จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 366

ย้อนกลับไปช่วงเวลาก่อนหน้านี้ หลังจากที่ทูตเต่าดำกักขังพวกคังหลินเอาไว้สำเร็จ เขาก็เริ่มลงมือทำลายเขตอาคมโลหิตอย่างรวดเร็ว

“ ทุกคนโคจรพลังเอาไว้ ปล่อยตัวตามสบายห้ามต่อต้านฉันอย่างเด็ดขาด ”

วูป!

กระจกแปดเหลี่ยมลอยออกจากมือของทูตเต่าดำ ไปอยู่ด้านบนม่านพลังของเขตอาคมโลหิต จากนั้นมันก็เริ่มขยายขนาดใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแทบจะเต็มพื้นที่ของห้องใต้ดินนี้

ครืนนน!

กองกำลังของสำนักจตุเทวะทุกคน สามารถสัมผัสได้ชัดเจนว่าพลังในร่างของตัวเองกำลังถูกดึงดูดออกไปอย่างรวดเร็ว จนมีบางคนถึงกับทรุดลงไปนั่งบนพื้นอย่างอ่อนแรง

“ อดทนไว้ ขอเพียงทำภารกิจนี้สำเร็จ ฉันสัญญาว่าหลังจากกลับไปที่สำนักจะมอบรางวัลให้พวกนายอย่างงาม ไม่ว่าจะเป็นสมบัติเวทหรือโอสถระดับสูง ฉันก็สามารถจัดหามาได้ทั้งนั้น ” ทูตมังกรทองพูดกระตุ้นขึ้นเสียงดัง ปลุกแรงฮึดของทุกคนกลับมาอีกครั้ง

บูมมม!

คลื่นพลังได้ระเบิดออกมาอีกครั้ง กระจกแปดเหลี่ยมได้ยกระดับตัวเองขึ้นมาเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ขึ้นสูงสุดชั่วคราว ด้วยพลังที่ถูกยืมมาจากยอดฝีมือนับร้อย

“ แผนภูมิแปดทิศ หยั่งรู้ลิขิตสวรรค์ ครอบคลุมทั้งฟ้าดิน กับแค่เขตอาคมชั้นต่ำแบบนี้ คิดว่าจะต้านทานฉันได้งั้นเหรอ ”

“ จงทำลายมันไปซะ! ”

สิ้นเสียงของทูตเต่าดำ กระจกแปดเหลี่ยมก็ระเบิดแรงกดดันอันมหาศาลออกมา มันกระแทกใส่ม่านพลังเขตอาคมโลหิต และหมุนวนอย่างรวดเร็วเหมือนกับเป็นสว่าน

ตูมมมม! ครืนนนน!

ม่านพลังสีแดงถูกบีบอัดลงมา อย่างไม่อาจต้านทานได้ คล้ายกับลูกโป่งที่ถูกกดทับและกำลังจะแตก

แกร่ก!

ถึงแม้ม่านพลังที่เกิดจากการสังเวยเซียนขั้นสูงสุดห้าร้อยคนจะแข็งแกร่ง แต่ก็คงไม่อาจเทียบเท่ากับการรวมพลังของยอดฝีมือขอบเขตปราณทิพย์ขั้นสูงสุดนับร้อย และสมบัติศักดิ์สิทธิ์ได้ ทำให้มันเริ่มปรากฏรอยแตกกระจายไปทั่ว

“ อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น อดทนไว้ ” ทูตมังกรทองพูดขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้น เขากำลังรอให้เขตอาคมถูกทำลายอย่างใจจดใจจ่อ

ทันใดนั้นเอง!

ประตูกลไกอีกด้านก็เปิดออกมา พร้อมกับเจ้าตำหนักเทวะรุ่นก่อนสองคน ที่พุ่งโจมตีเข้าใส่กระจกแปดเหลี่ยมอย่างไม่สนใจชีวิตตัวเอง

“ เหอะ…ยอมปรากฏตัวออกมาแล้วสินะ ฉันกำลังรอพวกแกอยู่พอดีเลย ” ทูตมังกรทองพูดออกมาด้วยสีหน้าเย็นชา

เหมือนรู้อยู่แล้ว ว่าฝ่ายตรงข้ามจะต้องออกมาขัดขวางแน่นอน…

ครืนนน!

กระจกแปดเหลี่ยมได้เปลี่ยนทิศทางอย่างกะทันหัน ปลดปล่อยลำแสงสีทองโจมตีเข้าใส่ผู้บุกรุกทั้งสองอย่างรุนแรง

เปรี้ยง! ตูมมม!

เสียงระเบิดดังสนั่น ห้องลับใต้ดินถูกทำลายจนพังพินาศ คลื่นพลังที่ระเบิดออกมาทำให้ยอดฝีมือหลายคน กระเด็นไปกระแทกกำแพงอย่างแรงจนได้รับบาดเจ็บ

ถือเป็นโชคดี ที่สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนจะได้รับการเสริมความแข็งแกร่งจากเขตอาคมโลหิตอยู่ ไม่อย่างนั้นผนังด้านบน คงพังทลายลงมากลบฝังพวกเขาเอาไว้หมดแล้ว

วิ้งงง! ครืนนน!

กระจกแปดเหลี่ยมสั่นไหวอย่างแรง จนถูกกระแทกถอยไปเกือบสิบเมตร ที่มุมด้านหนึ่งมีรอยแตกร้าวขนาดเล็กขึ้น

เพราะถึงอย่างไรก็เป็นการโจมตีสุดแรงของยอดฝีมือขอบเขตแดนเทพถึงสองคน ย่อมได้รับความเสียหายเช่นกัน

แต่ถ้าเทียบกับศัตรูที่โจมตีเข้ามานั้น นับว่าเป็นความเสียหายที่เล็กน้อยจนไม่ควรค่าให้กล่าวถึง

“ เหอะ หนีเข้าไปในเขตอาคมงั้นเหรอ ” ทูตมังกรทองพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด ที่ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ

“ พี่ใหญ่ไม่ต้องห่วง พวกมันได้บาดเจ็บสาหัสขนาดนั้น ขอเพียงเราทำลายม่านพลังได้ ไม่ช้าก็เร็วย่อมต้องสังหารอีกฝ่ายได้แน่นอน ” ทูตกระเรียนพูดขึ้นเสียงดัง พร้อมกับกระตุ้นให้ทุกคนถ่ายเทพลังไปให้กระจกแปดทิศมากขึ้นกว่าเดิม

“ ใช่แล้ว ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือการทำลายเขตอาคม แล้วจบภารกิจในครั้งนี้ อย่างอื่นพวกเราอย่าเพิ่งไปสนใจเลย ” ทูตกิเลนพูดสนับสนุนขึ้น

แวบ! ครืนนนน!

กระจกแปดเหลี่ยมได้กลับมาทำหน้าที่ของมันอีกครั้ง ใช้ความกดดันบดขยี้ม่านพลังของเขตแดนอย่างรวดเร็วกว่าเดิม

“เสียงการระเบิดเมื่อครู่ คงเหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้คนภายนอกได้รับรู้แน่นอน พวกเราจำเป็นต้องเร่งมือให้ไวกว่าเดิม ” ทูตมังกรทองพูดออกมาด้วยท่าทีเคร่งเครียด พร้อมกับกวาดตามองไปทางพวกคังหลิน อย่างไม่ไว้ใจนัก

แต่พริบตานั้นเอง เหตุการณ์บางอย่างก็เกิดขึ้น โดยไม่มีใครตั้งตัวได้ทัน

“ พวกเรา…ขอมอบทั้งชีวิตและดวงวิญญาณให้แก่ท่านบรรพชน ”

จ้าวตำหนักเทวะทั้งสองคนตะโกนออกมาพร้อมกัน พร้อมกับใช้มือขวาควักหัวใจที่กำลังเต้นอยู่ของตนเองออกมาถือไว้

จากนั้น…พวกเขาก็บีบมันจนแตก

พรู้ดดด!

เลือดมากมาย ได้สาดกระเด็นไปโดนอักขระโบราณที่อยู่บนพื้น จนพวกมันเปล่งสีแดงเข้มออกมา ทั้งยังถูกจัดเรียงตำแหน่งใหม่ กลายเป็นเขตอาคมอีกชนิดซ้อนทับอยู่ด้านใน

วูป!

ร่างอันไร้ชีวิตของเจ้าตำหนักเทวะทั้งสอง ได้สลายกลายเป็นหมอกสีแดงลอยไปทางแผ่นหินโกลาหล และถูกดูดซึมเข้าไปในโรงหยกที่ฝังอยู่ด้านล่าง

หลังจากนั้น

บูมมมม!

เขตอาคมโลหิตได้ระเบิดคลื่นพลังงานสีแดงออกมา เปลี่ยนรูปร่างเป็นมือขนาดใหญ่คว้าไปที่กระจกแปดเหลี่ยมของทูตเต่าดำอย่างรวดเร็ว

หมับ!

หลังจากสัมผัสกับมือขนาดใหญ่นี้ กระจกแปดเหลี่ยมก็สูญเสียประกายไปในพริบตา และหดเล็กลงจนมีขนาดเท่าเดิม ส่วนพลังของพวกทูตเทวะที่อยู่ด้านในนั้น ก็ถูกมือนี้ดูดกลืนออกไปจนหมด

แวบ!

ม่านพลังของเขตอาคมโลหิตได้ขยายตัวออกไป จนครอบคลุมเหล่าทูตเทวะทั้งหมดเอาไว้ด้านใน ยกเว้นแต่พวกคังหลินเท่านั้น ที่ไม่ได้รับผลกระทบไปด้วย

เหตุผลเพราะ พวกเขามีค่ายกลผนึกจตุเทวะของทูตเต่าดำปกป้องอยู่ ซึ่งเรื่องนี้มันก็ทำให้ทูตเทวะที่ตกเป็นเหยื่อจ้องมองไปทางพวกคังหลินด้วยความคับแค้นใจ

ครืนนนน!

หมอกสีแดงจางๆระเบิดออกมาอีกครั้ง และได้เข้าปกคลุมพวกที่ถูกจับไว้ในเขตอาคมอย่างรวดเร็ว แม้แต่พลังและเคล็ดวิชาที่พวกเขาภูมิใจก็ไม่สามารถใช้ออกมาได้ เหมือนกับถูกผนึกเอาไว้

“ นี่มัน…พลังของพวกเรา กำลังถูกเขตอาคมนี้ดึงดูดออกไป ” ทูตกิเลนพูดออกมาด้วยใบหน้าซีดขาว เขาพบว่า ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถต่อต้านได้

“ อย่าบอกนะว่า…นี่คือเป้าหมายของพวกมันตั้งแต่แรก พวกเราถูกหลอกให้มาเป็นเครื่องสังเวยเพื่อปลุกชีพบรรพชนตระกูลหยวน ” ทูตมังกรทองพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน ด้วยมันสมองของเขาทำให้สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวได้ทันที

“ หอกของฉัน จงออกมา! ”

ทูตมังกรทองพยามเรียกอาวุธคู่กายออกมาแต่มันกลับไร้ผล หมอกสีแดงนี้ได้เข้าไปผนึกพลังทุกอย่างในร่างกายเอาไว้ แม้แต่แหวนมิติก็ยังใช้งานไม่ได้ด้วยซ้ำ

“ ฉลาดดีนี่…แต่มันก็สายไปแล้ว ”

หยวนเทียนหลงได้ถูกเคลื่อนย้ายมาปรากฏตัวอยู่ตรงกลางห้อง เขาใช้สายตาเย็นชากวาดมองใบหน้าของศัตรูที่อยู่รอบๆอย่างละเอียด เหมือนเป็นการสื่อว่าจะไม่ปล่อยให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว

“ แก…เข้ามาได้อย่างไร ” ทูตมังกรทองจำได้ว่าอีกฝ่ายกำลังต่อสู้กับจ้าวเทียนอยู่บนฟ้า แล้วเพราะเหตุใดหยวนเทียนหลงถึงเข้ามาอยู่ในห้องนี้ได้ล่ะ

“ แกควรจะห่วงชีวิตตัวเองมากกว่านะ ศิษย์ของสำนักจตุเทวะนี่ยังถูกหลอกใช้ง่ายเหมือนเดิมไม่มีผิด ” หยวนเทียนหลงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม

ถึงแม้สภาพในตอนนี้ของเขาจะดูเลวร้ายมาก ทั้งยังเหลือแขนเพียงแค่ข้างเดียว แต่ก็ไม่มีใครกล้าประมาทเขาเลยแม้แต่น้อย

“ หยวนเทียนหลง อย่ามาทำเป็นพูดดีหน่อยเลย ตัวแกเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้ จนสูญสิ้นพลังและใกล้จะตายเต็มทีแล้วใช่ไหม ”

ทูตมังกรทองสังเกตไปที่อาการบาดเจ็บของอีกฝ่าย ที่ตอนนี้เริ่มมีเลือดไหลซึมออกมาจากบาดแผลเป็นจำนวนมาก

ถ้าหยวนเทียนหลงยังเหลือพลังอยู่ ก็คงรักษาบาดแผลพวกนี้จนหายดีไปแล้ว

“ ก็แล้วยังไงล่ะ ต่อให้ฉันบาดเจ็บสาหัสจริง แต่ก็ยังเป็นผู้ควบคุมเขตอาคมนี้อยู่ พวกแกคิดว่าจะทำอะไรได้งั้นเหรอ ” พูดจบหยวนเทียนหลงก็สะบัดมือออกไปเบาๆ

ครืนนน

หมอกสีแดงได้ก่อตัวขึ้นเป็นกำแพง แบ่งแยกหยวนเทียนหลงออกจากฝ่ายตรงข้ามอย่างชัดเจน นอกจากนี้ ทุกครั้งที่หมอกสีแดงไหลซึมเข้าไปในร่างของเขา มันยังช่วยฟื้นฟูความแข็งแกร่งให้อย่างรวดเร็ว

แท้จริงแล้ว หมอกสีแดงพวกนี้ก็คือแก่นแท้โลหิตของตระกูลหยวน จากกองกำลังเซียนขั้นสูงสุดห้าร้อยคน

พวกเขาได้ถูกหยวนเทียนหลงเซ่นสังเวยให้กับเขตอาคมตั้งแต่สองวันก่อน และยังรวมไปถึงเจ้าตำหนักเทวะสองคนที่พลีชีพไปก่อนหน้านี้ด้วย

“ บาดแผลแค่นี้ ไม่เกินสิบนาทีฉันก็ฟื้นฟูกลับมาดังเดิมแล้ว แต่น่าเสียดายที่พวกแกคงไม่มีโอกาสได้เห็น ” หยวนเทียนหลงพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา

แต่ยังไม่ทันที่ทูตมังกรทองจะได้ตอบอะไรออกไป ก็มีความเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นที่ด้านหลังเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว

เพล้งงง!

ค่ายกลผนึกจตุเทวะที่กักขังพวกคังหลินอยู่ ได้ถูกแมลงตัวเล็กๆทำลายไปในพริบตา ทำให้พวกเขาสามารถใช้เขตอาคมเคลื่อนย้ายออกไปอย่างง่ายดาย

“ พวกคุณทำธุระกันตามสบายนะ พวกฉันขอตัวกลับออกไปก่อนก็แล้วกัน ”

วูป!

ร่างของพวกคังหลินทั้งห้าคน เปลี่ยนเป็นละอองแสงสีขาว แล้วหายไปจากห้องนี้ ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคนที่อยู่ตรงนั้น

“ บัดซบ! ไอ้พวกขี้ขลาดเอ้ย อย่าให้ฉันรอดไปได้นะ ”

ทูตมังกรทองตะโกนออกมาด้วยความเดือดดาล เขากำลังจะขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่ายอยู่พอดี นึกไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

“ ชายคนนั้นดูเหมือนจะชื่อฉินหนานสินะ ตัดสินใจได้เด็ดขาดดีจริงๆ ” หยวนเทียนหลงพูดชมออกมาเบาๆ

เพราะหากยืดเวลาออกไปให้ร่างกายเขาได้รับการฟื้นฟูอีกหนึ่งนาที อีกฝ่ายก็คงต้องประสบชะตากรรมเดียวกับพวกทูตเทวะแล้ว

ในเวลาเดียวกัน

ร่างของพวกคังหลินก็ได้มาปรากฏ ขึ้นที่ด้านหน้าของตำหนักเจ้าเมือง ซึ่งพวกเขาก็พบว่าจ้าวเทียนได้มารออยู่แล้ว

“ ศิษย์น้อง นายต่อสู้กับหยวนเทียนหลงอยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมเขาถึงมาปรากฏในห้องลับใต้ดินได้ ” คังหลินถามขึ้นทันที

เมื่อได้ยินแบบนั้นจ้าวเทียนก็ถอนหายใจออกมา แล้วพูดขึ้น

“ ถ้าไม่ใช่เพราะแผ่นป้ายคุ้มกันของนิกายจูเซียน ฉันคงสังหารเขาตายไปสิบครั้งแล้ว แถมอีกฝ่ายยังมีสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้เคลื่อนย้ายหลบหนีโดยเฉพาะ ฉันเลยไม่อาจขัดขวางได้ทัน ”

“ พวกเราจะทำยังไงกันต่อ สถานการณ์ในตอนนี้… ” คังหลินได้เล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ทุกคนได้ฟัง รวมถึงข้อสันนิษฐานที่ว่า อีกฝ่ายกำลังจะคืนชีพให้กับบรรพชนตระกูลหยวนด้วย

ซึ่งเมื่อฟังจบจ้าวเทียนก็หยุดคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบเครื่องมือสื่อสารออกมา

“ หวังซินหยาง…เริ่มปฏิบัติการตามแผนได้ ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน