จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 487

ณ ประตูเอกภพภายนอกกำแพงมิติโกลาหล ห่างออกไปหลายหมื่นปีแสงมีเรือสำเภาโบราณสีทองลำใหญ่ ลอยสงบอยู่ในเวิ้งว้างอันดำมืด

“ นี่ก็ผ่านไปหลายเดือนแล้ว เหตุใดเจ้ายังมิได้สติ ”

สตรีชุดขาวจ้องมองไปทางบุรุษชุดดำที่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงหัวเรือ แล้วรำพึงกับตนเองเบาๆ พร้อมกับถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้ม ถึงแม้สีหน้าของเธอจะดูเย็นชาและหมองหม่นไปบ้าง แต่ความงดงามนั้นมิได้ดูลดน้อยลงไปเลย

นี่คือจักรพรรดินีปิงเยว่ อดีตเจ้าวังราชันเหมันต์ศักดิ์สิทธิ์รุ่นแรก หนึ่งในสิบจักรพรรดิเทพแห่งยุคบรรพกาล ที่มีชีวิตรอดจากมหาสงครามสิ้นยุคพร้อมกับโฮ่วอี้ จากนั้นทั้งสองก็ถูกเต๋าแห่งสวรรค์ไล่ล่าจนต้องหลบหนีออกมาด้านนอกจักรวาลเป็นเวลาถึงเจ็ดหมื่นปี

ถึงแม้รูปโฉมเธอจะดูเยาว์วัยเหมือนหญิงสาวอายุประมาณยี่สิบต้นๆ แต่แท้จริงแล้วกลับมีอาวุโสสูงที่สุดในบรรดาจักรพรรดิเทพทั้งหมด

เพราะร่างที่แท้จริงของจักรพรรดินีปิงเยว่นั้นคืออสูรเทวะต้นกำเนิด หงส์อมตะดาราสวรรค์ ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของเผ่าพันธุ์วิหคทั้งปวง ทำให้มีอายุขัยยาวนานมากกว่าผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกันหลายร้อยเท่า

ทันใดนั้น

อั่ก!

โฮ่วอี้ที่นั่งอยู่หัวเรือก็ได้กระอักโลหิตออกมา จิตวิญญาณของเขาได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง แม้แต่ร่างกายอันแข็งแกร่งดุจหลอมจากเหล็กกล้าก็ยังสั่นสะท้าน เหมือนถูกทุบด้วยค้อนขนาดใหญ่

“ บัดซบ หนี้แค้นครั้งนี้ข้าจะไม่มีวันลืมแน่นอน ” โฮ่วอี้ให้สัญญากับตนเองด้วยความเด็ดเดี่ยว ก่อนจะเช็ดเลือดออกจากมุมปาก แล้วหันไปเผชิญหน้ากับสตรีที่ยืนอยู่ด้านหลัง

“ นี่ร่างแยกของเจ้าถูกทำลายงั้นรึ เป็นฝีมือของผู้ใด วานรเทพสามตาหรือมหาเทพองค์ปัจจุบัน ” จักรพรรดินีปิงเยว่ถามขึ้นด้วยความแปลกใจ เธอใช้ฝ่ามือช่วยถ่ายทอดพลังชีวิตบริสุทธิ์ให้อีกฝ่ายเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ

โดยปกติโฮ่วอี้เป็นผู้ที่ระมัดระวังตัวเหนือกว่าผู้ใด หากเขาต้องการหลบซ่อนจริงๆ ต่อให้ระดมยอดฝีมือทั่วทั้งแดนสวรรค์ออกค้นหาก็ไม่แน่ว่าจะเจอ และยิ่งภารกิจสืบหาข้อมูลศัตรูในครั้งนี้มีความสำคัญมาก จึงเป็นเรื่องแปลกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

“ ร่างแยกของข้า ถูกเทพมารต่างภพสังหารในหลุมอเวจีขั้นสิบแปด ” โฮ่วอี้ตอบออกมาตามตรง ด้วยความสัมพันธ์อันดีตลอดระยะเวลาเจ็ดหมื่นปีที่ผ่านมา เลยไม่มีเหตุผลที่เขาต้องปิดบังอีกฝ่าย

“ เทพมารต่างภพ? เจ้าเสียสติไปแล้วรึไง ถึงไปต่อกรกับตัวตนระดับนั้น ทั้งสถานที่ยังเป็นภายในหลุมอเวจีดินแดนของพวกมารอีก ”

“ นี่ท่านเห็นข้าเป็นคนเยี่ยงไร หากไม่จำเป็นจริงๆคิดหรือว่าข้าจะไปต่อสู้กับไออสรูเฒ่านั่น ” โฮ่วอี้พูดขึ้นอย่างอ่อนใจ ก่อนที่จะเริ่มเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้อีกฝ่ายฟัง

ตั้งแต่เริ่มแรกที่ตนแอบไปพบกับจ้าวเทียน จนกระทั่งได้ช่วยเหลือหลินซินเยว่ให้บรรลุขอบเขตจักรพรรดิเทพ และสุดท้ายก็เข้าไปตามหาคลังสมบัติลับในดินแดนมาร

ซึ่งตลอดเวลาจักรพรรดินีปิงเยว่ก็รับฟังอย่างเงียบๆโดยไม่ซักถามสิ่งใด มีแต่ตอนที่ได้รู้ว่าเต๋าแห่งสวรรค์บรรลุขอบเขตผู้ปกครองขั้นแรกแล้ว เธอจึงขมวดคิ้วด้วยท่าทีเคร่งเครียด

“ ส่วนเรื่องที่ให้ค้นหาพันธมิตรมาช่วยเหลือพวกเราทำลายผนึกที่ประตูเอกภพนั้น ข้าได้จัดการทุกอย่างเรียบร้อย หลังจากนี้อีกสองเดือนพวกเขาจะลงมือทันที ” โฮ่วอี้กล่าวสรุปขึ้น

“ เทพมังกรพวกนั้นไว้ใจได้แน่งั้นรึ เพราะฟังจากที่เจ้าเล่ามา ข้ายังไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ ”

“ ท่านไม่ต้องกังวล ถึงแม้พี่น้องอ๋าวเฟิงจะไว้ใจไม่ได้แต่ตัวเขานั้นไม่มีปัญหา ตราบใดที่พวกเรายอมมอบสิ่งที่พวกเขาต้องการ ทุกอย่างก็จะเป็นไปตามข้อตกแน่นอน ” โฮ่วอี้ยิ้มขึ้นอย่างเฉยชา คาดว่าตนเองไม่น่าจะมองคนผิด

“ เอาเถอะ พวกเราคงไม่เหลือทางให้เลือกมากนัก ” จักรพรรดินีปิงเยว่ถอนหายใจออกมา เธอจากบ้านเกิดมานานเกินไปแล้ว คงได้เวลาที่จะกลับไปเสียที

ในเวลาเดียวกัน

บริเวณดาราจักรแห่งหนึ่ง ห่างออกไปจากโลกมารหลายล้านปีแสง จ้าวเทียนกำลังขี่หลังอีกาทองคำหลบหนีการตามล่าจากฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่ลดละ ส่วนปิงกู่เหนียงเหนียงนั้นได้เข้าไปรักษาอาการบาดเจ็บภายในคลังสมบัติ

“ ไอมนุษย์ ยอมรับความตายซะเถอะ เจ้าหนีไม่รอดหรอก ”

ราชันมารตรีเนตรลอบใช้เคล็ดวิชาเสียงมารสะกดใจ โจมตีเข้าไปในจิตวิญญาณของจ้าวเทียนโดยตรง แล้วให้สองผู้พิทักษ์มารหาจังหวะลอบสังหาร

ซึ่งนั่นก็ได้สร้างความลำบากให้จ้าวเทียนเป็นอันมาก เหมือนถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้จนความสามารถในการตัดสินใจลดลงไปสามส่วน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน