บริเวณศาลเจ้าใหญ่แห่งอิเสะ ซึ่งเป็นสถานที่พำนักของเทพีอามาเทราสุ เวลานี้ได้ถูกกันไว้เป็นเขตหวงห้ามโดยกองกำลังติดอาวุธสี่พันคนอยู่รอบนอก พร้อมทั้งองเมียวจิและซามูไรหนึ่งพันคนรักษาการณ์อยู่ภายใน เหมือนกำลังเตรียมรับมือกับศัตรูอันเข้มแข็ง
วูป!
เมื่อคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาใกล้อาณาเขตหนึ่งพันเมตรรอบศาลเจ้า ม่านพลังสีทองสามชั้นก็ปรากฏขึ้นทันที มันมีลักษณะเป็นรูปโดมครึ่งวงกลม ปกคลุมศาลเจ้าและกองกำลังทั้งหมดไว้ด้านใน
“ ท่านผู้นำสมาพันธ์ พวกเราควรรอให้กำลังเสริมมาถึงก่อนไหม ” ผู้อาวุโสสำนักบู๊ตึ้งพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก เขาเป็นผู้รับผิดชอบสมาพันธ์เซียนสาขาญี่ปุ่น มีพลังฝึกตนขอบเขตเซียนขั้นสูงสุด
“ พวกเรามาพบอีกฝ่ายในฐานะพันธมิตร ไม่จำเป็นต้องเรียกกำลังเสริมหรอก ยิ่งเราแสดงท่าทีหวาดกลัวมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเหมือนกับกินปูนร้อนท้องเปล่าๆ ” จ้าวเทียนตอบกลับไปแบบไม่แสดงออกทางสีหน้า เพราะเขารู้ดีว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังสังเกตการกระทำทุกอย่างของตนอยู่
‘ เห็นทีเรื่องที่ฉันกังวลจะเป็นจริง เทพสึคุโยมิคงถูกสังหารไปแล้ว โดยคนร้ายน่าจะสร้างสถานการณ์ให้ดูเหมือนเป็นการลงมือของฉัน ’
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังแผนการนี้เจ้าเล่ห์เป็นอย่างมาก เนื่องจากต่อให้ภายหลังทั้งจ้าวเทียนและเทพีอามาเทราสุจะสามารถปรับความเข้าใจกันได้ ก็คงไม่มีทางร่วมมือกันอย่างสนิทใจได้เหมือนเดิม
เพราะเมื่อแต่ละฝ่ายเกิดความระแวงซึ่งกันและกันแล้ว ความรู้สึกนี้ก็จะไม่มีทางลบหายไปง่ายๆ โดยเฉพาะกับพันธมิตรที่ถูกตั้งขึ้นเพื่อผลประโยชน์แบบปัจจุบัน
“ ยินดีต้อนรับ แขกผู้มาเยือนทุกท่าน ”
เสียงอันอ่อนโยนของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น ทำให้กองกำลังติดอาวุธรีบหลบออกไปด้านข้าง เปิดเส้นทางให้ขบวนต้อนรับยี่สิบคนเดินออกมา
ที่นำอยู่ด้านหน้าสุด คือองเมียวจิชุดขาวหน้าตาหล่อเหลาคล้ายผู้หญิง กับซามูไรชุดแดงท่าทางดิบเถื่อน เหน็บดาบยาวเกือบสองเมตรไว้ที่เอว
“ สองคนนี้ คือยอดฝีมือระดับSของประเทศญี่ปุ่น ผู้นำฝ่ายองเมียวจิ อาเบะโน เซฮิเดะ กับซามูไรอันดับหนึ่ง ซาคากิ เคนจิโร่ ทั้งคู่มีพลังที่แข็งแกร่งมาก และฝึกฝนเคล็ดวิชาสังหารไร้ลักษณ์ ห้ามประมาทพวกเขาเด็ดขาด ” อั้งฮวงหลงรีบส่งเสียงทางลมปราณบอกข้อมูลฝ่ายตรงข้ามให้ทุกคนได้รู้
“ ขออภัยด้วย ที่พวกเรามาโดยไม่ได้นัดหมายไว้ก่อน ไม่ทราบว่าองค์เทพีอามาเทราสุยังพำนักอยู่ในศาลเจ้าหรือไม่ ผู้นำสมาพันธ์ของพวกเรามีเรื่องบางอย่างอยากปรึกษาหารือกับท่าน ” หนึ่งในเซียนที่ประจำอยู่สาขาญี่ปุ่นรีบออกไปรับหน้าทันที
“ ไม่มีปัญหา องค์เทพีกำลังรอพวกคุณอยู่พอดี เชิญตามพวกเราเข้าไปด้านในได้เลย ” อาเบะโน เซฮิเดะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงใจ แตกต่างจากซาคากิ เคนจิโร่ จ้องมองมาด้วยแววตาดุดัน แสดงเจตนาเป็นศัตรูอย่างชัดเจน
ท่าทีของฝ่ายตรงข้าม สร้างความกดดันให้ฝ่ายจ้าวเทียนเป็นอันมาก โดยเฉพาะเซียนขั้นสูงสุดห้าคนที่ติดตามมาด้วย จนรู้สึกว่าเส้นทางที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา เหมือนเป็นถ้ำเสือวังมังกร ถ้าหลงเข้าไปแล้วคงมีโอกาสน้อยมากที่จะได้ออกมา
‘ อีกฝ่ายมีเทพีอามาเทราสุ กับยอดฝีมือระดับSแค่สองคน และกองกำลังระดับBหนึ่งพันคน ส่วนทางฝ่ายฉันมี ผู้ฝึกตนขอบเขตครึ่งก้าวเซียนนภาขั้นสูงสุดหกคน เซียนขั้นสูงสุดห้าคน ’
‘ ต่อให้เกิดการต่อสู้ขึ้นมาจริงๆ ก็ยังมีความได้เปรียบด้านคุณภาพ คงถอนตัวหลบหนีได้ไม่ยากนัก แต่เพื่อความไม่ประมาท เตรียมการเอาไว้ก่อนก็คงไม่เสียหาย ’
“ พวกเราเข้าไปกันเถอะ ” จ้าวเทียนพูดออกมาเบาๆ เขาหันไปสบตากับพวกลี่เหยาเหยาเล็กน้อย ส่งสัญญาณให้พวกเธอสี่คนรออยู่ด้านนอก เพื่อรักษาเส้นทางหลบหนีเอาไว้
“ นายก็ระวังตัวด้วยนะ ถ้ามีอะไรผิดสังเกตพวกเราจะทำลายเขตอาคมบุกเข้าไปทันที ” ลี่เหยาเหยาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
จ้าวเทียนที่ได้ยินก็พยักหน้าตอบรับ แล้วเดินนำคนที่เหลือตามอีกฝ่ายเข้าไปด้านใน ซึ่งตลอดเส้นทาง อาเบะโน เซฮิเดะ ก็บรรยายประวัติความเป็นมาของศาลเจ้าแห่งนี้ไปด้วย เหมือนเป็นการพาคนมาทัศนศึกษาไม่มีผิด
“ นี่แก…คือผู้สืบทอดของต้วนมู่เฉียนจริงๆใช่ไหม ” ซาคากิ เคนจิโร่ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่เขาลดความเร็วในการเดินลง จนมาอยู่ด้านข้างจ้าวเทียน
“ ใช่ ฉันเป็นผู้สืบทอดของเขา คุณมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ ” จ้าวเทียนตอบออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาสัมผัสได้ว่าฝ่ายตรงข้ามใช้เจตจำนงแห่งดาบปิดกั้นพื้นที่ขนาดเล็ก ไม่ให้คนอื่นได้ยินการสนทนาที่เกิดขึ้น
“ ดีมาก จงฟังคำพูดฉันให้ดี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ห้ามไปกระตุ้นโทสะเทพีอามาเทราสุเด็ดขาด เพราะภายในศาลเจ้านอกจากจะจัดเตรียมค่ายกลสังหารอันน่าสะพรึงกลัวเอาไว้แล้ว ยังมีเทพโอซีริสและยอดฝีมือระดับSสองคนของประเทศอียิปต์หลบซ่อนตัวอยู่ด้วย ”
!!
“ นี่มัน…เป็นความจริงเหรอ ” จ้าวเทียนถามขึ้นด้วยความตกใจ แต่ก็พยามไม่แสดงออกทางสีหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นสังเกตเห็นความผิดปกติ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน