เทพกระบี่อย่างต่อเนื่อง ร่างของหยวนไป่เฉียนเองก็บุกทะลวงเข้าประชิดตัวอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว แล้วรุกไล่อย่างดุดัน
ฉัวะ!
คมกระบี่ของจ้าวเทียน เฉือนไหล่ซ้ายของหยวนไป่เฉียนเกิดบาดแผลเป็นทางยาว จนเลือดสีแดงสาดกระจายออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน