ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 229

ตอนที่ 229 เวลาใกล้เช้า

แสงเทียมบนถนนค่อยๆ หายไป นอกจากแสงของพระจันทร์แล้ว ถ้าไม่มีแสงเทียนมาส่องจะทำให้คนไม่เห็นทางข้างหน้า

“หมิงซี อดทนอีกหน่อยนะ ข้าจะรีบพาเจ้าไปรักษาในวัง”โล่หวินหลานจับแขนของหมิงซีให้ห้อยอยู่คอตัวเองและจับไว้อย่างแน่น หมิงซีที่ถูกเจ้าจับไว้อ่อนแรงมาก

กลิ่นเลือดปนกับกลิ่นเหงื่อ ปลิวไปตามสายลงในค่ำคืนนี้

อาจจะเพราะว่าได้กลิ่นขิงเลือดที่อยู่ในอากาศ มีเสียงหมาเห่าในซอยเล็กๆ ที่อยู่ทางตะวันออก ทำให้ค่ำคืนนี้ยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่

“เสี่ยวฮัว ปล่อยข้าลงมาเถอะ ข้าเดินเองได้” หมิงซีรู้สึกอบอุ่นเมื่อเห็นเจ้าใช้แรงทั้งหมดที่ตัวเองมีมาแบกตัวเองไว้

ที่จริงเขาเป็นคนมาปกป้องนาง แต่ทำไม่ตอนนี้นางกลับเป็นคนที่ปกป้องตัวเองอยู่

“ดูเจ้าสิ เป็นแบบนี้แล้วยังจะทำเป็นยังไหวอยู่”โล่หวินหลานแบกน้ำหนักส่วนใหญ่ของเขาไว้ ค่อยๆ เดินไปที่กำแพง ส่วนกำแพงที่สูงๆ นั้น ทำให้เจ้ายิ่งปวดหัวเข้าปอีก

“หมิงซี ตอนนี้เจ้ายีงสามารถปีนกำแพงไหวไหม”โล่หวินหลานรู้สึกกังวล ถ้าหมิงซีไม่สามารถปีนข้ามไปได้ เจ้าสองคนก็ต้องไปพักข้างนอกแล้ว

หมิงซีที่อ่อนแอเอียงอยู่ที่ไหล่ข้างขวาของเจ้า “น่าจะไม่ได้ แต่ช่วยเจ้าปีนขึ้นไปนี่ไม่มีปัญหา”

เขายังจะมาล้อเล่นอะไรเวลานี้

ทิ้งเขาอยู่ข้างนอกคนเดียวนี่เป็นไปไม่ได้หรอก ดีที่สุดก็คือทั้งสองคนกลับไปพร้อมกัน แต่ถ้ากลับไม่ได้ ก็คงต้องพักอยู่ข้างนอก รอจนถึงเขาจะดีขึ้นจึงจะกลับเข้าวังได้

อย่างไรก็ตาม นางไม่มีวันที่จะทิ้งให้เจ้าอยู่ตัวคนเดียวหรอก

“เดี๋ยวเจ้าลองปีนดูนะ ถ้ายังไหวอยู่ก็ปีนขึ้นไปเลย ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวพวกเราไปหาที่พักข้างนอก รอเจ้าดีขึ้นแล้วค่อยเข้าวัง อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ใช่จะต้องออกมาข้างนอก เจ้าก็จะไม่บาดเจ็บอย่างนี้หรอก”

โล่หวินหลานยิ่งพูดเสียงก็ยิ่งเบา และปนเสียงถอนหายใจเข้าไปด้วย

“อย่าพูดแบบนี้” หมิงซีขัดจังหวะระหว่างที่เจ้าพูดอยู่ ทุกอย่างเขาเป็นคนยอมทำเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้าเลย

ประตูวังอยู่ใกล้สองคนมาก

ประตูวังไม่มีทหารสักคนมาเฝ้าเลย แต่มีผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู คนนั้นรู้สึกเคยชินมากโล่หวินหลานทายได้เลยว่าคนนั้นเป็นใคร

“หมิงซี แม่ทัพจื๋อเอ่ออยู่หน้าประตูวัง พวกเรารีบไปตรงนั้นก่อน เขาอาจจะช่วยพวกเราเข้าวังได้”โล่หวินหลานยังเดินไม่ถึงหน้าประตูวัง จื๋อเอ่อก็รีบวิ่งเข้ามาหาแล้ว

เงาสามคนนี้อยู่ภายใต้แสงจันทร์เล็กอย่างกับดอกไม้เล็กๆ มองพวกเขาผ่านฝูงก้อนเมฆ เป็นภาพที่เคยชินมาก

“ข้าช่วยเอง” จื๋อเอ่อรับหมิงซีมาจากมือโล่หวินหลาน ตั้งแต่ที่จื๋อเอ่อโดนตัวของหมิงซีเขาก็ขมวดคิ้วขึ้น “เส้นเอ็นเกือบครึ่งของเขาขาดหมดแล้ว ถ้าไม่ใช่ในร่างกายของเขามีพลังในปกป้องเขาไว้อยู่ ตอนนี้เขาอาจจะสาหัสกว่านี้ก็ได้”

สีหน้าของโล่หวินหลานไม่ดีตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนี้สีหน้ายิ่งซีดเข้าไปใหญ่

เส้นเอ็นเกือบครึ่งหักหมดเลยหรอ นี่หมายความว่ายังไง

“แม่ทัพจื๋อเอ่อ เจ้าพอมีวิธีอะไรบ้างไหม”โล่หวินหลานนอกจากศัลยกรรมแล้ว อย่างอื่นเจ้าก็ไม่รู้ว่าควรทำยังไง

พลังในนางก็ไม่มี กังฟูเจ้าก็ไม่เป็น นอกจากเจ้าจะพูดเก่งและชื่อเสียงของหมอเทพ นางไม่เหลืออะไรแล้ว

ขณะนี้ คนข้างๆ เจ้ายังช่วยไม่ได้เลย นางไม่อยากจะสัมผัสความรู้ที่เจ้าทำอะไรไม่ได้แบบนี้อีกแล้ว หมอเทพคนนี้ตกลงมันเทพตรงไหน

“องค์หญิงไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวเข้าไปในวังแล้วข้าจะส่งพลังในให้เขา เส้นเอ็นหักมันไม่ใช่เรื่องเล็ก ต้องรักษาอย่างดี” จื๋อเอ่อคิดว่ากังฟูและพลังในของตัวเองยังไงก็มากกว่าหมิงซีอยู่แล้ว ฉะนั้นการส่งพลังในไม่มีปัณหาหรอก

โล่หวินหลานพยักหน้า ถึงแม้มีคำปลอบใจของจิ๋อเอ่อ แต่จิตใจของเจ้ายังคงสงบลงไม่ได้

ฟ้ามืดมากแล้ว ทหารที่เฝ้าประตูไม่มีใครสังเกตพวกเขาได้เลย ฉะนั้นก็ผ่านเข้ามาขเงในง่ายๆ และก็มาถึงประตูหลังของตงหัวเยี้ยน

แสงเทียนที่อยู่ในตงหัวเยี้ยนยังคงสว่าง ในสองห้องนี้มีคนเฝ้าอยู่ จนถึงพวกเขาเปิดประตูห้องโล่หวินหลานออก อาลั่วหลันรีบลุกขึ้นมาจากพื้น

“นี่ไปทำอะไรมาอ่า ทำไมถึงบาดเจ็บ” อาลั่วหลันมองหมิงซีที่เสื้อของเขาเต็มไปด้วยเลือด เลยรีบมาช่วยจับเขาไว้

จื๋อเอ่อมองไปที่นางแวบหนึ่ง ไม่ได้ถูกการกระทำของเจ้าดึงดูดอะไรเลย แต่กลับคิดถึงแต่แผลของหมิงซี

“ไปบาดที่ข้างนอกมานิดหน่อย ตอนนี้จะให้แม่ทัพจื๋อเอ่อช่วยส่งพลังงานในให้เขาหน่อย” สายตาของโล่หวินหลานอย่างกับคนที่ตายไปแล้ว

“ถ้าอย่างนั้นก็เร็วๆ เข้า” อาลั่วหลันสีหน้าตื่นเต้นมาก พูดจบก็ลากจื๋อเอ่อมาที่ข้างเตียงหมิงซี

เขาสงสัยกิริยาที่ไม่มีมารยาทของนาง ขมวดคิ้วเข้มและมองอาลั่วหลันที่อยู่ข้างๆ “เจ้าทำอะไร แม่ทัพอย่างข้าเจ้ากล้ามาแตะต้องตัวยังไง”

เสียงเย็นชาของเขาทะลุผ่านเข้าไปในหูของอาลั่วหลัน นางรีบปล่อยมือที่เจ้ากำลังจับแน่นๆ อยู่ และก้มหน้าลงเพราะรู้สึกอายในการกระทำของตัวเอง

เขาชินกับกิริยาของตัวเองไปนานแล้ว อยู่ๆ ก็ลืมตัวไป

ฐานะของเจ้าตอนนี้เป็นแค่สาวใช้ขององค์หญิงเหอเซ่อ เจ้าไม่กล้าที่จะไปแตะต้องตัวแม่ทัพหรอก

“หนูควรตายที่ไปแตะต้องตัวแม่ทัพ ขอให้แม่ทัพรีบไปช่วยเขานะ” อาลั่วหลันไม่สามารถปิดบังความเสียใจที่อยู่ในเสียงเจ้าได้

จื๋อเอ่อได้ยินน้ำเสียงแบบนี้ของนาง กลับมีความรู้สึกที่แปลกๆ ขึ้นมา “ เขาเป็นอะไรกับเจ้า”

อาลั่วหลันตกใจ นางกลั้นไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองพูดอีกแล้ว

“จื๋อเอ่อ รีบลงมือเถอะ แผลของหมิงซีอยู่ได้ไม่นานหรอก”โล่หวินหลานคอยเตือนเจ้าอยู่ข้างๆ ขาดการสนทนาระหว่างเขากับอาลั่วหลัน

สองคนนี้รู้จักกันดีอยู่แล้ว ถ้าให้เขารู้ว่าอาลั่วหลันเป็นใคร เขาก็จะรู้ความจริงทุกอย่าง

หมิงซีอยู่ในกองเลือดของตัวเอง เหมือนกำลังนอนอยู่กลางผ้าสีแดง เขาหลับตาแน่นๆ ริมฝีปากซีดจนไม่เหมือนคน

“พวกเจ้าออกไปเฝ้าอยู่ข้างนอก อย่าให้ใครได้เข้ามาเด็ดขาด” จื๋อเอ่อพูดโดยมองไปยังประตู

ถ้าถูกคนอื่นมารบกวนระหว่างส่งพลังใน จะทำให้ทั้งสองคนสาหัสได้

โล่หวินหลานก็เข้าใจเหตุผลที่จื๋อเอ่อให้ทำแบบนี้ เมื่อก่อนเจ้าก็เคยเห็นโม่ฉีหมิงส่งพลังในให้คนอื่น ตอนนี้ยังจำภาพตอนนั้นได้ชัดเจนมากเลย

“อา… หลัน เจ้าไปเฝ้าที่ประตูเลย อย่าให้คนอื่นได้เข้ามา”โล่หวินหลานเกือบพูดชื่อของอาลั่วหลันออกมา

ยังดีที่ไม่มีใครมาสังเกต โดยเฉพาะจื๋อเอ่อ เชานั่งอยู่บนเตียงช่วยหมิงซีให้ลุกขึ้นมานั่ง ต่อมาเขาก็จะส่งพลังในให้หมิงซี

อาลั่วหลันมองไปยังที่จื๋อเอ่อ เจ้ารู้จักเขาดีว่าเขาไม่ใช่คนที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่นเท่าไหร่นัก นอกจากจะมีประโยชน์ต่อเขา

แต่ทำไมเขาถึงยอมมาช่วยหมิงซี ถึงยอมใช้พลังในของตัวเองมาช่วยหมิงซี

อาลั่วหลันคิดไม่ออกว่าทำไม

แต่เพื่อร่างกายของหมิงซี นางยอมเดินออกไปข้างนอก เพราะในวังแห่งนี้ คนที่ตัวเองเชื่อใจได้มันน้อยเกินที่จะนับได้

จริงๆ แล้วการส่งพลังในเป็นกระบวนการที่ทำซ้ำไปซ้ำมา แค่อย่าหยุดทำไปเรื่อยๆ ก็สามารถทำการส่งพลังงานอย่างสำเร็จ

“ถึงแม้ว่าพลังในของเขาจะไม่ค่อยแรง แต่เขาพยายามไม่ให้พลังในของข้าเข้าไป ข้าไม่สามารถที่จะส่งพลังในเข้าไปได้” จื๋อเอ่อพูดอย่างลำบาก

ระดับของพลังในสองคนนี้ก็เท่าๆ กัน แต่ทำไมพลังในของเขาไม่สามารถเข้าไปร่างกายของหมิงซีได้

“เกิดอะไรขึ้นหรอ”โล่หวินหลานขมวดคิ้วและสงสัยมาก

“ข้าจะทำอีกรอบหนึ่ง” จื๋อเอ่อพูด

เขาค่อยๆเก็บพลังในที่เขาได้ส่งออกไปเข้ามา และส่งออกไปอีกครั้ง ตอนที่พลังในใกล้จะเข้าถึงในร่งของหมิงซี จื๋อเอ่อเพิ่มพลังในอีกแบบหนึ่งเข้าไป เป็นพลังในที่ช่วยให้พลังในที่ถูกปฏิเสธได้เข้าไปข้างใน

ดูแสงสีฟ้าอ่อนนั้นค่อยๆ เข้าไปในร่างกายของหมิงซีโล่หวินหลานเริ่มรู้สึกสบายใจขึ้น

ตอนนี้เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงอีกแล้ว

“จื๋อเอ่อ เจ้ารีบไปพักก่อนเลย ข้ารู้สึกว่าเจ้าก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เป็นเพราะเจ้าส่งพลังในรีบเกินไปหรือเร็วเกินไปหรอ”โล่หวินหลานเห็นเขาหน้าซีดลงจากเตียง อดไม่ได้ที่จะถาม

“ข้าไม่เป็นไรหรอก เป็นเรื่องปกติของมันอยู่แล้ว” จื๋อเอ่อโบกมือและออกไปข้างนอกอย่างหมดแรง

อาลั่วหลันกำลังนั่งอยู่บันไดข้างนอก ยื่นมือออกไปรับหิมะที่ตกลงมาอย่างเบื่อหน่าย ได้ยินเสียงเปิดประตูข้างหลัง เจ้ารีบลุกขึ้นและหันกลับไป เห็นจื๋อเอ่อที่หน้าซีดพอดี

“แม่ทัพจื๋อเอ่อ ขอบคุณมากๆ เลยนะ ข้าขอตัวเข้าไปดูข้างในก่อนนะ” อาลั่วหลันยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาว ต่างกับสีผิวของเจ้าโดยสิ้นเชิง

จื๋อเอ่อมองใบหน้าที่รู้สึกว่าเคยชิน ไม่ได้พูดอะไรมากก็กลังเข้าห้องของตัวเองไปเลย

อาลั่วหลันอยู่ดูแลหมิงซีทั้งคืน ไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลย

เช้าวันที่สองมีแสงพระอาทิตย์ส่องเข้ามาในห้อง อาลั่วหลับนอนหลับฝันดีข้างกายหมิงซี มือของเจ้ายังคงจับมือของเขาไว้แน่นๆ

“เว่ย ตื่นได้แล้ว” หมิงซียื่นมือออกผลักอาลั่วหลัน บนใบหน้าของเขานอกจากสีหน้าที่เพิ่งตื่นไม่มีอย่างอื่นอีกแล้ว

“อะไรหรอ หมิงซี เจ้าตื่นแล้วหรอ ดีใจจังเลย เจ้าอยากกินอะไรไหม อยากกินน้ำไหม ยังเจ็บอยู่ไหม” อาลั่วหลันดีใจจนกระโดดขึ้น ถามหมิงซีไม่หยุด

สีหน้าของหมิงซีรู้สึกตกใจ มองอาลั่วหลันอย่างสงสัย “เสี่ยวฮัวล่ะ เจ้าเป็นไรมากไหม”

เสี่ยวฮัวหรอ

สีหน้าดีใจของอาลั่วหลันเปลี่ยนเป็นสีหน้าโกรธอย่างกะทันหัน

ตื่นมาตั้งแต่เช้า ยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย ถามแต่เสี่ยวฮัวหรอ

คนที่ดูแลเขาทั้งคนเป็นใคร คนที่เขาตื่นมาเจอเป็นคนแรกเป็นใคร อะไรๆ ก็เสี่ยวฮัว เขาคิดว่าข้าเป็นอะไรหรอ เป็นสาวใช้ของเขาอย่างนั้นหรอ

“หมิงซี เจ้าลืมตาดูดีๆ คนที่อยู่ต่อหน้าเจ้าไม่ใช่อะไรฮัว คือข้าๆๆ เจ้าอย่างน้อยก็ควรถามข้าหน่อยว่ากินข้าวยัง หลับดีไหม ไม่น่าเลยที่ข้ามาดูแลเจ้าทั้งคืน” อาลั่วหลันบ่นแบบไม่พอใจมากและดูหน้าหมิงซี

หมิงซีอึ้งไปสองวินาที แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ขอบคุณ”

พูดแค่สองคำก็คิดจะไล่ข้าไปหรอ

อาลั่วหลันมองหมิงซีอย่างโกรธแค้น ช่างมันเถอะ เวลายังมีอีกเยอะ สักวันข้าจะต้องให้เขารู้ว่าคำพูดที่เขาได้พูดในวันนี้มันผิดไปแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก