ถึงแม้จ้าวเทียนจะสิ้นสติไปแล้ว แต่กลับมีพลังงานลึกลับบางอย่างดึงดูดจิตวิญญาณของเขา ให้เข้าไปสู่ห้วงความทรงจำไม่ทราบที่มาในลักษณะมุมมองของบุคคลที่สาม
‘ หืม นี่ฉันคือดาวเคราะห์ดวงนั้นเหรอ ’
ถึงแม้จะไม่อาจสัมผัสถึงร่างกายตัวเองได้ จ้าวเทียนก็รับรู้โดยสัญชาตญาณว่าตัวเขาหรือเจ้าของความทรงจำ คือดวงดาวสีน้ำเงินที่เปล่งประกายระยิบระยับตรงหน้า มันช่างโดดเด่นและสวยงามเหนือกว่าดวงดาวทุกดวงที่อยู่ข้างเคียง
จากนั้น วันเวลาได้ผ่านพ้นไปเรื่อยๆ จากเดือนเป็นปี หนึ่งร้อยปี หนึ่งพันปี จนกระทั่งจ้าวเทียนได้หลงลืมไปแล้วว่าตัวเขาเฝ้ามองดาวดวงนี้มานานขนาดไหน
การที่ต้องนั่งมองภาพเดิมๆเป็นระยะเวลาแสนนาน โดยไม่อาจขยับเคลื่อนไหวร่างกายได้ มันช่างบั่นทอนจิตใจจริงๆ ถ้าเป็นคนอื่นคงสติฟั่นเฟือนไปนานแล้ว
“ ……… ”
อยู่มาวันหนึ่ง จ้าวเทียนก็เริ่มได้ยินเสียงลมหายใจอันแผ่วเบาออกมาจากดาวสีน้ำเงินดวงนั้น ก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบที่สั่นสะเทือนไปทั้งจิตวิญญาณของเขาในเวลาต่อมา
“ อา…มันช่าง…น่าเบื่อ…ยิ่งนัก ”
“ เหตุใด…ข้าจึงต้องมาทนอยู่…ในสภาพนี้ ”
“ ได้โปรดเถอะ…ใครก็ได้…ช่วย… ”
น่าเสียดาย ที่ไม่ว่าเจ้าของเสียงจะพยายามขอร้องอ้อนวอนสักแค่ไหน ก็ไม่มีผู้ใดรับฟังแม้แต่น้อย ราวกับตัวมันถูกลิขิตไว้ให้ต้องอยู่อย่างอ้างว้างและเดียวดายไปตลอดกาล
ผ่านไปอีกหนึ่งร้อยปี…
“ เหงา …เหลือเกิน ”
ผ่านไปอีกหนึ่งพันปี…
“ ใครก็ได้…ช่วยข้าที ”
จนกระทั่ง ผ่านไปอีกหนึ่งหมื่นปี เสียงนั้นก็ค่อยๆหยุดลงในที่สุด ไม่ใช่เพราะมันเลิกล้มความตั้งใจ หากแต่ไม่ต้องการสูญเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์อีก
ในเมื่อไม่มีผู้ใดช่วยเหลือ ก็คงมีแต่ต้องพึ่งพาตัวเองเท่านั้น…
วิ้งงง!
ดวงดาวสีน้ำเงินที่จ้าวเทียนมองเห็น เริ่มเปล่งแสงสว่างเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ เกิดเป็นเส้นใยอันเบาบางเชื่อมต่อกับดวงดาวที่อยู่ใกล้ที่สุด
‘ นี่มัน คิดจะดูดกลืนพลังจากดาวดวงอื่นมาเป็นของตัวเองงั้นเหรอ ’
จ้าวเทียนรู้ดีว่าช่วงเวลาที่ผ่านมา ขณะที่ดวงดาวสีน้ำเงินส่งเสียงเรียกหาความช่วยเหลือ มันก็พยายามเชื่อมกระแสจิตกับดวงดาวไร้ชีวิตข้างเคียงไปด้วย จึงไม่ใช่เรื่องยากที่มันจะใช้ข้อได้เปรียบนี้ให้เป็นประโยชน์
ครืนน!
เพียงแค่หนึ่งร้อยปี ดวงดาวที่ถูกดูดกลืนพลังก็สูญสิ้นประกายแตกสลายไป ในทางกลับกันดวงดาวสีน้ำเงินก็ยิ่งเปล่งแสงเจิดจ้าและมีขนาดใหญ่โตกว่าเดิม
วิ้งงงง!
เมื่อเห็นว่าวิธีนี้ใช้ได้ผล ดวงดาวสีน้ำเงินก็เริ่มดูดกลืนพลังจากดาวดวงอื่นเรื่อยๆ สองดวง ห้าดวง สิบดวง
จนกระทั่งผ่านไปห้าพันปี ทั่วทั้งระบบสุริยะก็ไม่มีสิ่งใดหลงเหลืออยู่อีก ยกเว้นตัวมันกับดวงอาทิตย์ขนาดใหญ่เพียงดวงเดียว
“ ข้า…ต้องทำให้สำเร็จ ”
เสียงจากดวงดาวสีน้ำเงินดังขึ้นอีกครั้ง มันทั้งชัดเจนและดูมีความมั่นใจแตกต่างจากในอดีตอย่างเทียบกันไม่ติด หากไม่ใช่เพราะเกรงกลัวว่าตัวเองจะถูกเผาไหม้ แม้แต่ดวงอาทิตย์ก็คงถูกมันดูดกลืนไปแล้วไม่มีเหลือ
แกร่ก!ๆๆ
ดวงดาวสีน้ำเงินที่มีขนาดใหญ่โตกว่าเดิมหลายเท่า ได้เริ่มปรากฏร่องรอยแตกร้าวขึ้นเหมือนเปลือกไข่ พลังงานที่เคยกักเก็บไว้ทั้งหมด ถูกดึงดูดเข้าสู่แกนกลางของดวงดาวในเวลาไม่กี่อึดใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน