การปรากฏตัวของจ้าวเทียน ทำให้สถานการณ์ของสงครามหยุดชะงักลงไปครู่หนึ่ง แม้แต่ต้วนมู่เฉียนที่กำลังพยายามทำลายประตูเซียน ยังต้องหันมาให้ความสนใจอย่างจริงจัง เพราะศึกตัดสินระหว่างจ้าวเทียนกับธันเดอร์
อาจจะเป็น…บทสรุปสุดท้ายของสงครามในครั้งนี้
“ ผู้อาวุโสทางด้านนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง คุณรีบทำลายประตูเซียนเร็วเข้า ก่อนที่มันจะสายเกินไป ”
จ้าวเทียนรีบส่งเสียงทางลมปราณไปเตือนต้วนมู่เฉียน เพราะเขาสัมผัสได้ว่าประตูเซียนกำลังจะสลายไปแล้ว
“ ระวังตัวด้วย…ธันเดอร์ในตอนนี้แข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนหลายเท่า ” ต้วนมู่เฉียนตอบกลับไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนที่จะหันไปโจมตีใส่ประตูเซียนต่อ เขาเองก็รู้ดีว่าเวลามันกำลังจะหมดลงแล้ว
วูป!
จ้าวเทียนเคลื่อนย้ายพริบตาไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆ พร้อมทั้งส่งกงเสี่ยวเหมยไปให้โม่ปิงหยูดูแลต่อ
“ เหยาเหยา เธอพอจะหยุดความเคลื่อนไหวของสามคนนั้นอีกครั้งได้หรือเปล่า ” จ้าวเทียนมองไปทางพวกผู้มีพลังพิเศษระดับเอสที่ได้รับบาดเจ็บอย่างเย็นชา เขาไม่ต้องการให้มีคนฉวยโอกาสหาผลประโยชน์ในช่วงเวลานี้
“ ได้สิ เรื่องคนพวกนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันกับคนอื่นๆเอง นายวางใจได้เลย ” ลี่เหยาเหยาตอบกลับด้วยรอยยิ้มมั่นใจ หากพวกธันเดอร์ไม่สอดมือเข้ามา พวกเธอคงเอาชนะการต่อสู้ได้นานแล้ว
“ เหอะ…พวกแกสั่งเสียกันเสร็จหรือยัง รีบออกมารับความตายได้แล้ว ” ธันเดอร์พูดออกมาเสียงดัง สายตาเขาจ้องมองไปที่จ้าวเทียนอย่างดุดัน เหมือนต้องการฉีกกระชากอีกฝ่ายเป็นชิ้นๆ
ในอดีตตัวเขาเคยพ่ายแพ้ให้กับจ้าวเทียนในการต่อสู้ตัวต่อตัวมาก่อน ถึงแม้ตอนนั้นตนเองจะถูกจำกัดพลังเอาไว้ถึงหกส่วน แต่การพ่ายแพ้ให้ชนพื้นเมืองบนโลกที่มีขั้นพลังต่ำกว่า ก็กลายเป็นตราบาปติดตัวเขาไปตลอดชีวิต
มีเพียงเอาชนะจ้าวเทียนในการต่อสู้แบบตัวต่อตัวอีกครั้ง ถึงจะล้างความอัปยศในตอนนั้นได้
“ ถึงขั้นจุติกายแท้ลงมาแบบนี้ ดูเหมือนแกคงจะอยากเอาชนะฉันมากเลยสินะ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด ด้วยประสบการณ์อันยาวนาน ทำให้เขาสามารถมองความลับของฝ่ายตรงข้ามออกทันที
‘ แค่ความกดดันที่เขาปลดปล่อยมาก็เหนือกว่า เจ้าตำหนักเทวะรุ่นแรกไปสองขั้นแล้ว เห็นทีศึกครั้งนี้คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน ’
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้แบบนี้ ต่อให้ต้วนมู่เฉียนไม่เตือน จ้าวเทียนก็ไม่กล้าประมาทเด็ดขาด
วูป!
ถุงมือเกล็ดมังกรถูกเรียกออกมาสวมที่มือข้างซ้าย พร้อมกับกระบี่ราชันสวรรค์ในมือขวา จ้าวเทียนตอนนี้อยู่ในสภาวะพร้อมสู้เต็มอัตราศึก
“ อย่าหลงตัวเองเกินไปนัก แค่จะสังหารแกไม่จำเป็นต้องให้ฉันใช้วิธีนี้หรอก เพราะพวกแกมันก็เป็นแค่ก้อนกรวดบนทางเดินที่ฉันจะบดขยี้เมื่อไหร่ก็ได้ ”
สิ้นเสียง ร่างของธันเดอร์ก็เปลี่ยนเป็นประกายสายฟ้าพุ่งเข้าใส่จ้าวเทียนทันที ค้อนโยเนียร์ที่อยู่ในมือเขาทุบใส่กำแพงอากาศตรงหน้าอย่างรุนแรง
“ มหาอัสนีพิโรธ! ”
ตูมมม!
กำแพงมิติพังทลาย สายฟ้าหลายร้อยเส้นรวมตัวกันบิดเป็นเกลียวคล้ายอสรพิษสายฟ้าขนาดยักษ์ พุ่งทะลวงเข้าใส่จ้าวเทียนอย่างดุดัน การโจมตีนี้ได้รวมอำนาจอันน่าเกรงขามของเทพเจ้าสายฟ้าเอาไว้ทั้งหมด
“ คิดว่าถ้าปะทะกันซึ่งๆหน้า แล้วฉันจะกลัวงั้นเหรอ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นเสียงเย็นชา พุ่งเข้าใส่อสรพิษสายฟ้าพร้อมกับปล่อยหมัดออกไปสุดแรง
“ สามหมัดราชันจักรพรรดิ! ”
“ หมัดสองถล่มนภา! ”
ภาพทุกอย่างแข็งค้างเหมือนเวลาถูกหยุดเอาไว้ สามารถมองเห็นอสรพิษสายฟ้าขนาดยักษ์พยายามดิ้นรนให้ออกจากการถูกผนึก แต่ก็ไม่สามารถฝ่าฝืนอำนาจแห่งมหามรรคาจักรพรรดิอันยิ่งใหญ่ได้
เพล้ง!
ภาพลวงตาของหมัดขนาดใหญ่ที่ลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงสีทอง ทลายท้องฟ้าลงมาจนแตกออกเป็นเสี่ยงๆราวกับเศษกระจก เวลาที่ถูกหยุดไว้ก็กลับมาเดินอีกครั้ง
เปรี้ยงง! ตูมมมมม!
ลำตัวของอสรพิษสายฟ้าขนาดยักษ์ถูกบดขยี้เป็นจุล แต่ส่วนหัวของมันกลับหลุดรอดออกมาได้ และพุ่งทะลวงเข้าหาจ้าวเทียนในพริบตา
“ จงสลายไปซะ! ”
ฉัวะ!
รังสีกระบี่อันน่าเกรงขาม ฟันใส่ปากที่อ้ากว้างของอสรพิษสายฟ้าจนแยกออกเป็นสองส่วน อีกทั้งยังมีเปลวเพลิงสีทองระเบิดออกมาเผาไหม้ส่วนที่เหลือไปจนหมด
ทันใดนั้น
เปรี้ยงงง!
ร่างของจ้าวเทียนปลิวกระเด็นไปไกลหลายกิโลเมตร แขนข้างซ้ายที่ยกขึ้นมาป้องกันไว้บิดงออย่างน่ากลัว ทิศทางที่เขาพุ่งผ่านไปเกิดเป็นคลื่นโซนิคบูม จนพื้นทะเลแยกออกเป็นสองฝั่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน