ตอนที่23 การกลับมา
ไม่ว่าจะพูดอะไรโม่ฉีหมิงก็ไม่ฟังทั้งนั้น ตอนนี้เข้าได้ยินแค่เสียงลมที่พัดไปพัดมาข้างหู
เย่หวินกังวลจนอยู่ไม่นิ่ง ด้านฉินหยิ่นที่อยู่ข้างๆเหมือนคิดออกอยู่หนึ่งวิธี รีบกระซิบข้างหูนาง นางพยักหน้า แล้ววิ่งออกไปทันที
หลังจากที่โล่หวิ่นหลานจากไป เย่หวินกับฉินหยิ่นเคยแอบสะกดรอยตามนาง เย่หวินรีบเคาะประตูห้องของนาง
“เข้ามาเถอะ” โล่หวินหลานคิดว่าบ่าวเอาอาหารเข้ามาให้ เลยเอ่ยปากแบบไม่ใส่ใจนัก
ประตูถูกผลักออก เสียงฝีเท้าอันคุ้นเคย นี่ไม่ใช่บ่าว โล่หวินหลานหันหลังมองเพียงครู่ ก็เห็นว่าคือเย่หวิน
“เจ้ามาทำไม หรือท่านอ๋องใช้เจ้ามาจับตาดูข้าทุกฝีก้าว”
“พระชายาได้โปรดกลับไปกับข้าเถอะ ตั้งแต่ท่านจากมา ท่านอ๋องไม่ยอมแตะข้าวปลาอาหารมาสามวันแล้ว ตอนนี้ฝนกำลังตก ท่านอ๋องก็ตากฝนอยู่ภายในสวน ทำอย่างไรก็ไม่ยอมกลับห้อง พวกข้าพูดอย่างไรท่านอ๋องก็ไม่ฟังถึงได้มาหาท่าน”เย่หวินกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
โล่หวินหลานมือกำมุมด้านหนึ่งของตำราแพทย์แน่น ใบหน้าไม่ปรากฏอารมณ์ใดๆ “ท่านอ๋องไล่ข้าออกจากจวนแล้ว ตอนนี้เจ้าแอบมาหาข้า ไม่กลัวถูกท่านอ๋องทำโทษหรือ?”
“ข้าไม่กลัว ท่านอ๋องเป็นคนชอบธรรม หากพระชายากลับไป ท่านอ๋องต้องดีใจมากแน่ๆ”
ใบหน้าของโล่หวินหลานยังคงเรียบเฉย ไม่พูดไม่จาเป็นเวลานานทีเดียว เย่หวินดูไม่ออกว่านางคิดอะไรอยู่ ได้แต่โค้งคำนับหนึ่งครั้ง
“พระชายา ท่านอ๋องเป็นคนคิดการณ์รอบคอบ คิดก่อนทำเสมอ แต่ท่านอ๋องกลับโมโหเรื่องท่านกับเวินอ๋องดังสายฟ้าฟาด นั่นเป็นเพราะท่านอ๋องใส่ใจเป็นห่วงท่านต่างหาก”
เป็นห่วงเป็นใย? เป็นเพราะเป็นห่วงเนี่ยนะ? มือที่กำตำราแพทย์แน่นเมื่อครู่คลายออกเล็กน้อย ความรักที่มากไป สามารถทำร้ายคนได้ นางรู้สึกโล่งใจ”
โล่หวินหลานปิดตำราแพทย์พลัน รีบลุกขึ้น เดินออกจากโรงเตี๊ยมทันที เย่หวินรีบสาวเท้าเดินตามออกไป
ทั้งสองเดินฝ่าสายฝน ตากฝนจนถึงจวนหมิงอ๋อง
ทันทีที่ไปถึงสวนของโม่ฉีหมิง ก็เห็นเขานั่งอยู่บนรถเข็นท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำลงมา หากแต่ฉินหยิ่นกับพ่อบ้านต่างคุกเข่าต่อหน้าเขาไม่ยอมลุก
โล่หวินหลานรู้สึกหัวใจแตกสลาย ก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว
นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “โม่ฉีหมิง เจ้ากำลังเล่นอะไรอยู่กันแน่ ไล่ข้าออกไปก็เป็นเจ้า ข้าวปลาไม่ยอมแตะก็เป็นเจ้า คนที่ตากฝนอยู่ตอนนี้ก็เป็นเจ้า เจ้าจะทำร้ายตัวเองก็แล้วไป แต่พ่อบ้านกับฉินหยิ่นต้องตกกระไดพลอยโจนไปด้วย
ทันทีที่โม่ฉีหมิงได้ยินเสียงที่อันคุ้นเคย นิ้วของเขาขยับเล็กน้อย ในที่สุดนางก็กลับมา
พอเห็นโม่ฉีหมิงเพียงครู่ โล่หวินหลานพูดต่อ “ตากฝนข้าวปลาไม่กินวิธีอ่อนเกินไปรึป่าว มีปัญญาก็ใช้เชือกแขวนคอตายซะ แค้นก็ไม่ต้องชำระแล้ว”
สายตาเย็นลงจ้องมองไปที่โล่หวินหลาน
โล่หวินหลานกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “เจ้าฟังให้ดี วันที่เจ้าถูกคนปองร้ายโดนยาพิษจนสลบไปนั้น ต้องการชิงตั้ยอีกแค่อย่างเดียว หากแต่โม่ฉีหานได้กว้านซื้อชิงตั้ยรอบๆเมืองจนหมด เขาให้คนเอาสารมาให้ข้าไปหาเขาที่โรงน้ำชา ข้ารู้ดีว่าหากข้าไปหาเขาต้องถูกควบคุมเป็นแน่ ข้าเลยไม่ไป ข้ารู้ว่ารัชทายาทกับฮองเฮามีชิงตั้ย เลยได้ทำข้อตกลงกับพวกเขา ฮองเฮานำยามาให้ข้าหนึ่งเม็ด ยาเม็ดนั้นทำให้ร่างกายคนที่กินมีรอยช้ำตามร่างกายและทำให้แต้มพรหมจรรย์หายไป”
“คราวนี้ เจ้าเข้าใจทุกอย่างดีแล้ว ข้ามีแต่เกลียดชังโม่ฉีหาน และก็ไม่มีทางไปชอบเขาได้”
พูดจบ โล่หวินหลานก็มองโม่ฉีหมิงด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ สีหน้าของเขาเริ่มมืดหมองลงมาเรื่อยๆ นางหันหลังกลับเตรียมเดินจากไป
พอโม่ฉีหมิงรู้สึกตัว ครั้งนี้ เขาจะไม่ยอมปล่อยให้นางจากไปไหนแล้ว เขารีบลุกขึ้นเตรียมก้าวตามนางออกไป
หากแต่เขาลืมไปว่าถูกตัดเส้นเอ็นที่เท้า เดินไปไม่กี่ก้าว ก็ต้องล้มพับลง
“ท่านอ๋อง!” ทุกคนกล่าวด้วยน้ำใจเสียงตกใจอย่างพร้อมเพรียงกัน
โล่หวินได้ยินเสียงจากทางด้านหลัง อดทนไม่ได้ที่จะหยุดก้าว หันหลังกลับไปเห็นโม่ฉีหมิงล้มพับอยู่ท่ามกลางสายฝน ขาที่ไม่ยอมฟังคำสั่งรีบวิ่งไปข้างหน้า พยุงเขาขึ้นมา
โม่ฉีหมิงเหมือนได้สมบัติล้ำค่ากลับคืนมา กอดรัดโล่หวินหลานจนแน่น ประกบปากของนางแน่น ชิงคำพูดทุกอย่างที่นางกำลังจะพูด ท่ามกลางสายฝนนั้น เขาปลดปล่อยอารมณ์ของตัวเองออกมา
โล่หวินหลานคิดไม่ถึงว่าเขาจะทำอะไรโดยไม่เกรงใจใคร จูบนางต่อหน้าคนอื่นอย่างนี้ พยายามขัดขืนกี่ครั้ง เขายิ่งจูบนางดูดดื่มลึกซึ้งขึ้น นางไม่กล้าขยับขัดขืนอีก
โล่หวินหลานหน้าแดงระเรื่อขึ้น ปากถูกโม่ฉีหมิงจูบจนบวมเปล่ง หากแต่กลับมีความรู้สึกดีไปอีกแบบ
โม่ฉีหมิงค่อยๆ ประคองใบหน้าของโล่หวินหลานขึ้นอย่างแผ่วเบา สายตาอันอ่อนโยนมองไปที่นาง “ข้ารู้ว่าเจ้าไปหารัชทายาทมา แต่รัชทายาทกับเวินอ๋องต่างมีใจให้กับเจ้า ข้าเกลียดขาทั้งคู่ของข้า เกลียดที่ข้าไม่เอาไหน ไม่สามารถดูแลเจ้า……”
โล่หวินหลานส่ายหัวไปมา โม่ฉีหมิงโอบนางเข้ามาในอ้อมกอด พูดอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าไม่ได้ไม่เชื่อใจเจ้า หากแต่ข้าไม่เชื่อใจตัวเองมากกว่า ข้าอยากให้เจ้าออกจากสถานการณ์คับขันอันตรายในครั้งนี้ แต่ข้าก็อาลัยอาวรณ์เจ้า หวินหลาน เจ้าเข้าใจหรือไม่?”
โลหวินหลานหางตารู้สึกเปียกรื่นขึ้นมา ผสมปนเปไปกับหยาดฝนจนแยกไม่ออก “โม่ฉีหมิง ท่านต้องมีความมั่นใจในตัวเองสิ ในใจข้าเจ้าดีกว่ารัชทายาทกับเวินอ๋องพันเท่า หากแม้ท่านร่างกายพิกลพิการ หากเพียงท่านไม่ท้อ ข้าก็จะไม่ท้อเช่นกัน”
โม่ฉีหมิงพึ่งเคยได้ยินมีคนพูดอย่างนี้กับเขา หลายวันมานี้เขาอดทนมามาก ไม่หยุดที่จะย้ำเตือนตัวเอง ว่าสักวันต้องลืมนางให้ได้ แต่เขารู้ว่าเขาทำไม่ได้ ตั้งแต่วันที่นางเข้ามาในชีวิต โลกทั้งใบของเขาก็เปลี่ยนไป เขาก็พบจุดหมายปลายทางในชีวิต มีกำลังแรงใจในการใช้ชีวิตต่อไป นางเปรียบดังแสงสว่างท่ามกลางความมืดมน เขาอาลัยอาวรณ์ อยากได้นางเป็นของตัวเอง
“หวินหลาน” เขาเงยหน้าขึ้น จ้องมองดวงตาสุกสกาวดังดวงดาวของนาง เขาเอนตัวก้มลงจูบนางอีกครั้ง ประดุจใยไหมอันอ่อนโยน
ทุกคนต่างซาบซึ้งไปตามกัน พร้อมหยาดสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย ใครก็ไม่อยากไปทำลายเหตุการณ์เบื้องหน้าที่ประดุจดังภาพวาดอันงดงามชิ้นหนึ่ง
โม่ฉีหมิงค่อยๆคลายมือที่กอดนางไว้ โล่หวินหลานยิ้มออกมาอย่างรักใคร่ “พอแล้ว พวกเขากำลังตากฝนกับพวกเราอยู่นะ พวกเราเข้าไปกันเถอะ”
พอทุกคนเข้ามาในห้อง โล่หวินหลานพลางนำตัวโม่ฉีหมิงหลบลมฝน พลางพูด “พ่อบ้าน เจ้าช่วยเตรียมน้ำอุ่นให้ท่านอ๋องอาบ เย่หวินเจ้าช่วยไปเตรียมน้ำขิงให้ทุกคน ฉินหยิ่นเจ้าไปช่วยท่านอ๋องอาบน้ำ”
เมื่อได้รับคำสั่งทุกคนต่างแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง
หลังจากนั้นไม่นาน ของทุกอย่างเตรียมเสร็จแล้ว อาศัยช่วงที่โม่ฉีหมิงกำลังอาบน้ำ โล่หวินหลานก็ขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย
หลังจากที่โม่ฉีหมิงอาบน้ำและดื่มน้ำขิงเสร็จแล้ว เขาก็รู้สึกอบอุ่นขึ้น ทั้งสองต่างนั่งอยู่ที่โต๊ะกลม พลางดื่มชาพลางสังเกตท่าทีของกันและกัน
“จากที่ข้าสังเกตฮองเฮาแล้วแววตานางรู้สึกเกลียดชังเวินอ๋องเป็นอย่างมาก ครั้งนี้ ข้ากับฮองเฮาร่วมมือกัน ห่วงแต่เวินอ๋องจะไม่ยอมรามือง่ายๆ” เมื่อพูดถึงเวินอ๋อง นัยต์ตามีความกังวลขึ้นมา
สองวันมานี้ทั้งสองใช้ชีวิตเงียบสงบมาโดยตลอด ดั่งคู่เทพเทวดาก็ไม่ปาน ช่างเหมาะสมกันเหลือเกิน
โล่หวินหลานนั่งอ่านตำราแพทย์อยู่ในศาลา โม่ฉีหมิงก็คอยให้อาหารปลาอยู่ข้างๆ พูดคุยไถ่ถามบ้างเป็นบางจังหวะ ทั้งสองอยู่ที่นั่นตลอดทั้งวัน ไม่พูดไม่จา แต่กลับแค่มองตาก็รู้ใจกัน
แต่กลับมีบางคนเริ่มนั่งไม่ติดแล้ว
โม่ฉีหานรู้เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวในจวนโล่เป็นอย่างดี หากจะทำให้โล่หวินหลานใจสลาย วิธีการที่ดีที่สุดคือต้องทำลายจวนโล่ให้ย่อยยับ
ทางด้านจวนหลินอ๋องนั้น โล่วี่เสว่นั่งอยู่ริมหน้าต่างกำลังผัดหน้าโบกแป้ง หญิงนางในคนหนึ่งกำลังร้อยถักเปียกผมอันสวยงามให้กับนาง
สุดท้ายปักปิ่นปักผมด้านนอกทำจากทองคำและหยกช่างงดงามยิ่งนัก ใบหน้าที่ถูกเคลือบด้วยเครื่องสำอางช่างสวยงาม เหย้ายวนชวนให้มอง
สาวใช้มองจ้องเข้าไปในกระจกที่สะท้อนให้เห็นใบหน้าอันงดงามของโล่วี่เสว่รีบพูดประจบทันที
“พระชายาเพคะ ท่านแต่งอย่างนี้สวยจังเลยเพคะ ปิ่นปักผมอันนี้เหมาะกับท่านมาก ท่านอ๋องต้องตกตะลึงในความงามของท่านแน่เลยเพคะ”
โล่วี่เสว่ หึ! ในลำคอ ใช้มือค่อยๆจับปิ่นปักผมบนหัวอย่างเชื่องช้า “เจ้าช่างรู้จักพูดนัก ข้าแต่งอย่างนี้สวยจริงหรือ?”
สาวใช้ตื่นตระหนกตกใจกับสายตาอันเย็นยะเยือกที่จ้องมองมาที่นาง พูดเสียงอ่อย “ใช่เพคะ งามแข่งกับซีซือ ฉลาดหลักแหลม ถึงจะแต่งอย่างไรก็สวยทั้งนั้นเลยเพคะ”
“ดีมาก” โล่วี่เสว่ยิ้มเย็น “หากเมื่อหลินอ๋องเห็นข้าแล้วไม่ชอบที่ข้าแต่ง ข้าจะตัดลิ้นเจ้า”
สาวใช้ตกใจสั่นไปทั้งตัว หน้าผากเริ่มมีเหงื่อซึมออกมา สองขาพลันอ่อนแรงทันที
เจ้าพวกไร้ประโยชน์ โล่วี่เสว่มองด้วยหางตาไปทีหนึ่ง ก็เดินท่วงท่าสง่างามออกไป
จวนภายในของหลินอ๋อง กำลังรอการมาของโล่วี่เสว่ เมื่อเห็นนางเดินเข้ามาก็รีบสั่งให้นางนั่ง
โม่ฉีมู่ค่อยๆ พินิจพิเคราะห์โล่วี่เสว่ ค่อยๆใช้จมูกดม อดไม่ได้ที่จะถาม “พระชายาที่รัก กลิ่นบนตัวเจ้าช่างหอมยิ่งนัก เจ้าใช้เครื่องหอมอะไรประทินรึ?”
โล่วี่เสว่หัวเราะอย่างเหนียมอาย “ท่านอ๋องก็ชมเกินไปแล้ว ข้าไม่ใช้เครื่องหอมอะไรประทินเลย นี่เป็นกลิ่นในตัวข้าทั้งหมดเลย”
โม่ฉีมู่ยิ้มอย่างมีเลศนัย มือใหญ่ค่อยๆ จับไปที่มือนาง “อย่างนั้นหรือ?”
“หากท่านไม่เชื่อ คืนนี้ก็เชิญไปพิสูจน์ที่ห้องข้าก็ได้ จะได้รู้ คืนนี้ข้ารอท่านอยู่ที่ห้องนะเพคะ” โล่วี่เสว่กล่าวอย่างคลุมเครือ
หากแต่ สีหน้าของโม่ฉีมู่ในตอนนี้ชาไปทั้งหน้า ผลักโล่วี่เสว่ออกอย่างแรง ข้อบกพร่องในตัวเขาถูกคนตรงหน้าเยาะเย้ยอย่างน่าเจ็บใจ นี่เป็นบาดแผลทั้งชีวิตของเขา
“ออกไปเดี๋ยวนี้” โม่ฉีมู่คำรามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ขว้างปาของทุกอย่างบนโต๊ะทิ้งจนหมด และเตะเก้าอี้จนล้ม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก