สถานการณ์ตอนนี้เป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างปรมาจารย์ 2 คน ทำให้คนที่ใกล้ๆรีบถอยหลบไปทันที
จะมีก็แต่สองสหายร่วมแก๊งมาเฟีย ที่เชื่อใจจ้าวเทียน พวกเขายังคงยืนวางมาดเจ้าพ่อ รอดูการต่อสู้อย่างใจเย็น
“ ในเมื่อแกรนหาที่นัก…ฉันจะ ” ซูเหวินตัง ปลดปล่อยพลังเปลวไฟลุกท่วมมือเตรียมจะโจมตีทันที
หมับ!
มือของเจ้าเทียนคว้าไปที่หัวของเขาอย่างรวดเร็ว มันเร็วเสียจนไม่มีใครมองตามการเคลื่อนไหวได้ทัน
ตูม!
หัวของซูเหวินตังถูกจับกระแทกพื้นอย่างแรง แล้วถูกยกขึ้นมาอยู่ในระดับสายตาของจ้าวเทียน
“ แกว่าอะไรนะ…ฉันได้ยินไม่ชัด ” จ้าวเทียนพูดขึ้นอย่างเฉยชา เขาจับหัวของซูเหวินตังยกเอาไว้เหมือนที่คีบตุ๊กตา
แขกผู้ร่วมงานที่เห็นอ้าปากค้างในทันที ทำไมการต่อสู้ของปรมาจารย์ทั้งสองถึงจบแบบนี้
ไหนละสนามพลังปรมาจารย์…
ไหนละเงาร่างจำแลงของพลังปราณ…
พวกคุณทั้งคู่แน่ใจนะว่าไม่ใช่ปรมาจารย์ตัวปลอมน่ะ…
แท้จริงแล้ว หากเป็นผู้ที่ฝึกฝนจนถึงขั้นผู้เชี่ยวชาญระดับสูงๆขึ้นไปย่อมเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นดี ไม่ใช่ว่าซูเหวินตัง ไม่อยากใช้สนามพลังปรมาจารย์หรือเรียกร่างจำแลง
แต่เพราะจ้าวเทียนนั้นไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ใช้เลย ตั้งแต่ที่โดนจ้าวเทียนคว้าไปที่ศีรษะได้สำเร็จ นั่นก็ถือว่าจบสิ้น
ศีรษะของคนเรามีสมองเป็นส่วนสำคัญที่สุดของร่างกาย ทั้งยังเป็นจุดสูญรวมเส้นลมปราณ และเส้นประสาทซึ่งมีหน้าที่ใช้ควบคุมความคิดตัดสินใจของการกระทำต่างๆ
จ้าวเทียนนั้น แทบจะเป็นผู้ที่ควบคุมพลังปราณได้ดีที่สุดในโลกอย่างไรข้อกังขา การควบคุมพลังปราณจะเกิดเป็นเส้นใยเล็กๆ แล้วแทรกแซงระบบประสาทสั่งการของสมอง เพื่อทำให้ไม่สามารถรวบรวมลมปราณได้
นี่ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยมากสำหรับจ้าวเทียน…
“ ปล่อยท่านอาจารย์เดี๋ยวนี้…เป็นปรมาจารย์โอสถก็สู้กันด้วยการหลอมยาสิวะ ”
“ ใช่แล้ว…แกมันพวกแอบอ้างใช่ไหม ปรมาจารย์โอสถที่ไหนจะป่าเถื่อนแบบนี้ ”
“ ปล่อยอาจารย์พวกเรานะโว้ย…ดวลกันด้วยเม็ดยาสิ ”
พวกลูกศิษย์ของซูเหวินตังตะโกนขึ้นเสียงดัง สีหน้าของแขกที่มาร่วมงานรอบๆก็เริ่มคล้อยตาม
ใช่สิ พวกเขารอดูการทดสอบเม็ดยาไม่ใช่เหรอ…
การต่อสู้แบบนี้มันเกี่ยวอะไรกับเม็ดยาล่ะ…
จ้าวเทียนที่เห็นสีหน้าของทุกคน ก็มีรอยยิ้มแห้งๆออกมาก ที่จริงตัวเขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะลงมือเท่าไหร่ แต่พอเห็นใบหน้าเย่อหยิ่งของซูเหวินตัง มือมันก็ไปเอง
ตุบ!
เขาโยนซูเหวินตังลงไปบนเวที เหมือนกับสุนัขตัวหนึ่ง
“ แกอยากประลองโอสถกับฉันเหรอ ” จ้าวเทียนถามเสียงดัง
“ แก…แกมันก็เก่งแต่ลอบโจมตีทีเผลอ ถ้าเป็นเรื่องโอสถฉันไม่แพ้แน่นอน ใครแพ้ในการประลองโอสถ ต้องคุกเข่าเรียกอีกฝ่ายว่าท่านปู่สามครั้ง แกกล้าไหม! ” ซูเหวินตังพูดขึ้นด้วยความโกรธ
การต่อสู้เมื่อกี้ทำให้เขาอับอายขายหน้ามาก เพราะเขาไม่สามารถต่อต้านอะไรได้เลย มันไม่แม้แต่จะเรียกว่าเป็นการต่อสู้ได้ด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นปรมาจารย์ทั้งสองตกลงเรื่องการประลองได้ ทางทีมงานก็เริ่มจัดการทันที
ผ่านไป 20 นาที
ตอนนี้การเตรียมสถานที่สำหรับการประลองของปรมาจารย์โอสถทั้งสองคน ก็ได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว
เพราะการเรียกร้องของซูเหวินตัง กฎการทดสอบเม็ดยาจึงถูกเปลี่ยน ปรมาจารย์โอสถทั้งสองจะต้องหลอมเม็ดยาต่อหน้าทุกคน เพื่อป้องกันการคดโกง
“ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลามากเกินไป…เราจึงได้ให้มีการโหวตเพื่อเลือกเม็ดยาที่จะใช้ประลองกันจากทั้ง 4 ชนิด ”
“ และผลก็ออกมาแล้ว…นั่นคือ เม็ดยาหยวนตัน! ” พิธีกรได้ประกาศหัวข้อประลองออกมา
สีหน้าของซูเหวินตังเปลี่ยนไปทันที เมื่อได้ยินหัวข้อประลอง เขารีบแย้งขึ้นเสียงดัง
“ ฉันขอค้าน!...ยาหยวนตันนั้นใช้ในการยกระดับขอบเขตผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งมันมีโอกาสสำเร็จไม่แน่นอน ขึ้นอยู่ที่ตัวผู้ที่กินเข้าไปด้วย ”
“ หากผู้ที่กินยาของฉันเข้าไป เกิดข้อผิดพลาดเอง ยาของฉันจะไม่เสียเปล่าเหรอ ”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูเหวินตัง คนบางส่วนก็รู้สึกเห็นด้วย เพราะยาหยวนตันที่ตระกูลหลงขายอยู่ มันมีสรรพคุณเพิ่มโอกาส 3 ส่วนในการเป็นผู้เชี่ยวชาญ
ส่วนของที่จ้าวเทียนเอาเข้าประมูล เขาได้เจือจางมันแล้ว จากในตอนแรกยาหยวนตันของเขามีโอกาสเต็ม 10 ส่วนทำให้คนเป็นผู้เชี่ยวชาญ กลายเป็นมีโอกาสเพียง5ส่วนเท่านั้น
“ เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง! ”
ชายคนหนึ่งลุกยืนขึ้นจากโต๊ะของตระกูลหวัง เขาหยิบกล่องอุปกรณ์ที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมาไว้บนโต๊ะ
“ ฉันคือ ศาสตราจารย์เจียงไท่หยาง…จากมหาลัยปักกิ่ง ส่วนเครื่องที่วางอยู่บนโต๊ะนี้คือสิ่งที่ฉันประดิษฐ์ขึ้นเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติของเม็ดยา มันมีชื่อว่าไท่หยาง01 ” เขาแนะนำสิ่งประดิษฐ์ของตัวเองเสียงดัง
“ สำหรับสิ่งที่ศาสตราจารย์เจียงพูดมานั้นเป็นความจริงแน่นอน เพราะผมเป็นคนเชิญท่านมาเอง เพราะการประมูลครั้งนี้มีโอสถระดับสูงหลายรายการ ”
“ ผมจึงได้เชิญศาสตราจารย์เจียงมาเพื่อช่วยเหลือในด้านตรวจสอบโดยเฉพาะ ” หวังเจี้ยนเฟยลุกขึ้นพูดอย่างจริงจัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน