จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 421

ผ่านไปหนึ่งเดือน นับตั้งแต่เหตุการณ์จักรพรรดิเทพมาเยือนโลกมนุษย์ และการถือกำเนิดของสมาพันธ์เซียน

ถึงแม้ในช่วงแรกจะเกิดความวุ่นวายอยู่บ้าง เพราะรัฐบาลแต่ละประเทศยังไม่รู้ว่าจะปฏิบัติต่อจ้าวเทียนอย่างไรดี ตัวแทนเทพเจ้า? หัวหน้าสมาพันธ์? หรือจักรพรรดิของโลกมนุษย์

ผู้นำแต่ละประเทศ พากันหวาดกลัวจ้าวเทียนจะเข้ามาแย่งชิงอำนาจของตน ถึงกับมีบางคนเดินทางมาประเทศจีนเพื่อขอเจรจาเป็นการส่วนตัวเลยด้วยซ้ำ

ถ้าให้พูดกันตามตรง จ้าวเทียนไม่ได้สนใจจะยึดครองโลกอย่างที่ทุกคนคิด เพราะแค่ต้องเผชิญหน้ากับขุมกำลังมากมายบนแดนสวรรค์ก็วุ่นวายพออยู่แล้ว ดังนั้นการไม่รับเอาภาระมาเพิ่มถือเป็นเรื่องดีที่สุด

ประเทศจีนในตอนนี้ ได้กลายเป็นศูนย์กลางความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยใหม่ ในฐานะขุมกำลังอันดับหนึ่งบนโลกมนุษย์ และยังได้ตำแหน่งประธานในการประชุมสหประชาชาติครั้งหน้า

สมาพันธ์เซียนของจ้าวเทียน ถูกยกระดับขึ้นเป็นองค์กรระหว่างประเทศ ได้รับการยอมรับจากสากล จนต้องมีการตั้งหน่วยงานแยกย่อยออกมา เพื่อดูแลสถานการณ์ในต่างประเทศโดยเฉพาะ

ซึ่งพูดกันตามตรง หน่วยงานใหม่นี้ก็คือสายลับดีๆนี่เอง เพียงแต่จะมีความแข็งแกร่งส่วนบุคคลอยู่ในระดับที่สูงมาก จึงไม่จำเป็นต้องปิดบังตนเอง

หน้าที่ของพวกเขาคือ การแก้ไขความขัดแย้งที่เกิดจากผู้มีพลัง โดยในระหว่างนั้นก็คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของพวกเทพสวรรค์ที่จุติลงมาเป็นการลับ แล้วรายงานไปยังศูนย์บัญชาการเป็นระยะ

ซึ่งต่อให้ถูกจับได้ก็ไม่เป็นอะไร เพราะขอเพียงฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่หนึ่งในเจ็ดขุมกำลังชั้นยอดบนแดนสวรรค์ ย่อมต้องหวั่นเกรงจักรพรรดิเทพที่อยู่เบื้องหลังจ้าวเทียนอยู่แล้ว

ณ สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ

ภายในห้องทำงานขนาดใหญ่ดูกว้างขวาง ถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ล้ำค่า แฝงไปด้วยกลิ่นอายแห่งความสงบ

ในขณะที่ท่านประธานาธิบดีกำลังอ่านหนังสืออยู่อย่างผ่อนคลาย หลังจากโหมทำงานจนดึกติดต่อกันหลายวัน ทันใดนั้น ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมกับชายคนหนึ่งที่เดินเข้ามาในห้องโดยไม่ได้ขออนุญาตก่อน

“ รองผู้นำหวัง รู้สึกช่วงนี้พวกเราจะเจอกันบ่อยเกินไปแล้วนะ ” ประธานาธิบดีบ่นออกมาด้วยความหงุดหงิด เขาเพิ่งจะมีเวลาพักได้ไม่ถึงชั่วโมง ก็ดูเหมือนว่าจะมีคนเอางานมาเพิ่มให้อีกแล้ว

“ ท่านก็พูดเกินไป ล่าสุดที่ผมมาหาท่าน มันก็ผ่านไปตั้งสี่สิบแปดชั่วโมงแล้วนะ ” หวังซินหยางตอบกลับด้วยรอยยิ้ม อันที่จริงเขาเองก็รู้สึกเกรงใจอีกฝ่ายอยู่เหมือนกัน ที่แวะมาขอความช่วยเหลืออยู่บ่อยๆ

“ เอาเถอะ ส่วนหนึ่งมันก็เพราะคนของฝ่ายฉันไปสร้างปัญหาให้กับเธอด้วยแหละ การทำงานของพวกเธอถึงเพิ่มความยุ่งยากขึ้นแบบนี้ ” พูดจบ ประธานาธิบดีก็ถอนหายใจออกมา

ปัจจุบัน ภายในสมาพันธ์เซียนได้เกิดการช่วงชิงอำนาจกัน ระหว่างกลุ่มคนธรรมดากับฝ่ายของผู้ฝึกตน จนเกิดเป็นคลื่นใต้น้ำ ส่งผลกระทบไปถึงประสิทธิภาพการทำงานในส่วนต่างๆ

โดยต้นเหตุของปัญหาทั้งหมด มันเกิดจากความโลภและความเห็นแก่ตัวของทูตตัวแทนจากรัฐบาล ที่ติดตามกลุ่มยอดฝีมือสมาพันธ์เซียน ไปประจำการยังประเทศขนาดกลางและใหญ่ รวมทั้งสิ้นสามสิบหกประเทศทั่วโลก

ต้องเข้าใจก่อนว่า ยอดฝีมือที่ติดตามจ้าวเทียนมาจากโลกหมิงหลง เคยชินกับการอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ยุคโบราณ

นอกจากการต่อสู้กับฝึกวิชาแล้ว งานอดิเรกที่เหลือก็จะมี ดีดพิณ เล่นหมากล้อม วาดภาพและจับพู่กันเขียนอักษร ซึ่งแต่ละอย่างไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในยุคสมัยปัจจุบันได้มากนัก

ดังนั้น จึงจำเป็นต้องส่งผู้มีความรู้ความสามารถและเชี่ยวชาญด้านภาษาติดตามกลุ่มยอดฝีมือเหล่านั้นไปด้วย เพื่อช่วยเชื่อมสัมพันธ์ ตัดสินคดีความ และอำนวยความสะดวกไม่ให้เกิดปัญหากับรัฐบาลเจ้าถิ่น

แต่สุดท้าย ใครเล่าจะไปคิดว่าคณะทูตที่ส่งไปด้วย จะถูกซื้อตัวโดยประเทศพวกนั้นอย่างง่ายดาย แม้จะไม่ร้ายแรงถึงขั้นทรยศขายชาติ แต่ก็เปลี่ยนเป็นคล้อยตามเป้าหมายของผู้มีอำนาจในประเทศนั้นแทน

เพราะเรื่องนี้เอง ที่ทำให้คณะทูตกับกลุ่มยอดฝีมือขัดแย้งกัน จนเกิดการลงไม้ลงมือกันขึ้น แน่นอนว่าฝ่ายที่ถูกซ้อมจนหัวบวมปูดย่อมเป็นคนจากคณะทูต

แต่เรื่องมันไม่จบเพียงแค่นั้น เพราะหลายคนที่อยู่ในคณะทูตมีเบื้องหลังใหญ่โต และต้องการแก้แค้นเอาเรื่องกลุ่มผู้ฝึกตนให้ถึงที่สุด จนบานปลายลุกลามมาถึงต้นสังกัดในรัฐบาลประเทศจีน

นี่จึงเป็นเหตุผล ที่หวังซินหยางไม่ไว้ใจใครในรัฐบาลอีก นอกจากประธานาธิบดีคนเดียว

“ ท่านยังจำเรื่องผลกระทบ ของพลังวิญญาณที่พุ่งสูงขึ้นภายในประเทศของเรา ที่ผมเคยแจ้งไว้ก่อนได้หรือไม่ ตอนนี้หน่วยงานของเราได้รวมรวบข้อมูลทั้งหมดมาให้แล้ว ”

ตุบ!

เอกสารปึกใหญ่หนาเกือบห้านิ้ว วางลงตรงหน้าประธานาธิบดีอย่างเบามือ ตรงหน้าปกมีตัวอักษรคำว่าลับสุดยอด แล้วก็ตามด้วยประโยคที่ว่า รายชื่อเด็กนักเรียนที่พลังตื่นขึ้นในระยะเวลาหนึ่งเดือน ( อายุ 12-18 ปี )

“ เยอะขนาดนี้เลยเหรอ แน่ใจนะว่าแค่เฉพาะประเทศของเราไม่ใช่ทั่วทั้งโลก ” ประธานาธิบดีถามขึ้นด้วยความแปลกใจ

เมื่อลองตรวจสอบดูคร่าวๆ ก็พบว่าเอกสารหนึ่งแผ่น บันทึกข้อมูลนักเรียนไว้แปดคน และเมื่อนำไปคูณกับจำนวนเอกสารดู ก็จะได้ยอดของเด็กนักเรียนที่พลังตื่นขึ้นเท่ากับแปดพันคนพอดี

“ นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีเด็กนักเรียนอีกมากมายที่ไม่ยอมเปิดเผยตัวตน ไม่รู้ว่าใครไปปล่อยข่าวว่ารัฐบาลกำลังจับกุมตัวผู้มีพลังพิเศษไปฝึกเป็นทหาร เด็กพวกนั้นเลยพากันหวาดกลัวไปหมด ”

หวังซินหยางถอนหายใจออกมา เหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มขึ้นหลังจากเส้นชีพจรมังกรทั้งหนึ่งร้อยถูกเปิดใช้งาน ทำให้ประเทศจีนกลายเป็นจุดศูนย์รวมของพลังวิญญาณทั่วโลก

ซึ่งสำหรับผู้ฝึกตนแล้ว เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะจะทำให้พวกเขาสามารถฝึกฝนได้อย่างรวดเร็วขึ้นหลายเท่า

แต่ทว่า มันก็ส่งผลกระทบต่อคนธรรมดาเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุระหว่างสิบสองถึงสิบแปดปี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน