ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 22

ตอนที่ 22 การจากไป

ลมพัดเสียงซู่ๆ จากข้างนอก พัดจนเธอรู้สึกสั่นๆ

เธอยืนอยู่ตรงนั้นเพียงครู่ ก็เดินกลับเข้าห้องตัวเอง

โม่ฉีหมิงมองไล่หลังของโล่หวินหลานจนลับตา หัวใจเหมือนโดนบีบคั้นเอาไว้ แต่ว่าหน้ากากที่สวมไว้ไม่สามารถบ่งบอกอารมณ์ของเขาได้เลย

โม่ฉีหมิง หึ! ในลำคอ พลางเรียก “เย่หวิน ฉินหยิ่น ข้ามีเรื่องจะถามพวกเจ้า วันนี้พระชายาไปไหนมา?”

เย่หวินกับฉินหยิ่นก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ทั้งสองมองตากันครู่หนึ่ง เจ้านายถาม มีหรือจะไม่ตอบ

เย่หวินตอบกลับ “ตอนที่ท่านลงจากเขามาท่านก็โดนยาพิษสลบไปแล้ว ในขณะที่พระชายาไปหายาถอนพิษให้ท่าน ก็พบว่ายังขาดชิงตั้ยหนึ่งอย่าง ก็ได้ออกไปตามหายา ตอนนั้นข้าและฉินหยินได้ดื่มชาที่พระชายาเทให้และได้สลบไป ตอนที่พวกข้าฟื้น ก็หาพระชายาไม่เจอแล้วและตอนที่หาพระชายาเจอ พระชายาก็กำลังอยู่กับเวินอ๋องแล้ว และเวินอ๋องยังกล่าวอีกว่า……ว่า……”

เย่หวินอ่ำๆอึ้งๆ โม่ฉีหมิงเงยหน้าขึ้นมอง “เขาพูดว่าอะไร”

“เวินอ๋องพูดว่า พระชายาเป็นคนของเขา วันนั้นออกไปเพื่อไปนัดเจอกับเขา”

เย่หวินพูดจบก็ก้มหน้าไม่กล้าสบตามองเขา

สายตาของโม่ฉีหมิงยิ่งอยู่ยิ่งเย็นยะเยือก มือที่ถูกซ่อนไว้ภายใต้ผ้าห่มกำแน่น ไม่มีใครสามารถรับรู้อารมณ์ของเขาที่ถูกฉาบไว้ภายใต้หน้ากากได้

ทั้งสองต่างแค่รับรู้ว่าบรรยากาศรอบๆตัวถูกห้อมล้อมไปด้วยรังสีอำมหิตบางอย่าง นานทีเดียว กว่าโม่ฉีหมิงจะระงับความอยากฆ่าคนในตอนนั้น

เขากล่าวด้วยน้ำเสียงแข็ง “ข้ารู้แล้ว พวกเจ้าออกไปเถอะ”

เย่หวินกับฉินหยิ่นไม่แม้แต่จะกล้ายืนตรงนั้นแม้เพียงเสี้ยววินาที โค้งคำนับเสร็จก็รีบออกจากห้องทันที

ทั้งสองเดินออกมาจนถึงสวนด้านหลังของจวนท่านอ๋อง สะพานเล็กๆบนสระน้ำ ลมพัดเอ่ยเบาๆพัดผ่านผิวน้ำสีฟ้าครามน้ำในสระไหวระลอกเป็นคลื่นๆ

เย่หวินหยุดเดินกะทันหัน หันหลังกลับไปมองฉินหยิ่น “เจ้าว่า ข้าพูดมากไปรึป่าว? ถ้าท่านอ๋องกับพระชายามีเรื่องผิดใจกันขึ้นมา นั่นมันก็เป็นของความผิดข้าน่ะสิ”

หลังจากฉินหยิ่นได้ยินคำกล่าวโทษตัวเอง มุมปากกระตุกยิ้มเบาๆ “คนอย่างเย่หวินฟ้าดินไม่กลัว ก็มีวันที่กลัวเหมือนกัน ข้าควรยินดีฉลองกับประโยคที่ข้าได้ยินเมื่อครู่ดีไหม?”

เย่หวินแกล้งทำท่าโมโห หันหลังเตรียมก้าวเท้าออกจากตรงนั้น ฉินหยิ่นที่อยู่ข้างหลังรีบก้าวตามไปสกัดกั้นข้างหน้านางไว้ เห็นนางไม่มีท่าทีว่าจะเดินต่อไปแล้ว พูดขึ้น “ไม่ใช่แน่นอน พวกเราเป็นองครักษ์ของท่านอ๋อง ก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้สุดความสามารถอยู่แล้ว มีเรื่องอะไรก็ควรพูดไปตามความจริง ไม่มีอะไรผิดหรือถูก มีแต่การให้เท็จต่อท่านอ๋องที่เป็นเรื่องผิด”

พอฟังคำปลอบจากฉินหยิ่นแล้ว ก็ทำให้นางสบายใจขึ้น คิดไปคิดมาแล้วท่านอ๋องกับพระชายาต่างมีใจให้กันอย่างลึกซึ้ง ไม่น่าจะเพราะเรื่องแค่นี้ทำให้โกรธกันได้

ภายในห้องโม่ฉีหมิงยังคงอยู่ในลักษณะท่าทางเดิม ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ท้องฟ้าภายนอกหน้าต่างเริ่มมีหมอกลงจางๆ เขาถึงขยับเปลี่ยนท่านั่ง แล้วเอนหลังนอนกลับไปใหม่

พ่อบ้านเป็นคนเตรียมอาหารเย็นของวันนี้ โม่ฉีหมิงกำลังหลับตาลงซ่อมแซมกำลังภายในที่หลังจากโดนวางยา ก็รู้สึกว่ากระปรี้กระเปร่าขึ้น เลือดไหลเวียนในร่างกายดีขึ้นจากเดิมมาก

“ท่านอ๋องขอรับ ได้เวลาเสวยพระกายหารแล้วขอรับ ข้าให้ห้องครัวทำอาหารอ่อนๆ ข้าวต้มที่ทำให้เจริญอาหาร ท่านพึ่งฟื้น เสวยไปแล้วน่าจะทำให้ท่านรู้สึกสบายตัวขึ้น” พ่อบ้านทราบดี ว่าโม่ฉีหมิงพึ่งฟื้น ไม่น่าจะชอบของมันเลี่ยน

“พระชายาล่ะ? ทำไมนางไม่มาด้วย? นางทำอะไรอยู่?”พอโม่ฉีหมิงได้ยินเสียงของพ่อบ้าน ก็ลืมตาขึ้นเบาๆ

“เรียนท่านอ๋อง พระชายาตอนนี้พำนักอยู่ที่ตำหนักเฟิงเฮ๋อ ประตูถูกปิดเอาไว้ทั้งวัน โดยไม่มีท่าทีว่าคนข้างในจะออกจากห้องขอรับ”

พอโม่ฉีได้ยินเรื่องที่พ่อบ้านพูดแล้ว ก็ยิ้มเย็นเบาๆขึ้นมา นางไม่กล้าพบข้าอย่างนั้นเชียวหรือ?

เขาเงยหน้ามองพ่อบ้าน ไฟลุกพล่านขึ้น “ไปเรียกพระชายามาพบข้าเดียวนี้”

พ่อบ้านได้ยินอย่างนั้น ก็รีบวางถาดอาหารไว้ตรงโต๊ะ หันหลังกลับรีบเดินไปที่ตำหนักของโล่หวินหลานทันที

ด้านโล่หวินหลานกำลังนั่งเหม่อลอยรับลมอยู่ริมหน้าต่าง มองกระแสลมที่พัดตกกระทบต้นไม้สั่นไหวเบาๆ ลมพัดไปมาทำให้ผมของนางปรกหน้าลงมาเล็กน้อย เส้นผมอันอ่อนนุ่มสีดำคลับพัดไปมาโดนมุมปากอันเฉียบบางของนาง

นางเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ สามารถนั่งเหม่อริมหน้าต่างได้ทั้งวัน ไม่รู้ตัวว่านั่งตรงนั้นมาทั้งวันแล้ว

นางเป็นโล่หวินหลานผู้เย็นชา ความรักระหว่างหนุ่มสาวไม่สามารถสกัดกั้นนางไว้ได้ แล้วนางก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าเรียบเฉย

ทันใดนั้นก็มีเสียงของพ่อบ้านดังมาจากข้างนอก “พระชายาขอรับ ท่านอ๋องเรียกเข้าไปพบขอรับ”

“ข้ารู้แล้ว”

โล่หวินหลานจัดระเบียบเส้นผมที่ปรกหน้าทัดไว้ข้างใบหู จึงเปิดประตูออกจากมาแล้วเดินไปที่ห้องของโม่ฉีหมิง

ภายในห้องเงียบสงัด มีเพียงเทียนหนึ่งเล่มที่ถูกจุดอยู่กลางห้อง เปลวไฟจากเทียนกระพริบไหวไปมา

โล่หวินหลานเดินไปข้างหน้าของโม่ฉีหมิง ชำเลืองตามองดูคนที่นั่งอยู่เบื้องหน้า

โม่ฉีหมิงมองหน้าที่เรียบเฉยไม่มีสีหน้าอารมณ์ใดๆ ปรากฏอยู่บนใบหน้าของนาง โม่ฉีหมิงหวั่นไหวต่อใบหน้าอันงดงามของนางก็ไม่แปลก และแล้วเหตุการณ์นารีล่มเมืองก็เกิดขึ้นกับเขาจนได้

“นั่งลง ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า” โม่ฉีหมิงจ้องไปที่ตาของโล่หวินหลานอย่างไม่วางสายตา แต่สายตาของนางกลับมองเลยผ่านร่างของเขาไป

โล่หวินหลานมองไปที่อื่น น้ำเสียงเรียบเฉยเอ่ยขึ้น “ไม่ล่ะ มีเรื่องอะไรก็รีบพูดมาเถอะ นั่งไปก็อาจจะพูดอะไรไม่ออกก็ได้”

โม่ฉีหมิงอิงลงไปบนหมอน สีหน้าไม่ค่อยดี แต่ดีขึ้นกว่าตอนที่ฟื้นขึ้นมา ตอนนี้ใบหน้าเริ่มมีเลือดฝาดแล้ว

“เจ้าวางยาสลบเย่หวินกับฉินหยินแล้วหลังจากนั้นเจ้าไปทำอะไรมา? ชิงตั้ยที่มีคนตามหาทั่วเมืองแล้วก็ไม่มี เจ้าไปหาได้จากที่ไหน? แล้ว” โม่ฉีหมิงพูดจบ น้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย “ข้าไม่เคยแตะต้องเจ้าเลย……”

“พอได้แล้ว!” โล่หวินหลานพูดขัดขึ้นมาโดยไม่รอให้โม่ฉีหมิงถามจนจบ หันหลังให้เขาทันที

พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร่าว “หากท่านอยากรู้เรื่องพวกนี้ ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูด”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก