สุดท้าย นอกจากเฉินจิ้งกับคราเคนที่ไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ ผู้ถูกเลือกคนอื่นต่างถูกทำพันธสัญญาผู้รับใช้ทั้งหมด เป็นระยะเวลาสี่ปีตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ในตอนแรก
ด้วยการจัดการของเทพมังกรอ๋าวเฟิง ต่อให้พวกเขาอยากจะต่อต้านสักเท่าไหร่ มันก็ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อเทพมังกรที่ดูแลพวกตนอยู่ไม่ลงมือขัดขวาง ก็ไม่มีใครกล้ารนหาที่ตาย
ซึ่งหลังจากจัดการเรื่องทุกอย่างจบแล้ว จ้าวเทียนก็ได้ชี้แจงให้ทุกคนทราบโดยทั่วกันว่าจุดประสงค์ในการทำพันธสัญญาครั้งนี้ ไม่ได้หวังจะกดขี่ทุกคนเป็นทาส และจะไม่มีการออกคำสั่งให้พวกเขาไปทำเรื่องเลวร้ายหรือเสี่ยงชีวิตตนเองโดยไม่จำเป็น
จ้าวเทียนแค่ต้องการสร้างเครือข่ายข้อมูลขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมโลกทั้งใบ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับสงครามในอนาคต
ที่สำคัญที่สุด เขาไม่ต้องการให้ผู้ถูกเลือกทุกคนเอาแต่แก่งแย่งชิงดีกันเอง แล้วปล่อยให้พวกศัตรูฉกฉวยผลประโยชน์
“ คุณพูดจริงงั้นเหรอ เรื่องที่จะไม่ใช้พวกเราเป็นเครื่องมือ หรือส่งไปตายก่อนการทดสอบจะมาถึง ” เมอร์ลินถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจนัก
ตัวเขาถือกำเนิดในทวีปตะวันตกยุคศักดินา เคยเห็นเจ้านายใช้งานผู้รับใช้ไม่ต่างไปจากสุนัข แม้แต่อัศวินที่ได้ชื่อว่ามีคุณธรรม พอถึงคราวจวนตัวก็สั่งให้ลูกน้องออกไปตายแทนเป็นเรื่องที่พบเห็นได้บ่อย
ถึงแม้ในยุคสมัยใหม่จะมีการเลิกทาสไปแล้ว แต่เมื่อคนเรากุมอำนาจเอาไว้ในมือ ด้านมืดที่เก็บซ่อนไว้ ก็จะเริ่มเผยออกมาทีละน้อย จนสุดท้ายก็จะหลงลืมตัวตนแรกเริ่มไป
หากเป็นพวกเขาที่ชนะการเดิมพัน คงใช้อำนาจที่เพิ่งได้มานี้วางแผนยึดครองโลกแล้ว
ต้องไม่ลืมว่าผู้ถูกเลือกทุกคน ก็เปรียบเสมือนจักรพรรดิในพื้นที่ของตนเอง ทั้งยังมีขุมกำลังอันแข็งแกร่งสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
ขอเพียงสั่งออกไปคำเดียว กองกำลังยอดฝีมือนับแสนก็พร้อมเคลื่อนไหวตามบัญชาทันที ข้อเสนอนี้มันเย้ายวนใจถึงเพียงไหน
ไม่ใช่แค่เมอร์ลินเท่านั้นที่ยังคลางแคลงใจในตัวจ้าวเทียน ผู้ถูกเลือกทุกคนเองก็เช่นกัน แต่เพราะตอนนี้ชีวิตของพวกเขาถูกผูกมัดรวมกัน และตกอยู่ภายใต้การควบคุมของอีกฝ่ายแล้ว จะให้แสดงออกมากเกินไปก็ใช่ที่ จึงตัดสินใจเงียบไว้จะดีกว่า
จ้าวเทียนเองก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขาก็เลือกที่จะไม่พูดอะไร เรื่องบางอย่างปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องตัดสินจะดีที่สุด
‘ สำหรับผู้ที่เคยเป็นถึงมหาเทพปกครองจักรวาลทั้งหมดอย่างฉัน โลกมนุษย์ใบนี้ ก็เป็นเพียงแค่ทางผ่านสำหรับแผนการเท่านั้น ’
ผ่านไปครู่หนึ่ง หลังจากที่พวกเขาปรึกษาหารือกันเสร็จ โฮ่วอี้กับเทพมังกรทั้งหมดก็เดินเข้ามาหา โดยมีเฉินจิ้งที่กลายเป็นปกติแล้วติดตามอยู่ด้านหลัง
“ อาจิ้ง ดูเหมือนนายจะไม่ขาดทุนนะ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม เขาสัมผัสได้ชัดเจนว่าเฉินจิ้งแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนมาก
นอกจากพลังที่เลื่อนระดับขึ้นมาเป็นครึ่งก้าวเซียนนภาขั้นสูงสุด ยังมีสายเลือดมังกรมารอเวจีของเขาที่ดูจะบริสุทธิ์กว่าแต่ก่อนถึงห้าส่วน
“ แน่นอนครับบอส ต้องขอบคุณผู้อาวุโสอ๋าวเถียน ตอนนี้ผมคันไม้คันมือมากเลย อยากจะทดสอบพลังใหม่ที่ได้รับมาเร็วๆ ” เฉินจิ้งพูดออกมาด้วยท่าทีมั่นใจ พร้อมกับรีบเดินไปยืนอยู่ด้านขวามือของจ้าวเทียนซึ่งที่ประจำของตนเอง ตอนนี้ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับผู้ถูกเลือกอื่นเขาก็ไม่กลัว
‘ เฉินจิ้งคงจำเรื่องที่ตัวเองถูกควบคุมจิตวิญญาณไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่พูดแบบนี้ออกมา ’
เมื่อมองไปทางเทพมังกรอ๋าวเถียน ก็พบว่าอีกฝ่ายมีใบหน้าซีดขาวดูอ่อนล้า พยายามหลบสายตา และยังแสดงท่าทีหวาดกลัวโฮ่วอี้อย่างเห็นได้ชัด คาดว่าก่อนหน้านี้คงถูกสั่งสอนไปแล้วแน่นอน
“ พวกเรากลับกันเถอะ นี่คงได้เวลาที่ท่านอาจารย์จะลงมือแล้ว ”
โฮ่วอี้ที่ได้ยินก็พยักหน้าเบาๆ เขาเองก็แลกเปลี่ยนข้อมูลกับพวกเทพมังกรเสร็จแล้วเช่นกัน ย่อมไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ที่นี่ต่อ
ในเวลาเดียวกัน
ลี่เหยาเหยา กงเสี่ยวเหมย โม่ซินหนาน โม่ปิงหยูและคนอื่นๆที่จัดการภารกิจทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ก็มายืนรอจ้าวเทียนอยู่ที่ลานกว้างหน้าคฤหาสน์ดาราสวรรค์ เพราะใกล้จะถึงเวลาเริ่มการถ่ายทอดสดตามแผนแล้ว
“ นี่ก็ผ่านไปสามชั่วโมง ทำไมอาจารย์ถึงยังไม่กลับมานะ คงไม่มีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นใช่ไหม ” โม่ปิงหยูพูดขึ้นด้วยท่าทีกังวล ฝ่ายตรงข้ามเป็นถึงผู้ถูกเลือกของเทพมังกรทั้งแปด ย่อมต้องแข็งแกร่งกว่าศัตรูที่เคยผ่านมาแน่นอน
“ ปิงหยูไม่ต้องห่วง ศิษย์พี่หญิงกับอาจารย์ปู่ก็ไปด้วย คงไม่มีเรื่องอะไรหรอก ” ลี่เหยาเหยาพูดปลอบเบาๆ เธอรู้นิสัยของชายคนรักดี เขาไม่มีทางทำอะไรที่ไม่มั่นใจเด็ดขาด
“ ใช่แล้ว ไม่แน่ว่าตอนนี้ เขาอาจจะกำลังกลับมาแล้วก็ได้ พวกเรารอต่ออีกหน่อยเถอะ ” กงเสี่ยวเหมยส่งเสียงสนับสนุน โม่ซินหนานที่ได้ยินก็พยักหน้าเห็นด้วย พร้อมกับลูบหัวลูกสาวเบาๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน