ตอนที่ 235 ลืมไปจนหมดสิ้น
"หม่อมฉันไม่ได้เมา" เย่เซียวหลัวคลายมือจากเวินอ๋อง นางมองหน้าโล่หวินหลานอย่างเกรี้ยวกราด
ทำไมไม่ว่านางจะทำอะไรก็ต้องมีคนคอยมาช่วย แต่ข้าทำอะไรก็ผิด?
ทั้งโล่หวินหลานที่ตายไปแล้ว และองค์หญิงเหอซื่อนี่ก็เช่นเดียวกัน? พวกเขาไม่สามารถปรายตามองนางได้เลยหรือ? เหตุใดนางขับร้องเพียงเพลงเดียวก็ได้ความชื่นชมจากฮ่องเต้? แต่ข้าไม่ว่าจะพยายาทเท่าไหร่ก็ไม่อาจสู้ได้?
"องค์หญิงเหอซื่อเพคะ หม่อมฉันต้องขอประทานอภัยด้วยเพคะ เมื่อสักครู่แก้วหลุดจากมือของหม่อมฉัน ทำให้ท่านตกใจ พี่สี่ก็เหลือเกิน ฮ่องเต้ยังไม่ทันรับสั่งให้อภิเษกกับนาง ท่านก็คอยดูแลเอาใจใส่นางแล้ว เสน่ห์ขององค์หญิงนั้นเหลือล้นจริงๆ" ไม่รู้ว่านางใช้มนต์ดำใดในการเกี้ยวพวกเขาทั้งสอง ถึงได้ใจของพวกเขาทั้งสองคนไป
คำพูดของเย่เซียวหลัวนั้นแฝงไปด้วยการจิกกัด สิ่งสำคัญคือนางต้องการที่จะพูดจาทำร้ายจิตใจโล่หวินหลาน ยิ่งเห็นใบหน้านั้นของนาง เย่เซียวหลัวก็ยิ่งอารมณ์เสีย
"พระชายาเวินอ๋องหากเพียงแค่หลุดมือ แล้วหกใส่หม่อมฉันก็ไม่เป็นไรเพคะ แต่อย่าให้โดนตนเองเด็ดขาด ร่างกายของเรานั้นเป็นดวงใจของพ่อแม่ หากได้รับบาดเจ็บขึ้นมาจะทำเช่นไร?" โล่หวินหลานจับมือของนาง แล้วพลิกไปมาเป็นการตรวจดูว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่ เมื่อเห็นว่าไม่เป็นไรนางก็รีบปล่อยมือ
ความอ่อนโยนที่แสดงออกมานั้น มีเพียงเย่เซียวหลัวเท่านั้นที่รู้ดีแก่ใจ ความเจ็บปวดนั้นไม่ใช่คนทั่วไปที่จะทนได้ จนถึงตอนนี้มือของนางยังรู้สึกปวดอยู่เลย
เมื่อสักครู่ โล่หวินหลานชวยโอกาสที่ไม่มีคนมอง นางหยิกมาที่ข้อมือของเย่เซียวหลัว นางกดมาที่จุดตรงข้อมือ จากนั้นก็รีบปล่อย ความรวดเร็วของนางนั้นถ้าไม่ได้สังเกตก็จะมองไม่ทัน
เย่เซียวหลัวก็ไม่ได้ร้องด้วยความเจ็บปวดออกมา เขาถูกโล่หวินหลานควบคุมเอาไว้ ตอนนี้นางก็เป็นเพียงลูกไก่นางกำมือ ที่จะคายก็รอด จะบีบก็ตาย
"เจ้า โอ๊ย.....เจ้ากล้า......" ดวงตาของเย่เซียวหลัวในแข็งกร้าว ตาของนางแดงแล้วน้ำตาก็เริ่มปริด้วยความเจ็บปวด
นางยังพูดไม่จบ ก็ถูกเวินอ๋องพูดแทรก“เย่เซียวหลัว เจ้าไม่อายคนอื่นหรือ? รีบกลับไปกับข้า"
ความโกรธทั้งหมดของนางเมื่อสักครู่ ตอนนี้เหลือเพียงความน้อยใจ ไม่มีใครรู้ว่านางถูกทำร้าย นางจับที่ข้อมือของตนเอง
"เจ้าจะเสียใจ" โล่หวินหลานทำตาโตมองไปที่โล่หวินหลานที่แสร้งไร้เดียงสา ด้านในใจของนางตอนนี้คล้ายกับพายุใหญ่
เมื่อตะโกนเสียงดังแล้ว เย่เซียวหลัวก็เดินก้าวใหญ่ๆออกไป
เหลือเพียงไม่กี่คนที่ยืนมองหน้ากัน
สิ่งที่โล่หวินหลานทำเมื่อสักครู่นั้นไม่มีใครเห็น มีเพียงโม่ฉีหมิงที่เห็นทุกอย่างชัดเจน เขามองความคิดของโล่หวินหลานออกตั้งแต่แรกแล้ว
โล่หวินหลานที่ยื่นมือออกไปแบบนั้น เป็นภาพที่เขาคุ้นเคย คล้ายกลับไปเหมือนเมื่อก่อน
"ท่านอ๋องทั้งสอง ข้ายังมีธุระ ขอกราบทูลลา" โล่หวินหลานบอกแล้วทำความเคารพตามธรรมเนียมของแคว้นเซิ่งโจว
เวินอ๋องผายมือ แล้วมองไปที่นาง
โม่ฉีหมิงที่ยืนอยู่ข้างเขานั้นมองตามแผ่นหลังที่เดินจากไปไม่กะพริบ เขามองอยู่นาน
"พี่สี่ องค์หญิงเหอซื่อช่างงดงามเหลือเกินใช่หรือไม่? ตอนแรกที่เสด็จพ่อให้นางอภิเษกกับพี่ พี่ก็ไม่ยอม ตอนนี้ท่านล้ะมองนางตาไม่กะพริบ คงคิดเปลี่ยนใจแล้วใช่หรือไม่?" เวินอ๋องจงใจพูดแกล้งโม่ฉีหมิง เขาพูดพลางเอามือลูบที่คาง
โม่ฉีหมิงที่มองตามอยู่นาน พึ่งได้สติแล้วหันกลับมา เขามองไปที่เวินอ๋องด้วยสายตาเย็นชา เขาไม่พูดสิ่งใด แววตานั้นช่างยากที่จะคาดเดา
"น้องหกดูแลคนของเจ้าให้เรียบร้อยจะดีกว่า" โม่ฉีหมิงสะบัดผ้าคลุม แล้วหันหลังเดินไปอีกทาง
เขามองตามแผ่นหลังที่เดินจากไปของโม่ฉีหมิง เวินอ๋องกลับรู้สึกว่าเมื่อเขายิ่งทำท่าทีไม่สนใจเท่าไหร่ ด้านในใจของเขาก็ยิ่งสนใจมากเท่านั้น องค์หญิงเหอซื่อเป็นใครมาจากไหนกัน แต่อย่างน้อย หากเป็นสิ่งที่โม่ฉีหมิงสนใจแล้วละก็ เขาก็ต้องไม่พลาดที่จะไปยุ่ง
งานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ใช้เวลานานกว่าจะจบ ดวงจันทร์เด่นสง่ายามค่ำคืนท่ามกลางเมฆ
แต่เสียงเครื่องดนตรีที่ใช้เล่นในงานเลี้ยงยังคงดังต่อเนื่อง
สุดท้ายแล้ว ทุกอย่างเมื่อมีเหตุก็ต้องมีผล
โล่หวินหลานหัวเราะตนเอง ทุกอย่างเป็นเพียงจินตนาการของนาง เวลาหนึ่งปีนั้น ทำให้คนเราเติบโตขึ้นมากจริงๆ และก็ทำให้เราลืมเรื่องที่ผ่านมาเช่นกัน
"องค์หญิงเพคะ ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว หม่อมฉันว่าเรากลับไปบรรทมดีไหมเพคะ" นางกำนัลข้างกายของโล่หวินหลานพูดขึ้น
นางเดินเข้ามายังทางเส้นนี้โดยไม่รู้ตัว เดินไปอีกเพียงนิดเดียวก็ถึงมุมทางด้านทิศเหนือของสวนดอกไม้แล้ว
โล่หวินหลานมองดูนางกำนัลทั้งสองที่องค์รัชทายาทส่งมา แล้วจับที่คิ้วของตนเองเบาๆ จากนั้นก็พูดขึ้น“สุราที่ดื่มเมื่อครู่ทำให้ข้าเริ่มเมาแล้ว อยู่ๆข้าก็หลงทาง ที่นี่คือที่ไหนกัน?"
นางกำนัลตอบ“นี่เป็นมุมทางด้านทิศเหนือของสวนดอกไม้เพคะ อยู่ห่างจากตำหนักขององค์หญิงมาก หม่อมฉันว่าเรารีบกลับกันเถอะเพคะ ยิ่งดึกก็ยิ่งเดินลำบาก"
โล่หวินหลานพยักหน้า“เช่นนั้นก็กลับกันเถอะ"
เมื่อนางหันหลังจะเดินกลับ สายตาก็พลันมองเห็นใครบางคน ด้านหลังของเขาเป็นป่าดอกเหมย ช่างเป็นภาพที่งดงามยิ่งนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก