ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 190

ตอนที่190 ฝังร่างในกองเพลิง

หิมะตกลงมา ในถนนที่สะอาดเหมือนกระดาษแผ่นหนึ่ง มีผู้คนเดินไปเดินมา ขอแค่มีเบาะแสนิดเดียว พวกเขาก็ไม่ยอมที่จะปล่อยผ่านไป

กลุ่มคนพวกนี้คือสายในตึกไร้เสียง ซึ่งเป็นคนที่สวิ่นโม่เลี้ยงเอาไว้ พวกเขามีได้รับการฝึกฝนมาสำหรับการค้นหาสิ่งของและคนโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่ ของน้อยชิ้น หรือคน พวกเขาก็สามารถสืบหาจนพบ

พวกเจ้ารู้หรือเปล่าทำไมฝั่งนู้นถึงไฟไหม้?อากาศหนาวเย็นขนาดนี้ ถึงแม้หิมะจะตกเพียงเล็กน้อย ไฟก็ไม่น่าที่จะเผาบ้านเรือนได้ไหม้ขนาดนี้นิ!”ทันใดนั้น มีคนสองคนวิ่งเข้ามาทางประตูเมือง เดินไปด้วยพูดไปด้วยเขาพูดคุยเกี่ยวกับอะไร

มีอีกคนโบกมือ ”ทำไมตอนนี้ถึงมีเรื่องประหลาดเยอะขนาดนี้ ไฟไหม้ในอากาศหนาวเย็นก็ไม่เห็นเป็นอะไร เจ้าไม่ได้ฟังครั้งที่แล้วข้างเมืองของพวกเรามีบ้านหลังหนึ่ง บ้านหลังนั้นที่มีคนอาศัยอยู่ห้าคนโดนฆ่าตายในตอนกลางคืนโดยที่ไม่รู้สาเหตุ แต่สิ่งที่แปลกคือ คนในบ้านหลังนั้นระมัดระวังและขยันขันแข็ง ปฏิบัติตามหน้าที่ เจ้าลองพูดดูซิว่าทำไมถึงเกิดเหตุเลวร้ายเช่นนี้กับพวกเขา?”

ประโยคนั้นพึ่งพูดจบ ด้านหลังของพวกเขาก็มีชายคนหนึ่งใส่เสื้อที่ฉีกขาดวิ่งมา วิ่งด้วยท่าทางแปลกแปลก วิ่งไปด้วยร้องไปด้วย ”มีคนตาย มีคนตาย ครั้งนี้มีคนตายจริงๆ สนุกจริงๆ......ไฟไหม้ใหญ่จริงๆ... ...”

เหมือนคนขอทานที่สมองมีปัญหา โม่ฉีหมิงยืนอยู่ตรงประตูเมือง ขาของเขากลับก้าวขาไม่ออก ร่างกายของเขาเย็นเหมือนกับน้ำแข็ง และไม่มีคนที่จะให้ความอบอุ่นกับร่างกายเขา

ฉินหยิ่นที่อยู่ด้านหลังของท่านอ๋องและทันใดนั้นเห็นท่านอ๋องวิ่งเร็วมาก เลยตะโกนว่า "ท่านอ๋อง ท่านจะไปที่ไหน"?

ตอนนี้โม่ฉีหมิงก็เหมือนแมลงวันที่ไม่มีหัวหมุนไปหมุนมา ไม่มีใครชี้ทางให้เขา เขาก็ไม่รู้ว่าถูกหรือเปล่า แม้ว่า ใจเขาจะเห็นนิมิตว่าจะเกิดอะไรขึ้น

หวินหลาน เจ้าห้ามเกิดเรื่องเด็ดขาด......ขอร้อง ห้ามเกิดเรื่อง!

ใจของเขาว่างเปล่า ไม่กล้าที่จะไปคิดอะไร กลัวว่านิมิตที่เขาเห็นจะเป็นจริง ยิ่งถึงนอกเมืองเขายิ่งกลัว จนเขาลืมว่าเขาขี่ม้าได้ ก็เลยเดินแบบนั้นไปจนถึงนอกเมือง

ทั้งท้องฟ้าโดนควันคุมไปทั่วท้องฟ้า เหมือนกับท้องฟ้าที่มีเมฆหมองคล้ำ มาถึงนอกเมืองถึงเห็นว่าทิศทางใดที่บ้านโดนไฟไหม้ อยู่ในสภาพอากาศที่หิมะกำลังตก บ้านหลังนั้นไฟสว่าง และไฟยิ่งอยู่ยิ่งแรง

โม่ฉีหมิงวิ่งไปที่ที่เกิดเหตุไฟไหม้ เหมือนไฟที่กำลังไหม้ส่องขึ้นไปถึงบนท้องฟ้าและรู้สึกเลยเมฆขึ้นไป อยู่ที่ที่ไม่มีคนอาศัยแสดงให้เห็น

“หวินหลานเจ้าห้ามเกิดเรื่องเด็ดขาด” โม่ฉีหมิงปลอบใจตัวเองให้ใจตัวเองสงบลง

เขาเตะประตูที่บ้านหลังนั้น ไฟแทบจะเผากระท่อมในบ้านหมดแล้ว ไฟที่เผาไหม้เสร็จก็จะไม่ลุกลามอีกแล้ว เมื่อเขาเข้าไปก็เห็นเย่หวินนอนอยู่บนหิมะ เวลานั้นเขาจึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“เย่หวิน!”เสียงของเขาสั่นเล็กน้อย มองดูสีหน้าของเย่หวิน น่าจะโดนทุบตีจนสลบไป เขาเอาหิมะละลายให้เป็นน้ำลาดไปบนหน้าของหล่อน อีกสักพักเขาก็ค่อยๆตื่นขึ้นมา

เย่หวินลืมตาและเห็นโม่ฉีหมิงในสมองว่างเปล่าไปสักพัก และตาของเขาแดงเหมือนกำลังจะร้องไห้ ละชี้บ้านกระท่อมที่โดนเผาและพูดว่า “ท่านอ๋อง หม่อมฉันทำงานไม่รอบคอบ ดูแลหวังเฟยได้ไม่ดี หวังเฟย นางยังอยู่ในกองไฟยังไม่ได้ออกมา!”

พูดถึงสุดท้าย ทันใดนั้นเย่หวินคุกเข่าลงบนหิมะ เขาขอโทษโม่ฉีหมิง และขอโทษโล่หวินหลาน เพราะนางยังไม่เก่งนัก และไม่ได้เตรียมตัวรับกับมันเลยเป็นแบบนี้

ประโยคสุดท้ายทำให้เขารู้สึกตกใจแบบสุดขีด เขากะพริบตาถี่ๆ เหมือนว่าสิ่งที่เขาเห็นทุกอย่างในตอนนี้เริ่มสับสน คำรู้สึกนั้นเหมือนกับว่ามีคนกดจุดทั้งร่างกายของเขา ขยับตัวไม่ได้ สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงมาก่อนโดนเย่หวินบอกออกมาจนหมด เสมือนกับว่าหัวใจของเขาโดนฉีกออกทีละนิดๆ เลือกค่อยๆไหลจนตายในที่สุด

เสียงร้องของเย่หวินเปล่งเสียงออกมาเหมือนกำลังจะขาดใจตายว่า ”ท่านอ๋อง ท่านฆ่าหม่อมฉันเถอะ!หม่อมฉันปกป้องหวังเฟยได้ไม่ดีพอ......เป็นความผิดของหม่อมฉันเอง ข้าจะรับผิดชอบความผิดพลาดที่ข้าก่อขึ้นมาทั้งหมด

นางพูดพลาง นำกริชออกมาจากรองเท้าของหล่อน นี่คือของขวัญชิ้นแรกที่ฉินหยิ่นมอบให้นางตอนที่นางร่ำเรียนวรยุทธ์ นางหยิบมีดและแทงเข้าที่หัวใจของตนโดยไม่ลังเล

ในขนาดที่มีปลายมีดอันแหลมคมกำลังจะแทงเข้าอกของเธอนั้น ก็มีมืออันฉับไวมาจับไว้ที่ตัวดาบ มีเลือดไหลออกจากกลางฝ่ามือ เลือดอันสดแดงหยดลงที่พื้นที่เต็มไปด้วยหิมะ เป็นวงกลม

“อย่าคิดที่จะใช้การตายมาไถ่โทษ พวกเราควรที่จะรีบไปช่วยหวังเฟยมากกว่า ถึงแม้ว่ามือของฉินหยิ่นจะโดนใบมีดบาดจนเลือดไหลไม่หยุดและไม่มีความรู้สึกเจ็บเลยสักนิด แต่เขามองหน้าของเย่หวินโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าเลย

ในสายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น และทันใดนั้นมือของเขาก็จับกริชและโยนออกไป และกริชเล่มนั้นก็ล่องลอยออกไป

“ฉินหยิ่น เจ้ามาแล้วหรอ ”น้ำตาของเย่หวินไหลออกมา เมื่อเจอกับเขาแล้วหล่อนถึงรับรู้ว่าตัวเองทำผิดมาตลอด เขาคือเทวดาที่คอยปกป้องหล่อน เขาคือคนที่รักหล่อนที่สุด ในสถานการณ์แบบนี้ก็มีแค่เขาเท่านั้นที่พยายามเข้ามาดึงกริชเล่มนั้น

นอกจากนี้แล้ว ก็ไม่มีผู้อื่นอีกเลย

โม่ฉีหมิงเขาไม่ได้แสดงอาการเป็นห่วงใดๆ คิดแค่ว่าต้องทำยังไงถึงจะช่วยโล่หวินหลานได้ เขาเดินไปที่บ้านกระท่อมที่โดนไฟเผาอย่างช้าๆ แสงสีแดงอันแสบตาสว่างไสวอยู่ข้างหน้าตัวเขา ทันใดนั้นเขาก็คิดได้ว่าไฟไหม้ครั้งใหญ่เมื่อ10ปีก่อน ก็เป็นแสงสีแดงเหมือนไฟไหม้ครั้งนี้ แต่ว่าเขาโตแล้ว และรู้แล้วว่าความแตกต่างระหว่างสองครั้งนี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก