ตอนที่ 228 การเจอกันที่ไม่มีความสุข
“เขายังคงไม่ยอมตกลง เขาต้องมีเหตุผลของตัวเองแน่เลย ส่วนสิ่งที่พวกเราจะทำก็คือให้เขาทิ้งเหตุผลี้ไป…” สายตาของโม่ฉีหมิงยากที่จะเข้าถึงได้ “ได้ข่าวว่าสิ่งที่เขาใส่ใจที่สุดก็คือภรรยาและลูกของเขา เขามีลูกตอนแก่ วันก่อนเพิ่งจะครบหนึ่งเดือน ถ้าแย่งสุดที่รักของเขาไป ดูว่าเขายอมตกลงไหม”
ฉินหยิ่นรู้สึกน่ากลัวมาก สิ่งที่โม่ฉีหมิงเมื่อก่อนไม่ชอบที่สุด ตอนนี้กลับเป็นคำพูดที่ออกจากปากของเขา
“หมิงอ๋อง ทำแบบนี้เขาจะยอมแค่ภายนอก เขาอาจจะมากัดพวกเราทีหลังก็ได้นะ”ฉินหยิ่นพูดเสียงเบา
ถึงแม้โม่ฉีหมิงเข้าใจการควบคุมอย่างลึกซึ้ง แต่ยังไงก็ต้านไม่ได้ที่จะมีการหักหลังและศัตรูเกิดขึ้น ถึงจะเป็นคนที่ดีแค่ไหนก็ตาม อาจถูกคนอื่นมองว่าเป็นศัตรูก็เป็นไปได้
โม่ฉีหมิงสีหน้านิ่งเฉยเสมือนน้ำแข็งพันปี ริมฝีปากบางแยกออกเบาๆ “สิ่งที่ข้าอยากได้คือยอม”
“ปั่ง” เสียงที่อยู่ข้างนอกเข้าหูของสองคน โม่ฉีหมิงทำสายตานิ่งเฉยคมกรีบขึ้นมาทันทีอย่างกับน้ำแข็งมองไปยังประตู
“ใคร ออกมาเองเลย”
เมื่อกี้โล่หวินหลานฟังตั้งใจเกิน จนขาของเจ้าไปเตะโดนกำแพงข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว ถึงแม้จะเป็นเสียงที่เบามาก แต่โม่ฉีหมิงกลับสามารถได้ยิน
สีหน้านางเปลี่ยนไป พร้อมถอยหลังไปสองก้าวติดต่อกัน
ไม่รู้ว่าควรจะเผชิญกับสถานการณ์ตอนนี้ยังไงดี ถ้าออกไปแสดงตัวตอนนี้ เขาจะคิดว่าเราเป็นคนที่ศัตรูส่งมาไหม อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะออกไปบอกว่าตัวเองเป็นใครได้
นางกัดริมฝีปากของตัวเอง เจ้าสัมผัสได้อากาศหนาวเย็นที่อยู่ข้างในห้อง
“หมิงอ๋อง คือข้าเอง”
เขาได้ยินเสียงนิ่งๆ ของผู้หญิง แต่คิ้วของเขากลับยิ่งขมวดเข้าไปอีก
เสียงนี้เป็นของเย่หวินโล่หวินหลานรู้จักเสียงนี้เป็นอย่างดี ไม่คิดเลยว่าคนที่ช่วยเจ้าไว้จะเป็นเย่หวิน
เจ้าคิดไม่ผิดหรอก ร่างบางถูกแสงเทียนส่องผ่านออกมาเป็นเงาที่อยู่บนหน้าต่างเป็นของเย่หวินแน่นอน
“หมิงอ๋อง นี่คือแกงเห็ด ดึกขนาดนี้แล้วกินข้าวไปหน่อยจะได้ทำให้กระเพาะดีหน่อย” เย่หวินเปิดประตูเดินเข้าไป
ตั้งแต่โล่หวินหลานจากไป จำนวนครั้งที่เจ้าเข้ามาในห้องนี้น้อยจนใช้แค่นิ้วเดียวก็นับได้แล้ว
ไม่ใช่ว่านางไม่อยากเข้ามาเอง และก็ไม่ใช่โม่ฉีหมิงไม่ให้นางเข้ามา แต่เป็นนางเองที่ยังปล่อยวางไม่ได้ ทุกครั้งที่นางเห็นโม่ฉีหมิงเจ้าก็นึกถึงความผิดพลาดของตัวเอง ความผิดพลาดนั้นอยู่ที่ส่วนลึกสุดในใจ ยากที่จะดึงออกมาได้
“วางไว้ตรงนี้ก็ได้” ความสงสัยของโม่ฉีหมิงยังไม่หาย ฟังจากทิศทางของเสียงไม่ใช่ประตูที่เย่หวินเข้ามา
“เจ้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ” โม่ฉีหมิงถามขึ้นโดยมองแกงเห็ดที่เย่หวินเอามาให้
“เพิ่งถึงหมิงอ๋องก็ได้เรียกข้าแล้ว” เย่หวินพูดตามความจริง
กังฟูของโม่ฉีหมิงเพิ่มระดับขึ้นเรื่อยๆ แล้ว เจ้าเพิ่งถึงหน้าประตูกำลังจะเคาะข้างในก็ได้ถามว่าข้างนอกเป็นใครแล้ว
“ไม่ใช่ ข้างนอกยังมีอีกคนอยู่แน่นอนฉินหยิ่น เจ้ารีบออกไปดูเลย” โม่ฉีหมิงนึกขึ้นอย่างรวดเร็ว รีบเดินไปยังหน้าต่างข้างซ้าย
สองคนนี้รีบเดินตามไป ก่อนหน้านี้ตรงกลางของหน้าต่างข้างขวาได้ถูกคนเจาะรู ถ้ายืนอยู่ข้างนอกสามารถมองเห็นทั่วห้องอย่าวแน่นอน
ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ คนคนนั้นต้องรู้จักตำหนักหมิงอ๋องเป็นอย่างดีแน่เลย
โม่ฉีหมิงใช้นิ้วชี้ของเขาไปจิ้มที่รูเดิม แต่รูนั้นเล็กจนนิ้วชี้ของเขาไม่สามารถใส่เข้าไปได้
“เป็นผู้หญิง ถ้าเข้ามาในตำหนักหมิงอ๋องก็อย่าคิดจะออกไป” โม่ฉีหมิงยิ้มอย่างน่ากลัว
เย่หวินกับฉินหยิ่นรู้เลยว่ามีคนแปลกหน้าเข้ามาในตำหนักหมิงอ๋อง โทษที่พวกเขาไม่เฝ้าดีๆ ทำให้คนข้างนอกสามารถผ่านเข้ามาได้ พวกเขารีบตามที่ที่มีรอยเท้าไป
โล่หวินหลานรีบหนีออกไป ความหวังและความแน่วแน่ที่เมื่อกี้เจ้าพาเข้ามาด้วยหายไปแบบไม่เหลือสักนิดเลย ตอนนี้นางแค่อยากจะออกไปที่นี่ให้เร็วที่สุด
ถ้านางทายไม่ผิด ขณะนี้โม่ฉีหมิงกำลังตามหาเจ้าอยู่
นางรีบวิ่งไปทางประตูหลัง ข้างหน้าเจ้าก็คือประตูหลัง แค่เจ้าเปิดออกมา หมิงซีที่อยู่ข้างนอกก็จะช่วยนางได้
“หยุดเดี๋ยวนี้ โจรที่ไหนกล้าเข้ามาในตำหนักหมิงอ๋อง อยากตายใช่ไหม” เสียงเย็นชาของเย่หวินทะลุผ่านข้ามคืนนี้ นางดึงดาบออกมาจากฝักดับ เสียงแหลมระหว่างทั้งสองทำให้รู้สึกปวดหู
นางโยนดาบออกไปให้มันอยู่บนประตูที่อยู่หน้าโล่หวินหลาน ดูดีๆ แล้วดาบเข้าไปในไม้ลึกมากเลย
กังฟูของเย่หวินพัฒนาขึ้นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เสียงดาบนั้นเร็วอย่างกับลมที่พัดแรงมากข้างๆ หูโล่หวินหลาน
“ข้าบอกให้หยุด ไม่ได้ยินหรือไง” เสียงเย็ยชาแบบนี้ไม่เหมือนเสียงเดิมของเย่หวินเลย
โล่หวินหลานค่อยๆ หยุดเดิน ไม่หันหน้าไป
“เจ้าเป็นใคร ทำไมต้องแอบเข้ามาในตำหนักหมิงอ๋องดึกขนาดนี้ ถ้าเจ้าบอกมาจะไม่ฆ่าเจ้า” เย่หวินพูดแบบเย็นชา
ไม่รู้ว่านางไปเรียนมาจากไหน เรื่องพวกข่มขู่แบบนี้
“ไม่เกี่ยวกับเจ้า ข้าจะไป เจ้าห้ามไม่ได้หรอก”โล่หวินหลานพยายามทำเสียงของตัวเองให้เข้มเหมือนผู้ชาย ไม่อย่างนั้นกลัวว่าวันหลังมาเจอกันเจ้าจะรู้สึกว่าเคยได้ยินเสียงนี้
“ไม่กลัวใช่ไหม แน่จริงเจ้าก็หันหน้ามา ได้รู้ความลับของตำหนักหมิงอ๋องเยอะขนาดนี้ คิดจะเดินออกไปแบบยังมีชีวิตอยู่รอดมันเป็นไปไม่ได้หรอก” เย่หวินดูดับที่อยู่ในมือตัวเอง ทันใดนั้น มีแสงที่แสบตาส่องจนโล่หวินหลานลืมตาไม่ได้
เจ้าเอาพลังข้างในออกมาอยู่ที่บนดาบโล่หวินหลานเคยเห็นหลายคนทำแบบนี้ พลังใหญ่มาก แต่ก็อันตรายมาก
“ถ้าไม่บอกมา อย่ามาโทษที่ดาบของข้าไม่มีตานะ” เย่หวินยังไม่ได้ใช้ถึงระดับสูงสุด แต่ก็ใกล้แล้ว ถ้าเจ้าตบลงไป มีกี่คนที่สามารถสู้นางได้
ใช้วิธีขั้นเทพแบบนี้มาสู้กับเจ้า คนที่ไม่เคยเรียนกังฟูอย่างนาง มันก็เกินไป
“’งั้นเจ้าก็ลองดูสิ”โล่หวินหลานไม่กล้าหันหน้าไป เจ้ากลัวว้าโม่ฉีหมิงจะอยู่หลังนาง นางกลัวว่าตัวเองเห็นชางหมิงจื้วจะขยับตัวไม่ได้เลย
“โฮ่” เสียงหัวเราะเย็นชาอยู่กลางท้องฟ้า เย่หวินยกมือขึ้น ดาบลง
เจ้าใช้พลังในถึงหกชั้นในดับ ถึงนางก็ยังไม่ได้ใช้เต็มพลัง เพื่อให้โล่หวินหลานมีชีวิตอยู่รอด และจะได้ถามว่านางเป็นใคร
โล่หวินหลานเห็นว่าดาบมันมาอย่างรวดเร็วเจ้าก็รีบหลบไปข้างๆ ถึงแม้การหลบอาจช่วยไม่ได้เยอะ แต่อย่างน้อยก็ทำให้นางไม่บาดเจ็บจนเกินไป
แต่มีเงาดำโผล่ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้มาขวางที่หน้าโล่หวินหลาน ทำให้นางงงกับสถานการณ์ตอนนี้
“ปั่ง” หมิงซีคุกเข่าลง ใช้มือเดียวดันที่พื้น ท่าท่างของเขาดูน่าสงสารมาก
“หมิงซี”โล่หวินหลานเห็นเขาบาดเจ็บแทนตัวเองเจ้าก็สั่นทั้งตัว โดยเฉพาะตอนที่เห็นเขาอาเจียนเป็นเลือดออกมา
นอกจากโม่ฉีหมิงคนเดียว ไม่เคยมีใครมารับบาดเจ็บแทนนางเลย แต่ตอนนี้หมิงซีวิ่งออกมาอยู่หน้านาง ความกล้าหาญแบบนี้… ต้องพึ่งพาความที่อยากจะปกป้องขนาดไหนถึงทำได้ขนาดนี้
“ข้า ข้าไม่เป็นไร รีบไปเลย” หมิงซีคุกเข่าลงและปิดหน้าอกของตัวเองไว้อย่างแน่น
“จะไปก็ต้องไปด้วยกัน ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเจ้าเด็ดขาด”โล่หวินหลานพูดจบก็หาเข็มที่ตัวเองซ่อนไว้ที่หน้าอก และหาเจอเข็มที่ไม่เคยถูกน้ำยาอะไรจิ้มไว้
“ฉินหยิ่น เจ้าไปจับสองคนนั้นมาแล้วสอบปากคำดีๆ” โม่ฉีหมิงแบมือไว้ข้างหลัง ยืนดูสองคนนั้นเป็นเวลานาน
สองคนนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ และสายตาคู่นั้นของผู้ชายเหมือนเขาจะเคยเจอ แต่ตอนนี้ยังนึกไม่ออก
โล่หวินหลานหันหน้าไปกะทันหัน นำเข็มที่อยู่ในมือแทงเข้าไปในจุดฝังเข็มที่ทำให้คนสลบได้ของฉินหยิ่น อีกสองเข็มถูกโยนไปทางโม่ฉีหมิงและเมย่เยว่ แต่สองคนนี้เห็นฉินหยิ่นสลบก่อนก็เลยระมัดระวังตัวยิ่งขึ้น
สองคนนั้นหลบสองเข็มนั้นได้พอดี
“หมิงอ๋อง ไม่เป็นไรใช่ไหม” เม่ยเวย่ดูไปทางหมิงอ๋อง เห็นว่าเขาไม่เป็นไรก็รีบไปช่วยฉินหยิ่นที่สลบอยู่บนพื้น
เจียงซั่งดิ้นไม่ได้เลย รู้สึกทั้งตัวชาไปหมดเลย ถ้ามีคนมาแตะต้องตัวนิดหน่อย ก็จะรู้สึกมีมดหลายหมื่นตัวอยู่ในตัวเจ้า
เย่หวินดูไปที่เข็ม เจ้ารู้ว่านี่ไม่ใช่จุดอันตราย ก็เลยเอาเข็มออกเลย
“ข้าว่า นางไม่อยากจะทำร้ายใครหรอก” เมย่เยว่พูดเบาๆ
ความรู้สึกชาของฉินหยิ่นค่อยๆ หายไป เขาก็รีบยืนขึ้นดูไปทางที่พวกเขาหนีไปอย่างโกรธแค้น
ในชีวิตนี้ เขาแพ้ให้กับผู้หญิงเป็นครั้งแรก
“โทษที่ข้าประมาทเอง” น้ำเสียงของฉินหยิ่นรู้สึกเสียดายมาก มองไปยังโม่ฉีหมิงกลับเห็นเขาขมวดคิ้วมองไปที่ที่หนึ่ง
“หมิงอ๋อง เป็นอะไรหรือ” เจียงซั่งพูดต่อหน้าโม่ฉีหมิงอย่างสงสัย
ในสถานการณ์แบบนี้ไม่รู้ว่าควรจะตามไปต่อหรือไม่
หิมะยังคงตกอยู่ ริมฝีปากของโม่ฉีหมิงซีดมากเลย สีหน้าต่างจากปกติมาก
พอผ่านเวลาไปนานมาก เขาจึงพูดขึ้นมาอย่างช้าๆ ว่า “ไม่เป็นไร ไม่ต้องตามแล้ว”
เขาหันไปอย่างไม่มีชีวิตชีวา ในสมองก็ว่างเปล่าเลย
ผู้หญิงเมื่อกี้ทำท่ามือโยนเข็มออก ความเร็วและแรงที่ใช้ก็ไม่ต่างจากโล่หวินหลานอะไรเลย
ไม่รู้ว่านี่เป็นแค่บังเอิญหรือะไร แต่ใจของเขากลับมีความหวังขึ้นมา
เขารู้สึกว่าครั้งนี้พระเจ้าจะนำทั้งหมดที่เป็นของเขาคืนให้เขาหมดเลย
เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ไม่มีใครเข้าใจได้ว่าเขากำลังยิ้มอะไรอยู่
ฉินหยิ่นกับเมย่เยว่ตามหลังของเขามาตลอดทาง
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าทำไมโม่ฉีหมิงถึงปล่อยสองคนนั้นไป แต่พวกเขาก็ฟังคำสั่งของโม่ฉีหมิงเป็นเวลานานแล้ว ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่เขาสองคนจะต้องสงสัย
พวกเขาไม่มีใครได้บาดเจ็บเลย แสดงว่าสองคนนั้นไม่ได้ตั้งใจจะมาฆ่าใคร แต่ไม่รู้ว่าเจ้าจะทำอะไรกับความลับที่นางได้ยิน
จะเป็นประโยชน์ หรือเป็นโทษ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก