ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 236

ตอนที่ 236 พิษที่ลึกลับ

เช้าวันรุ่งขึ้น ตาของโล่หวินหลานนั้นบวมเล็กน้อย ใต้ตาของนางมีรอยคล้ำ

นางกำนัลที่คอยดูแลเมื่อเห็นเช่นนั้น ก็รีบนำไข่มาให้นางนวดที่ตา จากนั้นก็แต่งหน้าให้นางหนาขึ้น เพื่อกลบรอยดำใต้ตา

“ช่างเถอะ ไม่จำเป็น ควรเป็นอย่างไรก็ปล่อยให้เป็นไปตามนั้น” โล่หวินหลานบอกกับนางกำนัล

นางกำนัลเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก็ไม่กล้าที่จะแต่งหน้าให้นางเพิ่ม นางวางผงทาแก้มลง

“องค์หญิงเพคะ หม่อมฉันได้สั่งให้โรงครัวต้มไข่ไก่มาแล้วเพคะ หม่อมฉันเอามาประคบให้องค์หญิงดีไหมเพคะ?” นางกำนัลพูดเสียงค่อย

ยิ่งนางรับใช้โล่หวินหลานนานเท่าไหร่ นางก็ยิ่งไม่เข้าใจในตัวของโล่หวินหลาน

ทุกครั้งที่นางรู้สึกว่าเรื่องนี้ถูก แต่ในสายตาของโล่หวินหลานกลับผิด สิ่งที่นางคิดว่าดี โล่หวินหลานก็ไม่คิดเช่นนั้น

ดังนั้น ทุกครั้งไม่ว่าจะทำสิ่งใด นางจึงต้องถามโล่หวินหลานก่อนเสมอ ถึงจะกล้าทำ

“ไปเถอะ” โล่หวินหลานพยักหน้า

แม้ในกระจกทองเหลืองที่ไม่ชัดนี้ ยังสามารถสะท้อนให้เห็นดวงตาที่บวมได้ แล้วนางจะออกไปพบปะผู้คนได้อย่างไร

นางกำนัลคานรับแล้วรีบออกไป ขณะที่นางเปิดประตูออกมานั้น อาลั่วหลันก็เดินเข้ามาพอดี เมื่อเห็นดวงตาทั้งคู่ของโล่หวินหลาน ก็แทบไม่อยากจะเชื่อสายตา

“เสี่ยวฮัว เจ้าเป็นอะไรไป? เมื่อคืนโดนแมลงกัดหรือ? ” อาลั่วหลันที่สวมชุดสีเขียวหยกถามขึ้น นางไม่สวมผ้าคลุมใดๆ เดินมาด้วยชุดกระโปรงสีเขียวหยก ท่ามกลางหิมะ

“เปล่า เมื่อคืนไม่ได้พักผ่อนเต็มอิ่มก็เท่านั้น” โล่หวินหลานส่ายหน้า

อาลั่วหลันพยักหน้า จากนั้นนางก็นั่งลงบนเก้าอี้ตัวนุ่ม แล้วพูดขึ้น“หมิงซีเมื่อคืนนอนไม่หลับทั้งคืน เสี่ยวฮัวเจ้าช่วยจ่ายยาให้เขาหน่อยได้หรือไม่ เขาจะได้อาการดีขึ้น มิเช่นนั้น ถ้าเขานอนไม่หลับทุกคืนเช่นนี้ ข้าก็ไม่ได้นอนเช่นเดียวกัน"

สองวันที่ผ่านมานี้นางเป็นคนที่คอยดูแลหมิงซี โล่หวินหลานเองก็ไม่ได้ห้ามอะไร แต่นางกลับสบายใจอีกด้วย

อีกคนหนึ่งยอมที่จะคอยดูแล ส่วนที่อีกคนเป็นคนที่ไม่เคยถูกดูแล ชีวิตของพวกเขาทั้งสองนั้นราวกับเส้นขนาน ที่ไม่มีวันบรรจบกัน แต่ตอนนี้พวกเขาสนิทสนมและเริ่มมีใจให้กันและกันแล้ว

โล่หวินหลานจะไม่เชื่อในเรื่องของพรหมลิขิตเห็นทีจะไม่ได้

"หมิงซีเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส คงต้องพักฟื้นอย่างน้อยสิบวันถึงครึ่งเดือน เมื่อคืนเหตุใดเขาจึงนอนไม่หลับ? หรือเป็นเพราะแผลกำเริบ?" โล่หวินคิดไปมา แล้วพูดพึมพำ

"นางรีบลุกขึ้นยืน จากนั้นก็หยิบพัดที่ใช้ประจำ แล้วเดินออกไป"

ขณะที่นางออกไปนั้นก็พบกับนางกำนัลที่นำไข่ต้มมาพอดี พวกเขาเกือบจะเดินชนกันเสียแล้ว นางกำนัลเรียกตามหลังพวกนางทั้งสองแต่ก็ไม่มีใครตอบ ในใจจึงคิดว่าคงมีเรื่องด่วน จึงแอบเดินตามไป

หิมะร่วงหล่นบนพื้น วันนี้หิมะตกไม่หนักมาก

เวลานี้เป็นเวลารุ่งเช้า ทำให้นางกำนัลที่ไปตำหนักนั้นไม่เยอะมาก โล่หวินหลานจึงสามารถหลีกเลี่ยงจากการถูกนินทา ฐานอยู่กับชายหนุ่มสองต่อสอง นางจึงรีบเดินเข้าไปในห้องของหมิงซีจากนั้นก็รีบปิดประตู

"อาลั่วหลัน เจ้าช่วยไปจุดเทียนไว้บนหัวเตียงทั้งสองข้างที"

อาหลั่วหลันจึงรีบไปหยิบเทียนสองเล่ม แล้วจึงบนหัวเตียงของหมิงซี ตอนนี้นางไม่รู้ว่าเหตุใดโล่หวินหลานจึงให้ทำเช่นนี้

"ช่วงนี้หมิงซีดูเพียรเหลือเกิน เขามักจะนอนจนถึงเที่ยง และเขาเองก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ เพียงแต่รู้สึกอ่อนเพียรอย่างบอกไม่ถูก และมักจะสะลึมสะลืออยู่บ่อยๆ" อาหลั่วหลันอธิบายอาการของหมิงซีให้โล่หวินหลาน ตอนที่นั่งพูดนั้นสัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงของนางที่มีต่อเขา

ภาวะง่วงเกิน? นอกจากคนท้องและคนที่เป็นภาวะนี้แต่กำเนิด คนปกติทั่วไปไม่น่าเป็นได้หนิ ยิ่งกว่านั้นหมิงซีเองก็เป็นถึงจอมยุทร์ ร่างกายของเขาแข็งแรงกว่าคนทั่วไปอีก

"หมิงซีเคยจับชีพจรของตนเองหรือยัง?" โล่หวินหลานถาม

เขาเป็นหมอ และเดินสายนี้มานานกว่าโล่หวินหลานหลายปี หากมีคนวางยาพิษให้เขา เขาต้องรู้ตัวแน่นอน

แต่นี่หมิงซีกลับไม่รู้ตัว หรือเป็นเพราะเขาลืม หรือเพราะคิดว่ามันไม่จำเป็น จึงทำให้เป็นเช่นนี้

"วันแรกที่เริ่มเป็นนั้นก็คิดว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่วันที่สองนั้นหมิงซีก็เริ่มง่วงนอนอยู่ตลอดเวลามากขึ้น จากนั้นเขาจึงจับชีพจรให้ตัวเอง แต่ก็ไม่ตรวจพบสิ่งใดผิดปกติ" อาลั่วหลันรีบพูดขึ้น

นางอยู่กับเขาทุกวัน จึงเห็นการเปลี่ยนแปลงของเขาอย่างชัดเจน ผิดที่นางดูแลเขาไม่ได้เอง ตอนนี้ถึงแม้จะอยู่กับเขาทั้งวันแต่ก็ไร้ประโยชน์ยิ่งนัก?

"คงเป็นพิษที่ถูกซ่อนเอาไว้ ไม่มีสีไม่มีกลิ่น สามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านทางผิวหนัง" โล่หวินหลานพูดพลางมองไปที่หมิงซี คิดว่าเขาคงถูกพิษบางอย่างเข้าแล้ว

อาลั่วหลันตกใจ

"เสี่ยว เสี่ยวฮัว เจ้ารีบจับชีพจรเขาเถอะ!” อาลั่วหลันเอ๋ยขึ้นอย่างใจคอไม่ดี

เมื่อได้ยินเสียงเร่งของอาลั่วหลัน โล่หวินหลานก็ได้สติขึ้นมา นางพยักหน้าให้อาลั่วหลัน

นี่มันเป็นพิษอะไรกัน ถึงทำให้คนมีสภาวะง่วง?

โล่หวินหลานยื่นมือไปจับชีพจรของหมิงซี เป็นจริงดังที่นางคิด ชีพจรของเขาเต้นเร็วมาก แตกต่างจากคนทั่วไปนัก

นี่มันเป็นพิษอะไรกัน ถึงทำให้หัวใจเต้นเร็วถึงเพียงนี้

"เสี่ยวฮัว เป็นอย่างไรบ้าง?" นานสักพัก อาลั่วหลันจึงกล้าเอ๋ยถามเสียงค่อย

เมื่อเห็นสีหน้าของโล่หวินหลานที่ไม่ดีนัก นางก็เข้าใจได้ทันทีว่าพิษในร่างกายของหมิงซีคงไม่หายง่ายๆ

โล่หวินหลานวางมือของหมิงซีลงในผ้าห่ม ในใจนางนั้นรู้ดีแล้วว่าหมิงซีโดนวางยาพิษ ซึ่งยาพิษนี้ก็คือพิษจากพืชตามทาง แต่หากมีการดูแลฟูมฟักกอย่างดีนั้นพืชชนิดนั้นก็จะเติบโตกลายเป็นพืชที่มีพิษ

หากเป็นเพียงแค่พืชชนิดนี้ชนิดเดียว พิษของมันก็ไม่ได้ร้ายแรงมาก เพียงแต่หากผสมกับพิษชนิดอื่น จะทำให้กลายเป็นพิษที่ร้ายแรง

และคนที่ปรุงยาพิษนี้ก็เป็นคนที่เก่งมาก เขาค่อยๆคิดหาสูตร จนทำให้กลายเป็นพิษชนิดนี้ขึ้นมาได้

"ตามที่ข้าคิดเอาไว้ หมิงซีโดนยาพิษ" โล่หวินหลานกล่าวเสียงเรียบ

ในวังหลวงแห่งนี้ กลับมีคนใจกล้าใช้ยาพิษลอบวางยา เห็นทีคนที่ทำนั้นต้องไม่ธรรมดแน่ จึงสามารถรอดพ้นสายตาของทุกคน แล้ววางยาพิษให้หมิงซีได้

"หมิงซีโดนยาพิษอะไรหรือ? สามารถรักษาได้หรือไม่?" อาลั่วหลันกำมือไว้แน่น นางไม่คิดเลยว่าการระวังมากขนาดนี้ ยังโดนพิษได้

โล่หวินหลานพยักหน้า“ยาพิษที่หมิงซีได้รับนั้นไม่มีสีไม่มีกลิ่น พิษชนิดนี้หากไม่ใช้วิธีเฉพาะจะไม่สามารถพบได้ เจ้าอย่ากังวัลไป อย่างไรเสียข้าก็ต้องคิดสูตรยาถอนพิษได้"

อาลั่วหลันพยักหน้า ตอนนี้เหงื่อของนางไหลเต็มหน้า นางขมวดคิ้วแน่น“เหตุใด.....เหตุใดจึงมีคนจ้องทำร้ายเขา? ในวังหลวงแห่งนี้ไม่มีใครรู้จักเขาด้วยซ้ำไป!”

ที่นี่น่ากลัวกว่าแคว้นเซิ่งโจวเสียอีก ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้เป็นองค์หญิงที่เสด็จพ่อรักที่สุด แต่อย่างน้อยก็ไม่มีใครกล้าวางยาพิษเช่นนี้

แต่วันนี้ ณ แคว้นโม่ฉี ไม่ได้พบปะหรือรู้จักใครเสียด้วยซ้ำ แต่กลับมีคนใจคอโหดร้ายวางยาทหานเล็กๆอย่างหมิงซี

สำหรับอาลั่วหลันแล้วนั้น นี่เป็นเรื่องที่เชื่อได้ยากนัก แต่สำหรับโล่หวินหลานนั้น นี่ก็เป็นเพียงเรื่องธรรมดา

ในวังหลวงแห่งนี้เต็มไปด้วนอันตราย วันนี้มีคนทำร้ายเจ้า พรุ่งนี้เจ้าก็จะเป็นคนทำร้ายคนอื่น วางแผนทำร้ายกันไม่จบสิ้น หากแม้นเจ้าอ่อนแอ เจ้าก็ไม่สามารถมีชีวิตรอดได้

"อาลั่วหลัน ในวังหลวงแห่งนี้มีหลายอย่างที่เข้าใจได้ยาก ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้มีประโยชน์กับใคร แต่เพราะความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของที่นี่ บางทีเราอาจจะทำให้ใครเกลียดได้ เวลานี้ คนที่สามารถช่วยเราได้ก็คือตัวของเราเอง" โล่หวินหลานกล่าวเสียงเรียบ เพื่อปลอบใจอาลั่วหลัน

ช่างน่าเสียดาย ที่วังหลวงแห่งนี้ไม่มีใครที่นางไว้ใจได้ จึงทำให้เป็นก้าวที่ยากมาก

อาลั่วหลันมองนางนิ่งๆ สายตาของนางเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ

"เจ้ารู้หรือไม่ว่าสาวใช้ที่คอยส่งอาหารมาให้หมิงซีคือใคร?" โล่หวินหลานถาม

การใส่ยาพิษในอาหารนั้นเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุด และเป็นสิ่งที่ป้องกันยากที่สุดเช่นเดียวกัน

ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบนั้น อาลั่วหลานเม้มปาก แล้วพูดเสียงสั่น“ข้า เป็นข้า"

ไม่เพียงแต่เป็นนางที่คอยส่งอาหารมาให้เขา แม้แต่อาหารที่หมิงซีกินนางก็เป็นคนทำกับมือ แต่กลับมีคนลอบเข้ามาวางยาพิษได้

"แล้วนางกำนัลที่คอยอยู่กับเจ้าเป็นใคร?" โล่หวินหลานเชื่อใจอาลั่วหลาน นางเชื่อว่าอาลั่วหลานจะไม่ทำเรื่องเช่นนี้

อาลั่วหลันพูดขึ้นอีกครั้ง“ทุกครั้งที่ข้าทำอาหาร ข้าจะให้พวกเขาออก......."

โล่หวินหลานขมวดคิ้ว ซึ่งหมายความได้ว่าไม่มีใครสามารถแตะต้องอาหารของหมิงซีได้ เพราะอาหารที่หมิงซีกินนั้นอาลั่วหลันเป็นคนทำเอง ไม่มีโอกาสที่คนนอกจะเข้ามา

หากเป็นเช่นนี้พิษนี่ก็ไม่ได้วางที่อาหาร ยาพิษนั้นสามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง หากเป็นพิษเช่นนั้น คนที่อยู่กับหมิงซีทั้งวันอย่างอาลั่วหลันเหตุใดจึงไม่เป็นไร

เมื่อเห็นโล่หวินหลานขมวดคิ้ว ไม่พูดสิ่งใดอยู่นาน อาลั่วหลานก็รีบอธิบาย“เสี่ยวฮัว เจ้าอย่าสงสัยข้านะ ข้าไม่มีวันวางยาให้หมิงซี"

นางคงไม่คิดว่ากำลังสงสัยนางใช่ไหม? โล่หวินหลานยิ้ม“ข้ารู้ ข้าเพียงกำลังคิดบางอย่างก็เท่านั้น เจ้าทำได้ดีมาก หลังจากนี้อาหารของหมิงซีเจ้าก็เป็นคนรับผิดชอบต่อไป อย่าให้คนอื่นมาทำเด็ดขาด"

อาลั่วหลันพยักหน้าหลายครั้ง

ก่อนไปนั้น โล่หวินหลานได้ย้ำบอกกับอาลั่วหลันอีกครั้งให้พูดเรื่องยาพิษในร่างกายให้หมิงซีฟังด้วย เพื่อให้เขาป้องกันตัวเองมากขึ้น จากนั้นก็จับชีพจรของอาลั่วหลาน เพื่อตรวจดูร่างกายของนาง

อาลั่วหลันไม่มีความผิดปกติใดที่แสดงถึงการโดนยาพิษ ร่างกายของนางแข็งแรงดี ช่างน่าแปลก หากไม่ได้มาจากอาหาร และไม่ได้มาจากคนภายนอก แล้วหมิงซีได้รับพิษนี้มาได้อย่างไร?

นางเดินเข้าไปในตำหนักด้วยความระวัง ไม่คิดเลยว่าอันตรายต่างๆนั้นจะอยู่เพียงเบื้องหน้าเช่นนี้ ครั้งนี้นางไม่เพียงแต่ไม่สามารถจัดการกับเรื่องของตนเองได้ แต่ยังทำให้หมิงซีลำบากไปด้วย นางรู้สึกผิดนัก ที่พาหมิงซีมาด้วย

กลับถึงดงหัวเยี้ยน โล่หวินหลานก็เอาแต่อยู่ในห้องหนังสือ นางหยิบตำรา《หนังสือพิษร้อยอย่าง》ออกมาอ่านอย่างละเอียด รวมกับตำราที่ชิวโม่ไป๋ให้ไว้กับนาง ก็เพียงพอต่อการค้นคว้าแล้ว

จากการจับชีพจรของหมิงซีเมื่อครู่ พิษที่เขาได้รับนั้นไร้สีไร้กลิ่น สามารถเข้าสู่ร่างกายโดยผ่านกระเพาะ และสามารถได้รับจากการสูดหายใจ

และยังมี ยาพิษอื่นๆที่คล้ายกัน ที่สามารถถึงแก่ชีวิตได้

แม้ว่านางเปิดดูตำราแล้วนั้น แต่นางก็ไม่อาจรู้ได้ เพราะพิษที่ไร้สีไร้กลิ่นมีมากมาย แต่พิษที่ทำให้ร่างกายเกิดภาวะง่วงนอนเช่นนี้กับไม่มี

"องค์หญิง จะเสวยอาหารค่ำไหมเพคะ?" เสียงของนางกำนัลดังขึ้นอีกครั้ง

เวลานี้โล่หวินหลานก็ได้บิดขี้เกียจเล็กน้อย นางพึ่งรู้ตัวว่าอยู่ในห้องหนังสือนี้มานานจนตะวันตกดิน ด้านนอกนั้นเป็นเวลาพรบค่ำ อีกไม่นานก็จะมืดแล้ว

โล่หวินหลานนวดระหว่างคิ้วของตัวเอง นางกำนัลเองก็ได้จุดเทียนเพื่อให้ความสว่างกับนาง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก