เมื่อได้ยินสิ่งที่กงเสี่ยวเหมยพูด ซุยหลิงก็รีบเดินหลบออกไปด้วยความอับอาย…
เธอไม่กล้าไปต่อปากต่อคำกับกงเสี่ยวเหมย เพราะอีกฝ่ายมาในนามของตัวแทนตระกูลกง อีกทั้งยังมียอดฝีมือในตระกูลตามมาด้วยมากมาย
“ พี่เสี่ยวเหมย…ในที่สุดพี่ก็มา แล้วพี่ชายของฉันล่ะ ”
ลี่เฟยเดินไปหากงเสี่ยวเหมยด้วยความดีใจ เธอรู้สึกกดดันมาตลอด เพราะพวกตัวแทนตระกูลคู่อริมากันก่อนแล้ว
“ พี่หวูเฉินออกไปกับคุณยายฉันน่ะ…พวกเขาไปที่ตระกูลหวัง อีกไม่นานคงตามมา” กงเสี่ยวเหมยตอบ คนที่จงใจสร้างเรื่องในวันนี้นั้น มีเบื้องหลังใหญ่โตกว่าที่พวกเธอคิดไว้มาก
พวกเธอจำเป็นต้องหาพันธมิตรเพิ่มเติม…
“ ในเวลาแบบนี้ตานั่นก็ดันมาหายไปอีก…คอยดูเถอะกลับมาเมื่อไหร่ฉันจะจัดการเขาแน่นอน ” ลี่เฟยบ่นขึ้นด้วยความหงุดหงิด
จากที่พี่เสี่ยวเหมยบอกแสดงว่าเรื่องในคราวนี้ตัวการอาจไม่ใช่เพียงตระกูลจางอย่างที่เธอคิด
“ คิกคิก ถึงเวลานั้น…พี่ก็จะช่วยเธอด้วยก็แล้วกันนะ ” กงเสี่ยวเหมยหัวเราะออกมาเบาๆ ในเวลาแบบนี้เธอเองก็อยากให้จ้าวเทียนมาอยู่ข้างๆเช่นกัน
ตราบใดที่มีเขาอยู่ข้างกาย เธอรู้สึกว่าเรื่องทุกอย่างมันผ่านไปได้ด้วยดีเสมอ…
บ่ายโมงตรง
ภายในห้องประชุมใหญ่ของตระกูลลี่ ตัวแทนของ 5 ตระกูลใหญ่แห่งเมืองเทียนจินได้มากันครบแล้ว พวกกงเสี่ยวเหมยเองก็ได้เข้ามาแล้วเช่นกัน
“ เอาล่ะ…นี่คงถึงเวลาที่ตระกูลลี่คงจะต้องให้คำตอบกับพวกเราแล้วใช่ไหม ” จางว่านฉีพูดขึ้นเสียงดัง
“ ได้สิ…ในเมื่อพวกคุณมากันครบแล้ว ฉันก็จะอธิบายให้ฟัง ปรากฏการณ์เมื่อวานไม่ได้เกี่ยวข้องกับโอสถในตำนานเลย แต่มันเป็นผลของเคล็ดวิชาที่ผู้อาวุโสคนหนึ่งสำแดงออกมา ” ลี่เฉียนคุนอธิบายขึ้นอย่างใจเย็น
วันนี้เขาทำหน้าที่ผู้นำตระกูลแทนลี่ตงไห่พ่อของเขา ซึ่งตอนนี้กำลังนั่งคุมเชิงผู้เชี่ยวชาญตระกูลอื่นอยู่
“ เหอะ…คุณอย่ามาโกหกพวกเราเลยดีกว่า แสงสีทองส่องทะลุท้องฟ้าแบบนั้น ไม่มีทางเป็นฝีมือของมนุษย์ไปได้หรอก ” ตัวแทนตระกูลหลี่พูดขึ้นอย่างเยาะเย้ย
“ ฉันคิดว่าตระกูลลี่ต้องการจะฮุบมันไว้คนเดียวมากกว่ามั้ง ถึงได้พูดแบบนี้ ” ผู้อาวุโสของตระกูลจางพูดแทรกขึ้น
“ สิ่งที่ฉันบอกเป็นความจริงทุกอย่าง ไม่ว่าพวกคุณจะพูดยังไง ฉันก็ขอยืนยันคำเดิม ตระกูลลี่ไม่มีโอสถในตำนานใดๆทั้งสิ้น ” ลี่เฉียนคุนตอบอย่างเย็นชา เขารู้ทันคนพวกนี้ มันก็แค่หาข้ออ้างจัดการกับตระกูลลี่เท่านั้น
“ ลี่เฉียนคุน…ฉันว่านายคิดดีๆก่อนที่จะพูดดีกว่านะ ครั้งนี้ 5 ตระกูลใหญ่มากันครบ ถ้านายมีของสิ่งนั้นจริงๆก็เอาออกมาให้พวกเราดู จะได้ตกลงกันได้ ” จางว่านฉีพูดกดดันด้วยความเป็นต่อ ซึ่งก็ได้รับการสนับสนุนจากคนอื่นๆทันที
“ ใช่ๆ มีก็เอาออกมา ”” อย่ามัวพูดบ่ายเบี่ยงเลย ! ”
“ หึหึ ลี่เฉียนคุน…ฉันว่านายอย่าเสียเวลาพูดเลย วันนี้ถ้านายไม่มีคำตอบที่พวกเราพอใจอย่าหวังว่าเรื่องจะจบง่ายๆ ” จางว่านฉีพูดด้วยท่าทีเยาะเย้ย
คิกคิก
กงเสี่ยวเหมยหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง
!!
“ เธอขำอะไร…เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องตลกนะ ” จางว่านฉีพูดขึ้นด้วยความโกรธ เด็กสาวคนนี้เป็นแค่ผู้เยาว์ กล้ามาหัวเราะแทรกเขาได้อย่างไร
“ ฉันก็แค่สงสัย…ต่อให้ตระกูลลี่มีของที่พวกคุณว่าจริง ทำไมถึงต้องเอาออกมาให้พวกคุณด้วย ” กงเสี่ยวเหมยพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ นั่นมันก็แน่นอนอยู่แล้ว…ในเมืองเทียนจิน พวกเราเหล่าตระกูลใหญ่นั้นดูแลร่วมกัน ถ้ามีโอสถในตำนานเกิดขึ้นที่เมืองนี้ พวกเราก็ต้องมาจัดการด้วยกัน ”
“ ตระกูลลี่ก็แค่โชคดีที่ได้เจอก่อนเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นของตระกูลลี่ซักหน่อย ” จางว่านฉีอธิบายออกมาอย่างจริงจัง ซึ่งก็ได้รับเสียงสนับสนุนจากตัวแทนตระกูลต่างๆด้วย
“ อ๋อ…ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ งั้นฉันก็ค่อนข้างจะเห็นด้วยนะ ” กงเสี่ยวเหมยพยักหน้ายอมรับ สร้างความตกตะลึงให้พวกของจางว่านฉีทันที ทำไมตระกูลกงถึงเข้าข้างพวกเขากัน
“ เสี่ยวเหมย…นี่เธอ ” ลี่เฉียนคุนพูดขึ้นด้วยความตกใจ ทำไมกงเสี่ยวเหมยถึงพูดออกไปแบบนั้น หรือวันนี้ตระกูลกงไม่ได้อยู่ข้างตระกูลลี่
“ ฮ่า ฮา ในเมื่อตระกูลกงก็มีความเห็นตรงกัน งั้นพวกเรา…” จางว่านฉีหัวเราะขึ้นด้วยควมยินดี แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดจนจบ กงเสี่ยวเหมยก็พูดขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ พอดีทางฉันได้ข่าวมาว่า…ตระกูลหลี่ได้รับหยกเย็นพันปีมา ทำไมพวกเราไม่มาคุยเรื่องนี้ด้วยเลยนะ ” กงเสี่ยวเหมยพูดขึ้นเสียงดัง
“ นี่เธอพูดอะไรของเธอ…นั่นมันของตกทอดของตระกูลฉันนะ ” ตัวแทนตระกูลหลี่พูดขึ้นด้วยความโกรธ
“ แต่เมื่อกี้หัวหน้าตระกูลจางได้บอกเอาไว้ว่า ของล้ำค่าที่พบในเมืองเทียนจิน พวกเราตระกูลใหญ่ต้องจัดการร่วมกันไม่ใช่เหรอ ” กงเสี่ยวเหมยพูดขึ้นอย่างเฉยชา
“ เธอกล้าดียังไง! ” ตัวแทนตระกูลหลี่ชี้หน้ากงเสี่ยวเหมยด้วยความโกรธ
“ พอได้แล้ว! ” จางว่านฉีหันไปห้ามตัวแทนตระกูลหลี่เอาไว้ เขามองกงเสี่ยวเหมยด้วยสายตาเย็นชา
เด็กสาวคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน