ด้วยพลังฝีมือของจ้าวเทียนในตอนนี้ ระยะทางเพียงสามร้อยกิโลเมตร เขาสามารถมาถึงได้ในยี่สิบนาที แต่เพราะพวกเฉินจิ้งและคนอื่นๆติดตามมาด้วย มันจึงต้องใช้เวลามากกว่าเดิมสองเท่า
‘ มีพวกโซเฟียอยู่ด้วย เรื่องความปลอดภัยของผู้อาวุโสต้วนมู่เฉียนคงไม่ใช่ปัญหา ที่น่าเป็นห่วงก็คือ ชีวิตของฝ่ายศัตรูมากกว่า หากฉันไปไม่ทัน แผนการที่วางไว้ก็คงล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม ’
สิ่งที่จ้าวเทียนกังวลในตอนนี้ ก็คือการที่ต้วนมู่เฉียนได้สังหารเจ้าตำหนักเทวะรุ่นก่อนสองคนไปเรียบร้อยแล้ว จนเขาไม่อาจใช้คนพวกนั้นเป็นเหยื่อล่อให้ศัตรูที่เหลืออกมาจากที่ซ่อนได้
เปรี้ยงง! ตูมม!ๆๆๆๆๆ
เสียงการต่อสู้ที่ด้านหน้า ดึงดูดสายตาของพวกจ้าวเทียนในทันที ม่านพลังสีขาวที่มีลักษณะเป็นรูปโดมครึ่งวงกลมขนาดใหญ่ สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนในระยะไกล
“ ตรงนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง พวกคุณที่เหลือให้หลบซ่อนตัวเอาไว้ก่อน อย่าปล่อยให้พวกมันสังเกตพิรุธออก ”
“ ถ้าฉันเดาไม่ผิด จุดที่เกิดการต่อสู้จะต้องมีสมบัติเวทที่ใช้สอดแนมอยู่ ถ้าหยวนไป่เฉียนเห็นว่าฉันปรากฏตัวขึ้นคนเดียว จะต้องทุ่มกำลังออกมาแน่นอน ”
ครั้งนี้จ้าวเทียนพายอดฝีมือในกองกำลังของเขามาเกือบครบทุกคน ขาดเพียงซูต๋าจีเท่านั้น เพราะความสามารถของเธอ เหมาะสำหรับการป้องกันฐานบัญชาการมากว่า
ด้วยเขตแดนโลกมายากับกองกำลังติดอาวุธเกือบสองหมื่นคน ต่อให้ศัตรูยกขบวนกันมาเป็นล้าน ก็สามารถต้านเอาไว้ได้ซักระยะหนึ่ง
“ นายก็ระวังตัวด้วยนะ หากเกิดอะไรขึ้นก็ให้รีบส่งสัญญาณทันที ” ลี่เหยาเหยาพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง เธอรู้ว่าจ้าวเทียนกำลังใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อฝ่ายตรงข้าม ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่อันตรายมาก
เพราะด้วยความพ่ายแพ้ของหยวนไป่เฉียนในอดีต เขาคงทำทุกวิถีทางเพื่อสังหารจ้าวเทียนล้างความอัปยศแน่นอน
“ เธอมั่นใจได้เลย หากอีกฝ่ายปรากฏตัวออกมา ฉันจะรีบส่งสัญญาณทันที ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง ถึงแม้จะมั่นใจในพลังฝีมือของตนเองขนาดไหน แต่เขาก็ไม่กล้าดูถูกศัตรู
เพราะถ้าตัวเขาเกิดได้รับบาดเจ็บหรือถูกสังหารไป นั่นหมายถึงชีวิตของใครอีกหลายคนที่จะต้องสูญเสียไปในสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นภายหน้า
ผ่านไปครู่หนึ่ง
เมื่อจ้าวเทียนถึงจุดที่พวกโซเฟียกำลังต่อสู้อยู่ เขาก็เห็นชายชุดดำเกือบหกสิบคนกำลังโจมตีใส่ค่ายกลแสงศักดิ์สิทธิ์อย่างบ้าคลั่ง
แม้พวกเขาจะถูกคนในสำนักกระบี่เหล็กลอบสังหารไปสิบกว่าคนแล้ว แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทางหวาดกลัวแม้แต่น้อย ในทางกลับกันพวกเขากลับยิ่งคลุ้มคลั่งขึ้นกว่าเดิม
‘ อยู่ตรงนั้นสินะ หน่วยสอดแนมที่หยวนไป่เฉียนส่งมา ’
สายตาของจ้าวเทียนมองไปยังทิศทางหนึ่ง ห่างออกไปจากพวกโซฟียประมาณสองกิโลเมตร เซียนขั้นสูงสองคนกำลังใช้กระจกบานใหญ่จับภาพการต่อสู้จากระยะไกล
‘ เอาล่ะ ในเมื่อมีผู้ชมแล้ว ละครที่ฉันจัดฉากขึ้นก็ควรจะเริ่มต้นได้ซักที ’
จ้าวเทียนยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา เพียงก้าวออกไปสั้นๆ ร่างของเขาก็ไปปรากฏอยู่ท่ามกลางกลุ่มชายชุดดำเกือบหกสิบคน ที่กำลังโจมตีใส่ม่านพลังศักดิ์สิทธิ์อยู่
!!
“ นี่แก! เป็นใคร ”
“ ศัตรู งั้นรึ ”
“ สังหารมันซะ นายท่านสั่งแล้ว ห้ามมีผู้ใดรอดชีวิต ”
ฉัวะ!
ยังไม่ทันที่คนพวกนั้นจะพูดจบ กระบี่ราชันสวรรค์ของจ้าวเทียนก็ฟันกวาดออกไปเป็นรูปครึ่งวงกลมในพริบตาเดียว
ไม่มีใครมองเห็นว่าจ้าวเทียนนำกระบี่ออกมาตอนไหน พวกเขาได้ยินเพียงเสียงกรีดร้องของสายลมครั้งเดียวเท่านั้น
ก่อนที่สหายทั้งสิบคนที่อยู่ภายใต้วิถีกระบี่ จะถูกตัดขาดออกเป็นสองท่อน โดยที่ลำตัวท่อนล่างและท่อนบนยังคงประกบกันอยู่ครู่หนึ่ง
ก่อนที่จะเอียงล้มลงไปด้านข้างอย่างช้าๆ พร้อมกับเลือดมากมายที่พุ่งทะลักออกมาอย่างน่ากลัว
“ ฉันจำได้แล้ว เขาคือคนที่นายท่านกำลังค้นหาตัวอยู่ ไม่ผิดแน่ ” ชายที่เป็นหัวหน้า พูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเทา ข่าวเรื่องความพ่ายแพ้ ของเจ้าตำหนักเทวะนั้นทุกคนต่างทราบดี
“ ว่าไงนะ…ชายคนนี้คือจ้าวเทียน งั้นเหรอ ” เสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวเริ่มแพร่กระจายไปในกลุ่มพวกเขาอย่างรวดเร็ว
“ จบสิ้นแล้ว เหตุใดเราต้องมาพบกับเทพสังหารอย่างมัน ในตอนที่นายผู้เฒ่าทั้งสองไม่อยู่ด้วย ” ชายคนหนึ่งถึงกับทิ้งอาวุธลงด้วยความสิ้นหวัง เหมือนรับรู้ได้ถึงชะตากรรมของตัวเองในอนาคต
ความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายอยู่ต่างกันราวฟ้ากับดิน ต่อให้พวกเขาที่เหลืออีกห้าสิบคนตัดสินใจสู้ตาย ก็ไม่อาจสร้างบาดแผลให้อีกฝ่ายได้อยู่ดี
อีกด้านหนึ่ง ภายในม่านพลังแสงศักดิ์สิทธิ์เมื่อทุกคนในสำนักกระบี่เหล็ก ได้เห็นจ้าวเทียนก็รู้สึกทั้งโล่งใจและสะทกสะท้อนใจในเวลาเดียวกัน
เพราะก่อนหน้านี้ ทั้งสองฝ่ายอยู่ในสถานะของศัตรูมาก่อน ไม่นึกเลยว่า ผ่านไปเพียงไม่นาน พวกเขาจะต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนที่เคยเป็นศัตรูแบบนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน