จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 37

ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่ม สามสาวได้กลับกันไปหมดแล้ว ตรงโซฟารับแขกเหลือเพียงแค่จ้าวเทียนกับเฉินจิ้งเท่านั้น

“ ดูเหมือนพวกเธอทั้งสองคนจะชอบพี่จริงๆนะครับ ” เฉินจิ้งถามทำลายความเงียบขึ้น

“ ฉันรู้ ” จ้าวเทียนตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้ตกใจกับคำถามของเฉินจิ้งแต่อย่างใด

“ พี่คงไม่ได้คิดจะกินรวบทั้งสองคนใช่ไหม ฮาฮ่า ฉันเห็นพี่ไม่กล้าขัดใจพวกเธอทั้งคู่เลย ” เฉินจิ้งแกล้งถามติดตลกขึ้นมา

“ ฉันคงอธิบายให้นายฟังเป็นคำพูดได้ยาก แต่สำหรับฉันความรู้สึกที่พวกเธอมีให้มันเหมือนกับสิ่งที่ไม่ได้สัมผัสมานานมาก ซึ่งฉันก็กำลังพยายามเข้าใจมันอยู่ ”

“ ฉันรู้ว่าทั้งสองคนไม่พอใจ เรื่องที่ฉันรับหญิงสาวสองคนมาอยู่ด้วยโดยที่พวกเธอไม่รู้เรื่อง แต่ถึงแบบนั้นพวกเธอก็ไม่ได้แสดงอาการหงุดหงิดหรือโวยวายใส่ฉัน ”

“ การกลั่นแกล้งเล็กน้อยนี้ เหมือนเป็นแค่การแสดงความรู้สึกไม่พอใจของพวกเธอเท่านั้น ฉันไม่ถือกับเรื่องแค่นี้หรอก ”

“ ตราบใดที่พวกเธอไม่ก้าวก่ายชีวิตของฉันจนเกินไป ” จ้าวเทียนอธิบายให้เฉินจิ้งฟัง แต่ก็เหมือนพูดกับตัวเองด้วย

หลังจากที่ผนึกความทรงจำของเขาถูกทำลายนั้น มันเหมือนกับว่าเขาได้ความรู้สึกบางอย่างที่เสียไปกลับคืนมา

ซึ่งเมื่อเขาลองคิดดูตลอดเวลาที่อยู่บนแดนสวรรค์ เขาไม่เคยรู้สึกรักใครเลย แม้แต่โม่ปิงหยูสาวงามที่ใช้ชีวิตร่วมกันมาเกือบร้อยปี เขาก็มองเป็นสหายเท่านั้น

อีกอย่างก็คือเขาไม่เคยร้องไห้เสียใจมาก่อน ตอนที่รู้ว่าโม่ปิงหยูถูกอาจารย์ของเธอฆ่าตาย ตัวเขาก็รู้สึกเพียงต้องการแก้แค้นเท่านั้น แม้แต่ตอนที่อาจารย์ของเขาดับสิ้นไปเขาก็ไม่ได้มีน้ำตาออกมา

เหมือนการผนึกความทรงจำในครั้งนั้น มันทำให้เขาสูญเสียอารมณ์ความรัก และความเสียใจไปด้วย

สำหรับตอนนี้ ความรู้สึกที่เขามีให้ลี่เหยาเหยากับกงเสี่ยวเหมยนั้น ยังไม่ใช่ความรัก แต่ก็รู้สึกพิเศษกว่าผู้หญิงคนอื่น

ซึ่งเขาไม่ได้สัมผัสความรู้สึกแบบนี้มาเกือบแสนปีแล้ว…

“ แต่ตอนนี้ฉันยังตอบรับความรู้สึกของพวกเธอไม่ได้หรอก ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยเสียงจริงจัง

“ เรื่องตระกูลจ้าว…สินะครับ ” เฉินจิ้งตอบ เมื่อเห็นใบหน้าแปลกใจของจ้าวเทียน เขาก็ถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วก็พูดขึ้น

“ ตั้งแต่ที่ลุงซุยกลับมา ท่านก็ตามสืบเรื่องนี้มาโดยตลอด แม้แต่ผมเองก็ใช้ช่องทางพิเศษจนได้รับข้อมูลบางส่วนมาเหมือนกัน ทั้งหมดมันชี้ไปที่ตระกูลจ้าวแห่งปักกิ่ง ”

“ ฉันต้องขอบคุณพวกนายมากนะ ” จ้าวเทียนพูดขอบคุณด้วยความซาบซึ้ง แม้จะมีอะไรหลายอย่างเกิดขึ้น แต่ลุงซุยก็ยังเหมือนเดิม

“ จริงสิ…บริษัทของพ่อพี่ที่ถูกขายไป ลุงซุยซื้อคืนมาให้แล้วนะครับ ตอนนี้พี่ซุยลี่เหยาดูแลให้อยู่ ”

สิ่งที่เฉินจิ้งพูดออกมา สร้างความตกใจให้จ้าวเทียนเป็นอย่างมาก เพราะมันไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ และเพราะเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้บริษัทมีแต่หนี้เสียจำนวนมาก จนสูญเสียความสามารถในการทำกำไรไป

“ ทำไมนายไม่ห้ามล่ะ…มันจะเป็นการสูญเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์นะ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นอย่างมีอารมณ์ เงินที่ใช้ซื้อบริษัทคืนมามันมากกว่า 200ล้านเลยทีเดียว

“ ทุกคนห้ามแล้ว…แต่ลุงไม่ฟัง คุณป้าโกรธมากจนหนีกลับไปอยู่ที่ตระกูลเก่าของท่านเองแล้ว เงินทั้งหมดที่ใช้ไปเป็นเงินส่วนตัวของลุงเองที่สะสมมาตั้งแต่เป็นทหาร ”

“ ลุงซุยบอกว่าบริษัทนี้พ่อแม่ของพี่ร่วมกันเปิดขึ้น แม่ของพี่เองก็รักบริษัทนี้มาก ท่านอยากให้พี่รับช่วงต่อไป ”

เฉินจิ้งเล่าออกมาช้าๆ ตัวเขาไม่รู้หรอกว่าทำไมลุงซุยถึงต้องทำเพื่อจ้าวเทียนขนาดนี้ ในอดีตความสัมพันธ์ของลุงซุยกับพ่อแม่ของจ้าวเทียนมันลึกซึ้งขนาดนั้นเลยเหรอ

จ้าวเทียนตอนนี้เขารู้สึกพูดไม่ออก ในอดีตมันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาบ้าง ทำไมเขารู้สึกว่าลุงซุยรักเขายิ่งกว่าลูกแท้ๆของตัวเองเสียอีก

อีกทั้งยังมีเรื่องของแม่ ที่เขาแทบจะจำหน้าตาท่านไม่ได้แล้ว เมื่อ 8 ปีก่อน อยู่ๆท่านก็หายตัวไปแบบลึกลับ พ่อเขาก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องของแม่อีกเลย จนกระทั่งท่านตายไป

“ เฉินจิ้ง…ความใฝ่ฝันของนายคืออะไรเหรอ ” จ้าวเทียนถามขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง เขาหยิบเอาถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบเล็กน้อย

“ ความฝัน…ของผมงั้นเหรอ ” เฉินจิ้งพึมพำออกมาด้วยท่าทีแปลกใจ อยู่ดีๆทำไมจ้าวเทียนถึงถามเขาแบบนี้

แต่ทันใดนั้น ในความคิดของเขาก็มีภาพเด็กสาวน่ารักที่เขาเพิ่งเจอในวันนี้ ใบหน้าเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นเคลิบเคลิ้มแล้วหลุดปากพูดโดยไม่รู้ตัว

“ น้องปิงหยู… ”

กึก

แคร่ก!

ถ้วยน้ำชาในมือของจ้าวเทียนแตกสลายเป็นฝุ่น แม้แต่น้ำชาที่อยู่ในแก้วยังเดือดเป็นไอหายไปหมด

“ เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ…พอดีฉันได้ยินไม่ชัด ” จ้าวเทียนถามขึ้นด้วยแววตาเย็นชา มุมฝีปากเขายิ้มขึ้นอย่างน่ากลัว

เฮือก!

“ ผม…อ๋อ ผมจะถามว่าน้องปิงหยูเป็นลูกศิษย์พี่เหรอ แล้วพี่ช่วยรับผมเป็นศิษย์ด้วยได้ไหม ” เฉินจิ้งตอบออกมาด้วยรอยยิ้มฝืนๆ

เมื่อกี้เพียงเสี้ยววินาที เขารู้สึกว่าตัวเองเฉียดความตายไปรอบหนึ่งแล้ว

จ้าวเทียนมองเฉินจิ้งด้วยแววตาครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วตอบออกไป

“ ฉันจะไม่รับนายเป็นศิษย์ ”

แววตาของเฉินจิ้งหมองลงทันทีเขาพูดออกมาเบาๆ “ เพราะเส้นลมปราณของผมเหรอ ”

จ้าวเทียนส่ายหน้าเบาๆ เขารู้ตั้งแต่ตอนจับข้อมือเฉินจิ้งตรวจอาการบาดเจ็บแล้ว เส้นลมปราณของอีกฝ่ายน่าจะถูกทำลายไป คงเป็นเพราะเรื่องอุบัติเหตุที่ลุงซุยเคยเล่าให้ฟัง

เหตุผลที่เข้าไม่รับเฉินจิ้งเป็นศิษย์นั้น เพราะมองออกว่าหมอนี่น่าจะมีรสนิยมแปลกๆ หากให้มาร่วมฝึกวิชากับโม่ปิงหยู

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน