จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 472

คำพูดประโยคนั้นของจักรพรรดิเทพซวนไท่หยาง ทำให้บรรยากาศทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบงัน โดยเฉพาะกับลี่เหยาเหยาที่เป็นผู้เข้าใจเรื่องนี้ดีที่สุด เนื่องจากเธอได้อยู่ร่วมกับเทพธิดาซวนเฉวียนมาเป็นระยะเวลานานแล้ว

“ ทั้งตระกูลซวนของข้า คงจะพลีชีพไปในมหาสงครามครั้งนั้นจนหมดสิ้นแล้ว มีเพียงดวงวิญญาณของซวนเฉวียน ที่ได้รับการปกป้องจากสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดที่ยังเหลือรอดมาได้ ดังนั้น เธอจึงเป็นสายเลือดตระกูลซวนเพียงหนึ่งเดียวที่ยังเหลืออยู่ ”

ตระกูลซวนนั้น ได้รับการสืบเชื้อสายมาจากหนึ่งในสามผู้ปกครองซวนตี้เหยียน และยังได้รับการยกย่องให้เป็นเสาหลักของแดนสวรรค์ยุคบรรพกาล ตลอดระยะเวลาหลายพันล้านปี ซวนไท่หยวนจึงไม่ต้องการให้มันมาจบสิ้นลงที่รุ่นเขา

“ ในอดีตซวนเฉวียนนั้นเป็นผู้ที่มีจิตวิญญาณบัวสวรรค์เก้าพิสุทธิ์ ทำให้ตกเป็นเป้าหมายของเพศตรงข้าม ในการใช้เธอเป็นเตาหลอมเทวะเพื่อดูดกลืนแก่นแท้หยินบริสุทธิ์ ข้าจึงได้ให้การดูแลปกป้องเธออย่างดี ไม่ปล่อยให้มีโอกาสใกล้ชิดบุรุษใด เพื่อให้เธอได้สร้างรากฐานอย่างมั่นคงและบรรลุสู่ขอบเขตสูงสุดได้อย่างหมดห่วง ”

“ จิตวิญญาณบัวสวรรค์เก้าพิสุทธิ์ งั้นเหรอ ” จ้าวเทียนมีสีหน้าหมองคล้ำลงทันที ถึงตอนนี้เขาก็เข้าใจแล้ว ว่าทำไมเทพธิดาซวนเฉวียนถึงมีระดับพลังที่ต่ำมาก ทั้งที่เธอมีฐานะเป็นถึงน้องสาวของจักรพรรดิเทพผู้ยิ่งใหญ่

โชคชะตาของสตรีที่มีจิตวิญญาณบัวสวรรค์เก้าพิสุทธิ์นั้นอาภัพเป็นอย่างมาก พวกเธอจะทะลวงขอบเขตได้ยากลำบากกว่าผู้อื่นนับร้อยเท่า

เนื่องจากพลังเกือบเก้าส่วนที่สั่งสมมาจะถูกแปรเปลี่ยนเป็นแก่นแท้หยินบริสุทธิ์ ซึ่งมันเปรียบดังโอสถทิพย์สำหรับเหล่าบุรุษทั้งมวล

คล้ายกับพลังหยางต้นกำเนิดของจ้าวเทียนที่ส่งผลดึงดูดต่อปีศาจสาว แต่แก่นแท้หยินบริสุทธิ์จะสามารถดูดซับได้ง่ายกว่าหลายเท่า อีกทั้งยังไม่ส่งผลเสียใดๆต่อรากฐานที่มีอยู่เดิม

ทว่า สิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คือ ทุกครั้งที่พวกเธอสูญเสียแก่นแท้หยินบริสุทธิ์ให้บุรุษ ก็จะสูญเสียอายุขัยส่วนหนึ่งไปด้วย นี่เป็นชะตากรรมอันแสนเลวร้ายที่ยากจะเผชิญ

ตามประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา สตรีที่มีจิตวิญญาณบัวสวรรค์เก้าพิสุทธิ์ ถ้าไม่ถูกใช้เป็นของกำนัลให้ผู้มีอำนาจ ก็จะถูกใช้เป็นเครื่องมือทางเพศจนตาย นี่จึงเป็นเหตุผลที่จักรพรรดิเทพหมื่นตะวันให้การปกป้องเทพธิดาซวนเฉวียนสุดความสามารถ

“ เพราะแบบนี้เองสินะ พี่ซวนเฉวียนถึงไม่ยอมให้ฉันรับรู้เรื่องราวในอดีต ” ลี่เหยาเหยาพูดกับตัวเองเบาๆ เพราะหากเป็นตัวเธอเองก็คงไม่กล้าบอกใครเหมือนกัน

เมื่อทุกคนได้รับรู้ความจริง ก็ต่างพากันส่งสายตาไปทางซวนไท่หยางด้วยความเห็นใจ โดยเฉพาะโฮ่วอี้ที่นับถือเป็นพี่น้องกับอีกฝ่าย ถึงกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังทันที

“ ไท่หยาง ไม่ต้องเป็นกังวล ข้ารับปากว่าจะดูแลซวนเฉวียนแทนเจ้าเอง ตราบใดที่ข้ายังอยู่จะไม่มีวันปล่อยให้ใครมาใช้ประโยชน์จากนางได้เป็นอันขาด ”

“ โฮ่วอี้ ไม่ใช่เพราะข้าไม่เชื่อใจเจ้า แต่เจ้าจะสามารถอยู่ข้างกายนางไปตลอดชีวิตได้งั้นรึ ” ซวนไท่หยางส่ายหน้าเบาๆ จะปล่อยให้น้องสาวเขาไปติดตามเฒ่าชราอายุหลายสิบล้านปีได้อย่างไร

“ จ้าวเทียน ในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดของข้า เจ้าจะช่วยปกป้องดูแลซวนเฉวียนแทนข้าได้หรือไม่ ให้นางได้มีความสุขแบบเดียวกับที่สตรีคนอื่นๆพึงมี ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกหักหลังหรือใช่เป็นเครื่องมือโดยบุรุษเพศ ” ซวนไท่หยวนพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงเล็กน้อย นี่ไม่ใช่คำสั่งแต่เป็นการขอร้องในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง ที่ต้องการให้น้องสาวตนมีอนาคตที่ดี

“ ฉัน… ” จ้าวเทียนรู้สึกลำบากใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขาเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อดี เหนือสิ่งอื่นใดตัวเขาเองก็มีน้องสาวที่รักมากเช่นเดียวกัน ถ้าในวันหนึ่งต้องเห็นเธอประสบชะตากรรมอันเลวร้าย มันคงเป็นความเจ็บปวดที่เกินจะทนรับไหว

‘ แต่ว่า หากครั้งนี้ฉันยอมรับเทพธิดาซวนเฉวียน แล้วกงเสี่ยวเหมยที่ถูกฉันปฏิเสธไปล่ะ เธอเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ทั้งยังเคยเสียสละตัวตนเพื่อฉันอีกด้วย ’

เหมือนจะรับรู้ถึงความลังเลใจของอีกฝ่าย กงเสี่ยวเหมยที่นิ่งเงียบมาซักพัก ก็ได้คลายมือที่กำแน่นออก จากนั้นเธอก็ส่ายหน้าเบาๆพร้อมกับฝืนส่งยิ้มไปให้จ้าวเทียน เป็นการบอกว่าเธอไม่เป็นไร ให้เขาทำตามที่ใจต้องการได้เลย

ลี่เหยาเหยาที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา ก่อนจะหันไปสบตาจ้าวเทียนแล้วถามขึ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน