ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 227

ตอนที่ 227 ประตูทางถนนตง

สองคนรีบเดินไปทางทิศตะวันตกของสวนดอก เงาดำสองคนหายไปในฝูงต้นพลัมทันที เหลือแต่รอยเท้าบางๆ ในสวนดอก

มุมตะวันตกของสวนดอกนี่เป็นปลายตายจริงๆ ไม่มีสาวใช้หรือขันทีมาเฝ้าตรงนี้สักคน ดอกพลัมที่ปลูกสองข้างนี้โดดเด่นมาก แสงจันทร์ที่ส่องลองมาทำให้ดอกพลัมยิ่งสวยเข้าไปอีก

“เสี่ยวฮัว ข้าจะอยู่ข้างล่าง เจ้าปีนขึ้นไปก่อน” หมิงซีสองมือประกอบกันและย่อตัวลงเพื่อให้เสี่ยวฮัวสามารถหยาบอยู่บนมือของเขาและปีนขึ้นไปได้

“เจ้าระวังตัวหน่อยนะ”โล่หวินหลานขมวดคิ้วและมองไปยังหมิงซีที่อยู่ข้างล่าง หยาบขึ้นไปบนมือของหมิงซีอย่างระมัดระวัง

หมิงซีใช้แรงของตัวเองดันโล่หวินหลานขึ้นไป เจ้าค่อยๆ ปีนขึ้นไปบนกำแพงและจับกำแพงไว้ พอปรับร่างกายของตัวเองได้แล้วก็ยื่นมือไปให้หมิงซีเพื่อดึงเขาขึ้นมา แต่ยังไม่ทันได้แตะหมิงซี เขาก็บินขึ้นมาเองแล้ว

“หลับตาลง” หมิงซีมองหน้าโล่หวินหลานพร้อมใช้เสียงเข้มพูดออกมา

โล่หวินหลานยังไม่ทันได้เข้าใจเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น ก็มีมือใหญ่มาจับที่เอวของนางอย่างแน่น ท้องฟ้าข้างนอกเดี๋ยวก็สว่าง เดี๋ยวก็มืดโล่หวินหลานได้สัมผัสความรู้สึกของการบินเป็นครั้งแรกว่าเหมือนเจ้าเป็นนกที่อิสระจริงๆ

เจ้ายังไม่ทันได้ปลดปล่อยมากกว่านี้ หมิงซีก็พานางลงมาแล้ว

“พวกเราออกมาจากสวนดอกแล้ว ต่อไปควรออกไปข้างนอกจากประตูที่อยู่ทิศตะวันออก เราจะต้องผ่านประตูใน ประตูใต้และประตูวัง” หมิงซีอธิบายโดยดูแผนที่ที่อยู่ในมือตัวเอง

โล่หวินหลานพยักหน้า “แค่ได้เดินตามแผนที่นี้ ก็ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน”

“ตอนนี้พวกเราอยู่ตรงนี้” หมิงซีชี้ไปที่แผนที่ ใช้แผนที่มองดูรอบๆ ชี้ไปยังซอยที่อยู่ข้างซ้าย “ออกไปจากตรงนี้ก็จะถึงประตู”

“รีบไปเถอะ”โล่หวินหลานใช้ผ้าคลุมหน้าปิดหน้าตัวเองอย่างมิดชิด แค่เดินออกประตูเหล่านี้ เจ้าก็จะได้เห็นคนที่เจ้าอยากเจอ

หมิงซีพยักหน้า ใบหน้าของเขานิ่งเฉยอย่างกับน้ำแข็ง ในหัวของเขามีแต่เดินไปข้างหน้าและความหวังของคนที่อยู่ข้างๆ เขา เขาสามารถทำทุกอย่างเพื่อเสี่ยวฮัว

นอกจากประตูที่อยู่ข้างนอกสุดจะมีทหารที่เฝ้าเยอะหน่อย ประตูอื่นไม่ค่อยมีทหารเฝ้า ก็สามารถผ่านออกไปง่ายหน่อย อีกหนึ่งอย่างหมิงซีก็สามารถใช้กังฟูของตัวเองบินได้ แค่พาเจ้ากระโดดขึ้นไปเบาๆ ไม่ต้องเดินก็สามารถออกไปได้

เดินมาตลอดทางแต่กลับไม่มีทหารสักคนมาเห็นโล่หวินหลานรู้สึกแปลกใจมาก ปกติก็แค่เรื่องนิดๆ หน่อยๆ ก็สามารถทำให้ทั้งเมืองเดือดร้อนได้

“หมิงซี พวกเราออกมาได้แล้ว”โล่หวินหลานหยาบอยู่บนพื้นที่เจ้าเคยชิน อยู่ๆ ก็มีความรู้สึกของคำว่าไม่เจอตั้งนานขึ้นมา

“ต่อมาควรเดินไปทางไหน” หมิงซีพยายามไม่ไปมองใบหน้าดีใจของเจ้า ดวงตาคู่นั้นทำให้ใจของหมิงซีเจ็บปวด สิ่งที่เขาไม่อยากเห็นที่สุด ในที่สุดเขาก็ได้เห็น

ใบหน้าของเจ้าสามารถมีรอยยิ้มได้ เพราะว่าผู้ชายคนอื่น

“ไปทางทิศตะวันออก”โล่หวินหลานชี้ไปยังทางถนนกว้าง หมิงซีเดินตามหลังเจ้าโดยไม่มีการคัดค้านใดๆ

ดวงดาวประกายอยู่บนท้องฟ้า มีแสงจันทร์อ่อนๆ ส่องลงมาที่ถนน มีแต่อยู่ตรงนี้ถึงจะได้เห็นทิวทัศน์แบบนี้ ในขณะนี้หิมะกำลังตกอย่างเงียบเหงา หิมะที่ขาวสะอาดตกลงมาที่ตัวเจ้าทำให้คนอื่นเห็นแล้วแสบตาแต่ก็เข้ากันได้

“เจ้า มาที่นี่แค่มาเจอหน้าเขา ไม่ได้คิดจะบอกเขาว่าเจ้าเป็นใครใช่ไหม” หมิงซีไม่รู้ว่าทำไม ในเสียงของเขามีความตื่นเต้นปนเข้าไปด้วย ไม่รู้ว่าตื่นเต้นที่ตัวเองถามคำถามนี้ออกมา หรือตื่นเต้นเพราะคำตอบของโล่หวินหลาน

เสียงของเขาเข้าไปในหูของโล่หวินหลานตลอด จริงๆ แล้วเจ้าก็ไม่รู้ว่าควรตอบยังไง แต่เจ้ารู้ว่าการออกมาครั้งนี้ไม่ได้มาแบบง่ายๆ หรอก ถ้ามีโอกาสที่นางสามารถบอกเขาไปว่าเจ้าเป็นใคร นางไม่ยอมปล่อยผ่างไปอย่างง่ายดายหรอก

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ข้าก็แค่อยากมาเจอหน้าเขา หมิงซี ไม่ว่าอะไร เจ้าก็จะสนับสนุนข้าใช่ไหม” เสียงของโล่หวินหลานต่ำมาก เขาเดินไปด้วย กัดเล็บตัวเองไปด้วย กระโปรงของนางบิวขึ้นตามสายลม

มีหลายครั้งที่เจ้าไม่อยากจะนึกขึ้นเรื่องนี้ พยายามที่จะดีดเรื่องนี้ออก แต่ทุกครั้งที่ฟ้ามืดลง ใจของนางก็จะสับสนวุ่นวาย มีแต่ความทรงจำที่เกี่ยวกับโม่ฉีหมิง

นางยอมรับว่าเจ้าคิดถึงโม่ฉีหมิงทุกเวลา ถึงแม้ในใจจะอยู่ไม่นิ่ง แต่สายตากลับมองไปยังข้างหน้าอย่างเข้มแข็ง เท้าของเจ้าไม่เคยที่จะหยุดมุ่งเดินไปข้างหน้า

หมิงซีจิบริมฝีปาก ยังคงไม่ได้พูดอะไรออกมา

คนหนึ่งอยู่หน้า คนหนึ่งอยู่หลัง เดินผ่านไปแล้วหลายๆ ซอย สุดท้ายเข้าไปในซอยหนึ่งก็ได้มาถึงประตูหลังของที่ที่โม่ฉีหมิงอาศัยอยู่ เป็นประตูที่เล็กจนมีแค่สองคนสามารถเดินพร้อมกันได้ได้ปิดไว้อย่างแน่น นี่ก็คือประตูหลังของตำหนักหมิงอ๋อง

เมื่อก่อนโล่หวินหลานกับเย่หวินจะชอบแอบหนีออกไปเที่ยวข้างนอกโดยผ่านประตูบานบานนี้ ตรงนี้ไม่มีใครมาเฝ้าเลย

“ใช่ที่นี้หรือ” หมิงซีรู้สึกตกใจนิหน่อย ไม่คิดว่าจะมาถึงเร็วขนาดนี้

โล่หวินหลานพยักหน้า ดูบ้านหลังที่ตัวเองเคยชิน ในใจของเจ้าสับสนวุ่นวายมากเลย ความรู้ของตอนที่เราเห็นสิ่งที่ตัวเองคิดถึงตลอดอยู่ตรงหน้าตัวเองเป็นแบบนี้นี่เอง

“ใช่แล้ว ถ้าผ่านเข้าไปประตูบานนี้ ก็จะถึงตะวันตกเฉียงใต้ของตำหนักหมิงอ๋อง ข้าก็ไม่ได้มาที่นี้นานมากแล้ว ไม่รู้ว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไหม” เมื่อโล่หวินหลานพูดออกมา เจ้ารู้สึกใจสั่นหน่อยๆ

“เจ้าไปเลย ข้าจะรอเจ้าตรงนี้” หมิงซีพยักหน้าใส่เจ้า ให้เจ้าไปเลย

ไม่ว่าโล่หวินหลานจะไปไหน เขาก็จะอยู่ข้างนางเสมอ แต่ที่นี้ ไม่ได้

ร่างสูงของเขานั่งยองๆ บนพื้นที่เต็มไปด้วยหิมะ ชุดสีดำโดนพื้นสีขาว ยิ่งทำให้รู้สึกโดดเดี่ยวเข้าไปอีก แต่ก็สงบดี

โล่หวินหลานพยักหน้าอย่างแน่วแน่ ตอนที่เจ้าปีนขึ้นไปกำแพง เจ้าหันมาบอกหมิงซีว่า “ข้าจะออกมาภายในครึ่งชั่วโมงแน่นอน”

พูดจบเจ้าไม่รอคำตอบของหมิงซีเลย ก็ปีนเข้าไปข้างในแล้ว ร่างบางของเจ้าล้มลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยหิมะอย่างหนัก ดีที่บนหลังของเจ้ามีเสื้อคลุม ทำให้นางไม่ได้เจ็บมาก

พื้นที่นี้ที่เต็มไปด้วยหิมะทำให้ความทรงจำของโล่หวินหลานโผล่ขึ้นมา ในหนึ่งปีนี้ที่นางไม่อยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างของตำหนักหมิงอ๋องยังคงเหมือนเดิม

หิมะยังคงกองอยู่บนพื้นไม่มีใครมากวาด ดอกพลัมแดงที่นางปลูกไว้ลานหน้า ตอนนี้ได้เติบโตขึ้นแล้ว ดูรวมๆ แล้วก็เหมือนกับดวงดาวอันน้อยๆ ดอกพลัมแดงคู่กับหิมะดูเหมาะสมกันมาก แบบแผนในตำหนักหมิงอ๋องก็ยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ยืนที่สะพานเล็กยังคงเห็นได้ว่าโม่ฉีหมิงทำงานอยู่ในห้องอ่านหนังสือ

โล่หวินหลานเดินไปด้วย นึกถึงเรื่องเก่าๆ ของเจ้าสองคนไปด้วย สิ่งที่สวยงามสักวันหนึ่งก็มีการเปลี่ยนแปลง แต่โม่ฉีหมิงไม่เคยที่จะลองไปสัมผัสสิ่งใหม่ๆ เลย

“อ่า รีบมาช่วยข้าหน่อย” ทันใดนั้นมีเสียงหวานที่ปนความน่าสงสารเข้าไปด้วยของผู้หญิงออกมา ยื่นมือออกมาเพื่อหวังมีคนมาดึงนางขึ้นไป

โล่หวินหลานเห็นแล้วรีบไปซ่อนที่หลังเสา

“ทำไมเจ้าซุ่มซ่ามแบบนี้ วันนี้เจ้าล้มไปครั้งที่เท่าไหร่แล้ว” เสียงอ่อนหวานได้ถามขึ้นพร้อมยื่นมือออกไปดึงเจ้าอย่างหมดหนทางกับนาง

คนนั้นถูกเจ้าดึงขึ้นมา นวดตรงที่เอวที่เจ้าได้ล้มเมื่อกี้ และปัดหิมะที่ติดอยู่หลังเจ้าออก ความเย็นที่อยู่หลังนางก็หายไปทันที

“ยังจะพูดอยู่หรอ ในตำหนักหมิงอ๋องเขาห้ามให้กวาดหิมะโดยตลอด ทุกครั้งที่เดินต้องระมัดระวัง ไม่รู้จริงๆ ว่าหมิงอ๋องทำแบบนี้เพื่ออะไร” น้ำเสียงของสาวใช้คนนั้นฟังออกว่าไม่พอใจมาก

สาวใช้อีกคนหนึ่งรีบปิดปากของเจ้าไว้อย่างกังวล สายตาดูไปรอบๆ เห็นว่าไม่มีใครอยู่จึงกล้าบอกกับเจ้าว่า “เจ้าอย่าไปพูดแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นนะ ได้ข่าวว่าที่หมิงอ๋องทำแบบนี้ก็เพราะพระชายาคนเก่าชอบชมหิมะจึงไม่ให้กวาดออก”

“แต่พระชายาคนเก่าเจ้า…”

“พอ ไม่ต้องพูดแล้ว รีบไปเถอะ ที่นี่มันมืดขนาดนี้ พูดเรื่องแบบนี้มันน่ากลัวมากเลยนะ” สาวใช้คนนั้นดึงสาวใช้คนนี้ไปยังลานหลัก เสียงเดินของสองคนค่อยๆ หายไป เสียงคุยก็เบาลงเรื่อยๆ

โล่หวินหลานที่อยู่หลังเสาจับเสื้อตัวเองไว้แน่นมาก ก็เหมือนใจของนางถูกคนบีบไว้ ยิ่งบีบยิ่งแน่น จนหายใจไม่ออก

เจ้าไม่สามารถควบคุมความรู้สึกที่อยู่ในใจได้ ถ้าไม่ใช่อย่างนี้นางจะรู้ได้ไงว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพราะเจ้าเอง

“ฉีหมิง…” นางอดไม่ได้ที่จะพูดสองคำนี้ออกมา และจับเสื้อที่อยู่ตรงหน้าอกอย่างแน่น

ทันใดนั้น นางเดินไปทางที่เจ้าเคนชินที่สุดอย่างรวดเร็ว นางไม่สามารถที่จะบังคับใจของเจ้าที่อยากจะเจอโม่ฉีหมิงได้แล้ว

ข้างซ้ายก็คือห้องอ่านหนังสือของโม่ฉีหมิงข้างในยังคงสว่างมาก สามารถเห็นเงาที่เขากำลังตั้งใจทำงานอยู่โล่หวินหลานมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ตอนนี้ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนเจ้าสองคนนอนหลับไปตั้งนานแล้ว

ดูเข้าไปผ่านหน้าต่างข้างนอกมันเห็นไม่ค่อยชัดเท่าไหร่โล่หวินหลานก็ใช้นิ้วทิ่มที่กระดาษบนหน้าต่าง ใช้ตาเดียวส่องโม่ฉีหมิงที่อยู่ข้างในผ่านรูนี้

“ท่านอ๋อง ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว ท่านรีบไปพักผ่อนก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อ”ฉินหยิ่นเดินอยู่ข้างๆ เขาไม่ขยับตัวเป็นสองชั่วโมงแล้ว ในที่สุดก็ได้เตือนเขาเพราะห่วงร่างกายของเขา

โม่ฉีหมิงสะบัดมือ สายตามองไปยังกระดาษที่อยู่ข้างหน้า

“ใกล้จะทำเสร็จแล้ว ยงโจวไท่ซ้อยังไม่ยอมทำตามหรอ” โม่ฉีหมิงวางพุกันลงแล้วขยี้ตา สีหน้าดูจะเหนื่อยมาก

ช่วงนี้พวกเขาได้ซื้อถ้ายโสว่ไปห้าแคว้นและสองเมืองแล้ว อยากจะมีอำนาจในภาคใต้ก็ต้องผ่านยงโจว แต่เสียดายมากที่ถ้ายโสว่ของแคว้นยงไม่ยอมตกลงที่จะให้อำนาจแก่โม่ฉีหมิง

“ใช่ ช่วงนี้เย่เฟิงเดินทางระหว่างในเมืองกับยงโจวตลอดเลย แต่เสียดายไอ่แก่ยังคิดไม่ได้”ฉินหยิ่นไสหัวไปมาไม่รู้จะต้องทำยังไงดี ขมวดคิ้วยิ่งลึกเข้าไป

ฉินหยิ่นไม่รู้ว่าจะต้องใช้วิธีอะไรยงโจวไท่ซ้อถึงจะตกลง ถ้ายังเป็นแบบนี้ไปนานๆ แผนของพวกเขาจะต้องถูกคนอื่นรู้แน่นอน

และที่ฮ่องเต้เจียเฉิงเกลียดที่สุดก็คือองค์ชายหาพวกรวมกลุ่มกัน ถ้าโดนเจอ โม่ฉีหมิงอย่าคิดจะได้เป็นอ๋องอีกต่อไป อาจยังจะถูก…

ใครจะไปรู้ โม่ฉีหมิงหัวเราะแห้งๆ ทั้งคนนั่งอิงไปข้างหลัง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก