ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 132

ตอนที่132 เย็นชาราวกับน้ำแข็ง

เรื่องราวพลิกผันไปเร็วมาก ทุกคนต่างก็ไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไร

ทั้งๆที่เย่เซียวหลัวเป็นชายาที่แต่งงานผ่านประตูแดงมาแล้วกับองค์ชาย อย่างไรก็ควรจะให้องค์ชายเป็นผู้ส่งกลับไป ต่อให้เวินอ๋องนั้นผิด แต่ก็ไม่ควรกระทำให้ท่าอย่างออกนอกหน้าเช่นนี้

บนลานน้ำแข็งโล่งว่างไร้ผู้คน ดูท่าการความสนุกบนลานน้ำแข็งคงจะสิ้นสุดลงแล้ว เวินอ๋องมองไปที่เก้าอี้อันว่างเปล่าด้านข้างอย่างเจ็บใจ แม่หญิงสาวก่อเรื่องแล้วก็จากไปเสียแล้ว!

“คุณหนูเย่ที่สาม ต่อให้เจ้าพูดเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีเวลาอยู่กับเจ้า องค์ชาย ข้าขอตัวก่อนล่ะ” เวินอ๋องมองเย่เซียวหลัวด้วยสายตานิ่งเฉย พร้อมกับทักองค์ชาย แล้วรีบจากไป

ต่างคนต่างทยอยกันออกไป ฮ่องเต้องค์อื่นที่มาเข้าร่วมก็นั่งไม่อยู่แล้ว ทั้งๆที่ออกมาเที่ยวแท้ แต่เมื่อเจอเหตุการณ์เช่นนี้ ก็ไม่มีใครสนุกต่อไป

“นี่ เวินอ๋อง ท่านกลับมาก่อนนะ!” เย่เซียวหลัวตะโกนเรียกเสียงดัง มองดูหลังของเวินอ๋องที่ค่อยๆเดินจากไป น้ำตาก็รื้นขึ้นมาที่ขอบตา

เกล็ดหิมะยังคงพัดปลิว องคืชายมองเย่เซียวหลัวที่นอนอยู่บนแท่นหามด้วยสายตาเย็นชา เป็นสายตาที่ดูแคลนอย่างเห็นได้ชัด ถ้าหากไม่ใช่เพียงเพื่อรอพรุ่งนี้นั้น เขาก็คงโกรธจนหายไปแล้ว

ความโกรธของเย่เซียวหลัวจะไปหายไป ยังคงปวดข้อเท้า แล้วยังเห็นสายตาที่องค์ชายมองมาทางตัวเองอีก ถอนหายใจยังไม่ออกมา ช่างน่าเกลียดจริงๆ

“องค์ชาย งั้นข้าส่งคุณหนูสามกลับไปก่อนนะ พวกเจ้าไม่ต้องห่วง” เย่อวิ๋นกว่างเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี จึงเข้ามาห้ามไว้ สีหน้าของเย่เซียวหลัวนิ่งไปทันที

เจ้ากำลังจะจับเสื้อของเขาเอาไว้ แต่เมื่อขณะที่ลืมตา เขาก็เดินออกจากตำหนักดองหมิงไปเสียแล้ว เย่อวิ๋นกว่างก็ได้โอบเอวอุ้มไปยังรถม้า

“พี่ชายสอง เจ้าว่าโล่หวินหลาน ทั้งๆที่เจ้ามีโม่ฉีหมิงอยู่ข้างกายแล้ว ทำไมยังมาอ่อยเวินอ๋องอีก?” เย่เซียวหลัวอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น

สีหน้าของเย่อวิ๋นกว่างเครียดขึ้น ไม่มีใครที่จะทำอะไรน้องสาวเขาได้ เพียงแต่ความผิดพลาดของเขาวันนี้คือไม่สามารถให้เวินอ๋องเปิดปากบอกชอบน้องสาวเขาได้ แต่ที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงก็คือ ไม่คิดว่านิสัยของเย่เซียวหลัวจะถึงขึ้นที่จะปารองเท้าเหล็กใส่โล่หวินหลาน

เมื่อกี้ จังหวะที่รองเท้าเหล็กได้บินชึ้นไปนั้น เขาเห็นสีหน้าของโม่ฉีหมิงนั้นโกรธมาก เขากลัวว่าถ้าหากโม่ฉีหมิงลงไม้ลงมือกับเย่เซียวหลัว นี่หาใช่เรื่องที่จะเป็นไปไม่ได้

“น้องหญิงสาม เจ้าสงบเสงี่ยมลงหน่อยได้ไหม? ต่อไปจะมีคนที่จะให้อภัยจ้าไม่ได้” เป็นเพราะว่าเรื่องนี้รังควานใจของเย่อวิ๋นกว่างอยู่มาก เขาที่อ่อนโยนกัยเย่เซียวหลัวมาตลอด เมื่อพูดเช่นนี้ จึงดูดุดันไป

เมื่อเย่เซียวหลัวถูกเขาดุ ก็ห้ามน้ำตาไว้ไม่ได้ ไหลออกมาอาบหน้า สะอึกสะอื้นไม่หยุด “พี่ พี่ชายสอง เจ้า ไม่มีทางที่จะให้อภัยข้าแล้วหรือ?”

เดินอยู่บนพื้นหิมะด้านนอก พื้นหิมะหนาใต้เท้าของเย่อวิ๋นกว่าง มีเสียง “กระซิกๆ”ดังอยู่ เย่เซียวหลัวที่นอนอยู่ในรถม้า เขามองผ่านผ้าเข้าไป แต่ก็เห็นได้ไม่ชัด แต่เขาก็รู้ว่าเจ้าจะต้องร้องไห้ด้วยความเสียใจมากแน่ๆ

ได้ยินเสียงร้องไห้ของเจ้า ในใจของเย่อวิ๋นกว่างก็รู้สึกราวกับถูกเข็มทิ่ม

“น้องหญิงสาม ข้าเป็นพี่ชายสองของเจ้า ข้าต้องเอ็นดูอยู่แล้ว แต่เจ้าก็แต่งงานกับชายอื่นไปแล้ว พวกเขาอาจจะไม่รักและเอ็นดูเจ้าได้อย่างข้า พี่จึงเตือนให้เจ้าสงบเสงี่ยมลงหน่อย” เย่อวิ๋นกว่างพูดเสียงต่ำ

ได้ยินเสียงเย่อวิ๋นกว่างถอนหายใจอย่างหมดความอดทน ในใจของเย่เซียวหลัวก็รู้สึกอุ่นวาบขึ้น อย่างน้อยคนที่รักเจ้าที่สุดบนโลกนี้ ก็คือคนที่ยืนอยู่ข้างเจ้าตอนนี้

“พี่ชายสอง พรุ่งนี้พี่ต้องช่วยข้าเรื่องนั้นนะ!” เย่เซียวหลัวพูดด้วยความมุ่งมั่น “ข้าไม่ยอมแต่งให้กับองค์ชายหรอก!”

เย่อวิ๋นกว่างเข้าใจความเจ็บปวดในใจเจ้าดี จึงตอบรับ

หลังจากที่พาโล่หวินหลานออกมาจากตำหนังหมิงดอง โม่ฉีหมิงก็ไม่ได้พูดอะไรตลอดทาง และก็ไม่แม้แต่มองโล่หวินหลาน ราวกับทั้งตัวนั้นอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง กดดันเสียจนได้เสียงหาใจคนรอบข้าง ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา

โล่หวินหลานรู้ว่าที่เขาโกรธคงเป็นเพราะ เมื่อกี้ที่เจ้าพยายามดึงความสนใจจากเวินอ๋อง คุยกับเวินอ๋องไม่หยุด แต่ที่เจ้าทำเป็นเพราะต้องการให้เย่เซียวหลัวแสดงความรู้สึกที่มีต่อเวินอ๋องออกมา

และจากปฏิกิริยาเมื่อกี้ ก็คงจะเห็นได้อย่างชัดเจน

“ไม่ต้องเดินเร็วขนาดนี้ได้ไหม ช้าหน่อย” โล่หวินหลานขมวดคิ้วมองโม่ฉีหมิงที่กุมมือเจ้าอยู่แน่น

เขาทำอย่างกับไม่ได้ยินเสียงเจ้า เดินต่อไปข้างหน้าตามใจตัวเอง โล่หวินหลานราวกับถูกเขาเดินลากไปอย่างนั้น

ในที่สุด ก็มาถึงข้างรถม้า เขาก็สะบัดมือเจ้าออก แล้วหยุดเดิน

“โล่หวินหลาน เจ้าทำไมทำเป็นหูทวนลมกับคำพูดของข้า? หรือว่าเจ้าไม่เคยใส่ใจที่ข้าพูด?” โม่ฉีหมิงขมวดคิ้วแน่น ถามเจ้าด้วยน้ำเสียงเย็นชา

หน้าอันแดงก่ำของเจ้า และมีกลิ่นเหล้าอ่อนๆออกมาจากปาก ช่างเป็นเจ้าที่ไม่คุ้นเคย

ถูกลมหิมะด้านนอกพัด ทำให้เจ้าสร่างจากเหล้าที่ดื่มไป หนาวไปทั้งกาย มีแต่ตรงที่ถูกโม่ฉีหมิงจับไว้เมื่อครู่ ที่ยังคงร้อนอยู่

“เมื่อกี้สถานการณ์มันบังคับ ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่รู้เสียหน่อย? ทำไมเจ้าจะต้องโมโหกับคนที่ทำอะไรเจ้าไม่ได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า?” โล่หวินหลานจับราวไม้ของรถม้าแน่น ตัวสั่นจากการถูกลมพัดผ่านร่างกาย

โม่ฉีหมิงหัวเราะเย็นเยือก “สถานการณ์แบบไหนกันที่ทำให้เจ้าต้องไปตีสนิทกับคนนั้น? เวินอ๋องเป็นอะไรเหรอ ถึงทำให้เจ้าต้องพยายามเข้าไปคุย ไปตีสนิทด้วย?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก