ลี่เฟยที่นั่งอยู่รีบลุกขึ้น แล้ววิ่งมาเขย่าตัวจ้าวเทียน
“ นายทำได้จริงๆใช่ไหม ไม่ได้โกหกฉันนะ ” เธอพูดขึ้นด้วยความดีใจ
จ้าวเทียนได้แกะมือของลี่เฟยออกอย่างลำบาก
“ เธอใจเย็นๆก่อน ” เมื่อเห็นลี่เฟยสงบลง เขาก็ได้พูดต่อ “ ฉันสามารถรักษาปู่ลี่ได้ แต่ก็ต้องหลังจากที่อยู่ในขอบเขตผู้เชี่ยวชาญแล้ว ถึงจะสามารถใช้ลมปราณเฉพาะตัวทำลายพิษหยินที่ชั่วร้ายได้ ”
จ้าวเทียนพูดขึ้นอย่างมั่นใจ
!!
“ นาย…ปู่ฉันรอไม่ไหวหรอกนะ กว่านายจะไปถึงขั้นนั้นต้องใช้เวลาอีกกี่ปีกัน ” ลี่เฟยพูดขึ้นด้วยความโกรธ เธอรู้สึกเหมือนจ้าวเทียนล้อเล่นกับความรู้สึกเธอ
เป็นที่รู้กันว่าการจะขึ้นสู่ขอบเขตผู้เชี่ยวชาญนั้น จะต้องเปิดจุดเส้นลมปราณให้ได้ ซึ่งมันก็ยากมาก บางคนติดค้างอยู่ในขั้นนักสู้ระดับ9เป็น10ปี ก็ยังไม่สามารถขึ้นเป็นผู้เชี่ยวชาญได้
ตอนนี้ท่านปู่ลี่เองก็คิดไปในทางเดียวกับหลานสาว เพราะขนาดตัวท่านเองที่เคยได้ชื่อว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์อันดับต้นๆของตระกูล ยังได้เป็นผู้เชี่ยวชาญก็ตอนเมื่ออายุเกินสามสิบปีไปแล้ว ซึ่งในตอนนี้จ้าวเทียนยังพึ่งจะอายุยี่สิบปีเอง
“ ไม่ต้องใช้เวลาเป็นปีหรอก สำหรับฉันแค่สามวันก็เพียงพอ ” จ้าวเทียนพูดขึ้น ล้อเล่นหรือป่าวแค่เปิดจุดลมปราณ สำหรับมหาเทพตี้เทียนแล้วเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
หากไม่ใช่เพราะร่างกายเขาในอดีตนั้นอ่อนแอจนเกินไป แถมยังมีเส้นลมปราณอุดตันหลายเส้น จนเขาต้องอาศัยตัวยามาช่วยละก็ ขอเวลาเพียงชั่วโมงเดียวเขาก็ไปถึงขั้นผู้เชี่ยวชาญแล้ว
“ เธอรู้หรือป่าวว่าพูดอะไรออกมา การจะเป็นผู้เชี่ยวชาญไม่ใช่เรื่องง่ายๆนะ ” ปู่ลี่เริ่มรู้สึกมีโทสะเล็กน้อย ท่านเริ่มคิดว่าเด็กน้อยคนนี้อวดดีจนเกินไป
“ นายพูดจริงแน่นะ ” ลี่เฟยถามขึ้น เธอนึกไปถึงเรื่องความเร็วในการฝึกฝนของจ้าวเทียน ก็เริ่มรู้สึกถึงความเป็นไปได้ขึ้นมา เพียงแค่อาทิตย์เดียวจากคนธรรมดา ตอนนี้สามารถเอาชนะเธอได้แล้ว
“ จริงสิ…เพียงแต่ช่วยเตรียมสมุนไพรพวกนี้ให้หน่อยได้ไหม ” จ้าวเทียนหยิบกระดาษออกมา เขียนรายชื่อสมุนไพรที่ต้องใช้ลงไป แล้วส่งไปให้ลี่เฟย
เมื่อรับเอากระดาษที่จ้าวเทียนยื่นให้ มาอ่านดู สีหน้าลี่เฟยก็เริ่มเปลี่ยนไปเป็นยุ่งยาก
“ นี่มันรวมแล้ว3ล้านหยวนเลยนะ…นายมีเงินเท่าไหร่ ” เพราะเธอเติบโตมาในร้านสมุนไพร จึงจดจำราคาได้อย่างแม่นยำ หลังจากที่คำนวณเงินที่จ้าวเทียนต้องจ่ายแล้วจึงถามขึ้นด้วยความกังวล
เพราะเนื่องจากเธอรู้ถึงสถานการณ์ของจ้าวเทียนดี เงินจำนวนขนาดนี้มันมากเกินไปสำหรับจ้าวเทียน
“ ตอนนี้ฉันมีแค่สองแสนนะ…ร้านเธอช่วยเขียนเป็นสัญญากู้ยืมไว้ได้ไหม ฉันสัญญาจะหามาคืนได้แน่นอน ” จ้าวเทียนรู้สึกอายเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่มีเงินจริงๆ
“ อีก3วัน นายจะรักษาปู่ฉันได้จริงใช่ไหม หากนายทำได้ เงินจำนวนนี้ไม่เป็นปัญหาเลย แถมทางตระกูลฉันยังต้องตอบแทนนายเพิ่มด้วยซ้ำ ” ลี่เฟยถามย้ำ สีหน้าเธอจริงจังเหมือนตัดสินใจบางอย่างได้ เพียงแค่ต้องการเห็นความมั่นใจจากจ้าวเทียนอีกครั้ง
“ ฉันทำได้แน่นอน…ฉันเคยโกหกเธอเมื่อไหร่กัน ” จ้าวเทียนตอบด้วยความหนักแน่น แววตาเขามั่นคงไม่สั่นไหว
“ ตกลง…ฉันเชื่อนาย ” ลี่เฟยตัดสินใจได้ในที่สุด “ ท่านปู่ค่ะ ช่วยขายสมุนไพรพวกนี้ให้จ้าวเทียนด้วย เงินส่วนที่จ้าวเทียนขาดไปหนูจะเป็นคนจ่ายเอง ”
ท่านปู่ลี่ซึ่งนั่งฟังมาตลอดโดยไม่ได้พูดอะไร แววตาที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ชีวิตมากมายของท่าน มองใบหน้าจริงจังของหลานสาวตัวเอง แล้วย้ายไปมองดูสีหน้ามั่นใจของจ้าวเทียนอีกครั้ง ก็อดไม่ได้ให้รู้สึกแปลกๆ
หากเป็นคนอื่นเมื่อได้เจอเรื่องแบบนี้ คงไม่มีทางยอมทนดูหลานตนเองถูกผู้ชายหลอกลวงแน่นอน แต่เมื่อเห็นถึงความเชื่อใจที่หลานสาวตนมีให้กับจ้าวเทียน ท่านก็เกิดความรู้สึกลังเลขึ้นมาก
“ หลานแน่ใจนะ…เท่าที่ปู่จำได้นั่นเป็นเงินเก็บเกือบทั้งหมดของหลานเลยนะ” ท่านปู่ลี่ถามย้ำอีกครั้ง
“ หนูเชื่อใจเพื่อนของหนูค่ะ…หนูรู้จักนิสัยเขาดี ” ลี่เฟยตอบขึ้นด้วยความมั่นใจ
“ น้องเชื่อใจมัน…แต่พี่ไม่! ” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นจากทางเข้าห้องโถง
ทุกคนในห้องหันไปมองทันที ผู้ชายคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดสูทสีดำรูปร่างกำยำสูงใหญ่ บนเขาตัวเขามีบรรยากาศบางอย่างที่เพียงแค่มองเห็น ก็สามารถบอกได้เลยว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก
ซึ่งตอนนี้เขาได้เดินเข้ามาในห้องโถง ด้วยท่าทีไม่พอใจ
“ พี่ใหญ่!...แต่นี่เป็นเงินส่วนตัวของฉันนะ ” ลี่เฟยพูดขัดขึ้น
ผู้ชายคนนี้ชื่อ ลี่หวูเฉิน เป็นลูกชายคนโตของตระกูลลี่ ซึ่งจ้าวเทียนก็รู้จักดี เพราะเคยพบหน้ากันหลายครั้งแล้ว ตอนสมัยที่ครอบครัวของจ้าวเทียนยังดีอยู่
“ ฉันยืนฟังอยู่นานแล้ว…ฉันไม่ปล่อยให้นายมาหลอกลวงน้องสาวฉันได้หรอก ” ลี่หวูเฉิน เดินเข้ามายืนบังตัวลี่เฟยไว้ด้านหลัง เขาจ้องมองไปที่จ้าวเทียนด้วยแววตาดุดัน
“ ฉันไม่ได้หลอกลวงลี่เฟย ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาลุกขึ้นยืนอยู่ต่อหน้าลี่หวูเฉินไม่ได้เกรงกลัวแม้แต่น้อย
มองท่าทีของจ้าวเทียนตรงหน้า ลี่หวูเฉินก็รู้สึกแปลกใจ เขารู้สึกได้ถึงความหนักแน่นและมั่นคงต่างจากจ้าวเทียนในอดีตที่เขาเคยเจอมาก
สมัยก่อนตอนที่จ้าวเทียนได้เจอเขาทุกครั้ง จะมีท่าทีหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด แต่คงเพราะเขาไม่ได้เจอตัวจ้าวเทียนมาเป็นปีแล้ว จึงไม่เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของจ้าวเทียนเหมือนกับลี่เฟย
“ ฉันรู้สึกเสียใจกับเรื่องของครอบครัวนายนะ แต่นั้นก็ไม่ใช่เหตุผลที่นายจะมาหลอกเอาเงินน้องฉัน ” เขาจงใจพูดเหมือนว่าจ้าวเทียนจะหลอกเอาสมุนไพรไปขายต่อ แล้วเอาเงินไปใช้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน