ชัยชนะในศึกแรกไม่ได้ทำให้จ้าวเทียนรู้สึกผ่อนคลายลงแม้แต่น้อย เพราะเขารู้ดีว่าสถานการณ์ในตอนนี้ยังคงตกเป็นรองอีกฝ่ายอยู่มาก
ขอเพียงเทพโอซีริสและเทพีอามาเทราสุร่วมมือกัน ต่อให้จ้าวเทียนดึงพลังทั้งหมดที่เก็บไว้ออกมาใช้ ก็ไม่กล้ามั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะอย่างแน่นอน
‘ ฉันไม่น่าเกิดความลังเลจนปล่อยให้เทพีอามาเทราสุรอดไปได้เลย หากใช้ร่างเจตจำนงเทพยุทธปิดฉากเธอตั้งแต่แรกเรื่องก็คงจบแล้ว ’
ถึงแม้จะเกิดการต่อสู้กันขึ้น แต่มันก็จำกัดอยู่ในขอบเขตแค่รู้ผลแพ้ชนะ ไม่ได้ตั้งใจที่จะพิสูจน์ความเป็นตาย ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายยังไม่แตกหักกันจนถึงขั้นนั้น
และที่สำคัญ ถ้าจ้าวเทียนและเทพีอามาเทราสุต่อสู้กันจนตายที่นี่ คนที่ได้ประโยชน์ก็จะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังแผนการร้ายต่างๆ ซึ่งนั่นเองก็เป็นสิ่งที่จ้าวเทียนไม่อยากจะเห็นที่สุด
“ หืม นี่เจ้ากำลังท้าทายข้าอยู่งั้นเหรอ ” เทพโอซีริสพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเทพีอามาเทราสุกำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว อีกไม่กี่ลมหายใจก็คงเข้าร่วมการต่อสู้ได้อีกครั้ง
“ ท้าทายแกแล้วจะทำไม ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา ตัดสินใจฝ่ามิติเข้าไปโจมตีฝ่ายตรงข้ามในพริบตาเดียว
เปรี้ยงงง!ๆๆๆ
กระบี่ราชันสวรรค์และตะขอเทพเจ้าปะทะกันอย่างถี่รัว ด้วยเคล็ดวิชากระบี่บูรพาสังหาร ทำให้จ้าวเทียนเคลื่อนไหวอย่างเฉียบขาด ทุกกระบวนท่าเล็งไปยังจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้ามอย่างแม่นยำ
‘ ต้องรีบจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุด ก่อนที่เทพีอามาเทราสุจะฟื้นตัวกลับมา ’
ตอนนี้จ้าวเทียนไม่คิดเก็บออมพลังไว้อีกแล้ว เขาใช้แก่นแท้สังหารและแก่นแท้กระบี่ออกไปในทุกการโจมตี ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้มีเวลาตั้งตัว
“ เก้ากระบี่เดียวดาย เคล็ดรวม! ”
จ้าวเทียนปรากฏตัวขึ้นด้านหลังเทพโอซีริสอย่างไร้ร่องรอย จากนั้นเงาร่างของเขาก็แยกออกเป็นเก้าร่าง แล้วแทงกระบี่ออกไปพร้อมกัน
เปรี้ยง!ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เงากระบี่ดุจพายุโหมกระหน่ำ รังสีกระบี่อันเกรี้ยวกราดดุดันนับร้อย ทะลวงเข้าใส่เป้าหมายจากทุกทิศทาง ตั้งแต่ที่จ้าวเทียนบรรลุแก่นแท้สังหาร อานุภาพของกระบวนท่านี้นับได้ว่ารุนแรงจนถึงขีดสุดอย่างแท้จริง
แวบ!
ร่างของเทพโอซีริสเปลี่ยนเป็นหมอกควัน พุ่งสวนทางรังสีกระบี่ทั้งหมดไปอย่างง่ายดาย ถึงแม้จ้าวเทียนจะพยามใช้เปลวเพลิงสีทองขัดขวางไว้ แต่มันกลับไร้ผลอย่างสิ้นเชิง
ด้วยแก่นแท้แห่งชีวิตและความตายที่อีกฝ่ายมีอยู่ ย่อมสามารถไม่ใส่ใจต่อการโจมตีกายภาพและธาตุพลังทั้งมวล ตราบใดที่ไม่อาจสังหารเขาได้ในครั้งเดียว ก็ไม่มีวันหยุดยั้งเขาได้อย่างแน่นอน
แวบ!
หมอกควันได้กลับมารวมตัวกันที่ตรงหน้าจ้าวเทียน กลับคืนเป็นเทพโอซีริสอีกครั้ง พร้อมกับได้ใช้ฝ่ามือซ้ายตรึงร่างจ้าวเทียนเอาไว้ในช่องว่างมิติ
“ ช่างเป็นการดิ้นรนที่ไร้ประโยชน์ ข้าได้เฝ้าดูการต่อสู้ของเจ้ามาตั้งแต่ต้นและได้มองเห็นจุดอ่อนทั้งหมดเรียบร้อย ” เทพโอซีริสพูดออกมาอย่างเฉยชา ตะขอในมือขวาวาดออกไปตรงหน้า เกิดเป็นม่านพลังสีเทาปกคลุมอาณาเขตหมื่นเมตรรอบๆเอาไว้
“ ประตูยมโลกจงเปิดออก ! ”
สิ้นเสียง กองทัพวิญญาณแห่งโลกหลังความตายนับหมื่นก็ปรากฏขึ้นจนเต็มพื้นที่ พวกมันมีพลังอยู่ในระดับเซียนขั้นสูงสุด พุ่งเข้าใส่จ้าวเทียนจากสี่ทิศแปดทางดุจสัตว์ร้าย เหมือนต้องการฉีกกระชากเขาออกเป็นชิ้นๆ
ส่วนเทพโอซีริสนั้น ได้ประสานร่างกายเป็นหนึ่งเดียวกับอาณาเขตสีเทาเรียบร้อย เขาไม่ได้ซ่อนตัวอยู่ในมิติปิดกั้นหรืออำพรางล่องหน แต่เปลี่ยนตนเองให้เป็นสะพานเชื่อมต่อเส้นทางให้กองทัพวิญญาณอมตะมายังมิติแห่งนี้
“ เคล็ดวิชาหมื่นตะวัน สุริยันเฉิดฉาย! ”
บูมมมม!
คลื่นเปลวเพลิงสีทองระเบิดออกมาโดยมีจ้าวเทียนเป็นจุดศูนย์กลาง เปลี่ยนเขาให้กลายเป็นดวงอาทิตย์ เผาไหม้สรรพสิ่งรอบด้านเป็นจุล
นี่คือเคล็ดวิชาโจมตีท่าแรกของวิชาหมื่นตะวัน ถือเป็นการโจมตีวงกว้างอย่างรุนแรงโดยไม่แบ่งแยกมิตรหรือศัตรู ด้วยอุณหภูมิความร้อนนับล้านองศา แม้แต่กำแพงมิติยังถูกเผาไหม้ ยิ่งไม่ต้องดวงวิญญาณพวกนี้
แต่ทว่า
ทุกครั้งที่ดวงวิญญาณสูญสลายไป มันกลับเกิดใหม่ขึ้นมาอย่างไม่จบไม่สิ้น ด้วยจำนวนทวีคูณมากว่าเดิมถึงสองเท่า สร้างความกดดันให้จ้าวเทียนเป็นอย่างมาก
ครืนนน!
อาณาเขตม่านพลังสีเทาได้ติดตามจ้าวเทียนไปทุกที่ ไม่ว่าเขาจะพยายามเคลื่อนไหวหลบหนีอย่างไรก็ไม่พ้น เหมือนเป็นปรสิตที่เกาะกินดวงวิญญาณไปจนกว่าเป้าหมายจะตาย
“ ทีนี้จะทำเช่นไรเล่ามนุษย์ ตราบใดที่เจ้ายังค้นหาร่างจริงของข้าไม่พบ เหตุการณ์นี้ก็จะดำเนินต่อไปตราบจนเจ้าสิ้นไร้เรี่ยวแรงไปเอง ”
“ และต่อให้เจ้ามีแก่นแท้สังหารที่สามารถจัดการดวงวิญญาณลงได้ แต่กองทัพแห่งโลกหลังความตายของข้ามีนับแสนล้าน เจ้าจะสังหารมันได้ทั้งหมดงั้นเหรอ ”
เสียงของเทพโอซีริสดังออกมาจากปากของวิญญาณทุกตน ทั้งดูลึกลับและน่าสะพรึงกลัวในเวลาเดียวกัน
“ เหอะ หยุดพูดจาอวดดีได้แล้ว ใครๆก็รู้ว่าการคงเขตแดนของประตูยมโลกเอาไว้ ย่อมสิ้นเปลืองพลังมหาศาล ไม่มีทางที่แกจะทนได้นานกว่าฉันแน่นอน ” จ้าวเทียนพูดเปิดโปงฝ่ายตรงข้ามด้วยความหงุดหงิด ในขณะที่กำลังฝ่ามิติหลบหนีการปิดล้อมจากกองทัพวิญญาณไปด้วย
“ หึหึ จริงอยู่ที่ข้าอาจจะหมดพลังไปก่อนที่จะสังหารเจ้าได้สำเร็จ แต่มันก็เพียงพอที่จะถ่วงเวลาให้สหายของข้าฟื้นพลังได้อย่างเหลือเฟือ ”
“ ข้าพูดถูกไหม…อามาเทราสุ ”
วูป!
เทพีอามาเทราสุปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง ในสภาพสมบูรณ์พร้อมปราศจากร่องรอยบาดแผลทั้งมวล เธอได้ฟื้นฟูพลังกลับมาเป็นเช่นเดิมแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน