ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 234

ตอนที่ 234 เรื่องในอดีต เกิดขึ้นอีกครั้ง

สิ่งที่นางทำการแสดงนั้นคือการร้องเพลง

บทเพลงที่นางต้องการจะขับร้องนั้น แล่นอยู่ในหัวของนางมานานแล้ว เป็นบทเพลงที่นางเคยชื่นชอบมากมาก่อน หลังจากที่นางทะลุมิติมา นางมักจะขับร้องไห้คนที่รักฟัง พวกเขามักจะขับร้องเพลงนี้ร่วมกัน

มิอาจรู้ได้ ว่าเขาคนนั้นจะยังจำบทเพลงที่คุ้นหูนี้ได้หรือไม่

หลังจากที่นางจากเขาไปนั้นเขาจะลืมบทเพลงนี้หรือยัง ตลอดเวลาที่นางไม่อยู่ร่วมปีมานี้เขาจะลืมใบหน้าของนางแล้วหรือยั

โล่หวินหลานค่อยๆก้าวขึ้นไปบนเวลที

ถึงแม้ว่าวิธีที่นางใช้ในการเรียกโม่ฉีหมิงกลับมานั้นจะดูโง่เขลา แต่ว่า ขอเพียงเขาจำนางได้ เขาและนางก็สามารถกลับมารักกันอีกครั้ง

แสงไฟจากเทียนบนเวทีส่องสว่าง แสงนั้นแยงเข้าไปในตาของโล่หวินหลานเล็กน้อย นางกะพริบตาไปมา

เมื่อมองเห็นแล้วว่าโม่ฉีหมิงนั่งอยู่มุมไหน แต่นางกลับไม่กล้าที่จะสบตาเขา นางกระแอมไอเบาๆ แล้วค่อยๆขับร้องเพลง

หนทางแห่งชีวิตนั้นทั้งสุขและเศร้า

ขอเพียงได้แบ่งเบาภาระของเจ้า

แม้ว่าจะมีการหกล้มและรอคอย

แต่ก็จะเงยหน้าอย่างกล้าหาญ

ใครกันที่ต้องการจะหลบอยู่ ณ ท่าเรือ

พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับลมแรงอย่างอิสระ

ขอเพียงเป็นแสงไฟในใจเจ้า

โดดเด่นท่ามกลางหมอกจาง

แสงแดดมักจะมาหลังจากฝนตก

เมฆหมอกนั้นมีนกบิน

เห็นคุณค่าของสรรพสิ่ง

ทุกความหวังอยู่ในมือของท่าน

แสงแดดมักจะมาหลังจากฝนตก

ขอเพียงเชื่อว่าจะมีสายรุ้ง

ก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับลมและฝน

ข้าจะอยู่ข้างกายซ้ายขวาของเจ้า

เสียงของนางดังก้องในหูของโม่ฉีหมิง เสียงนั้นก้องไปมา

เขากำหมัดแน่น จนจิกเข้าไปยังเนื้อของตนเอง โดยมิรู้ตัว

"หวินหลาน......" เขาเอ่ยชื่อนางออกมาอย่างแผ่วเบา

นี่เป็นบทเพลงของพวกเขา เป็นบทเพลงที่เขาคุ้นเคย

บทเพลงนี้ โล่หวินหลานเป็นคนสอนเขาร้อง

นางยังบอกอีกว่า นี่เป็นบทเพลงพิเศษ ที่ไม่มีวันได้ฟังในยุคสมัยนี้ ไม่มีใครร้องเป็น ซึ่งเป็นจริงดังที่นางว่า โม่ฉีหมิงไม่ได้ยินบทเพลงที่ท่วงทำนองแปลกๆเช่นนี้มานานแสนนาน

ถึงแม้ว่าจะแปลก แต่ก็แปลกได้ไพเราะมาก

วันนี้ กลับมีคนขับร้องอย่างถูกทำนอง หากไม่ใช่คนเดียวกัน แล้วจะเป็นเพราะเหตุใดอีกเล่า?

ดีใจ ตื้นตัน มีความสุข สูญเสียและได้มา การจากลาที่ยาวนานแล้วพบเจอ ความรู้สึกมากมายพรั่งพรูอยู่ในใจของโม่ฉีหมิง ตอนแรกเขายังไม่อยากเชื่อว่านางคือโล่หวินหลานที่กลับมา แต่ตอนนี้เขาเริ่มเชื่ออย่างสนิทใจแล้ว

เขาไม่มีวันจำคนผิดแน่

"ท่านอ๋อง ท่านเป็นอะไร? เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ?" ฉินหยิ่นที่นั่งอยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นสีหน้าของนายท่านที่ทั้งตกใจและดีใจเขาจึงถามขึ้น

เขาจำไม่ได้แล้วว่าไม่ได้พบเห็นสีหน้าเช่นนี้ของโม่ฉีหมิงมานานเท่าไหร่ ตั้งแต่โล่หวินหลานจากไป นายท่านของเขาก็มีสีหน้าที่ไร้อารมณ์

"คือนาง นางกลับมาแล้ว.....นางกลับมาแล้ว......" โม่ฉีหมิงพูดซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด สายตาของเขาจ้องมองไปบนเวที

มีเพียงนางเท่านั้น ที่สามารถขับร้องบทเพลงฟ้าหลังฝนได้ดีเช่นนี้

ฉินหยิ่นส่ายหน้าด้วยความไม่เข้าใจ “ท่านอ๋อง ท่านว่าใครกลับมาหรือ?"

เวลาค่อยๆผ่านไปจากวินาทีเป็นนาที คนบนเวทีตอนนี้ขับร้องเพลงได้เหมือนกับโล่หวินหลานไม่มีผิด

โล่หวินหลานไม่อาจรับรู้ได้ว่าโม่ฉีหมิงสามารถเดาได้หรือยังว่าเป็นเสียงของนาง นางรู้เพียงว่านี่เป็นหนึ่งในโอกาสที่จะบอกเขา

นางไม่ได้ทำการแสดงนี้ด้วยความคึกคะนอง และไม่ต้องการที่จะแย่งหน้าใคร ยิ่งไม่ต้องการฮ่องเต้เจียเฉิงให้ของรางวัลเป็นสิ่งใด นางทำทุกอย่างเพื่อโม่ฉีหมิง เพื่อสิ่งที่หัวใจดวงนี้ของนางเรียกหก

"เหอซื่อขับร้องได้ไม่ดีเพคะ" โล่หวินหลานเอ่ยขึ้นพร้อมกับถึงชายกระโปรง

นานครู่หนึ่ง กว่าฮ่องเต้เจียเฉิงจะดึงสติกลับมา เขาได้จมดิ่งไปกับเสียงขับร้องของโล่หวินหลานแล้ว นี่เป็นบทเพลงใดกันเหตุใดท่วงทำนองช่างไพเราะนัก

"องค์หญิงเหอซื่อร้องได้ดี เพียงแต่ท่วงทำนองของบทเพลงนี้ ฮ่องเต้ไม่เคยได้ยินมาก่อน? รวมถึง เนื้อเพลงที่เจ้าร้องด้วยหมายความว่าอย่างไร? คล้ายไม่ใช่คำพูดของที่นี่" ฮ่องเต้เจียเฉิงขมวดคิ้วถามขึ้น

โล่หวินหลานหัวเราะเล็กน้อย“ฮ่องเต้ทรงพระปรีชามากเพคะ หม่อมฉันไม่ได้ขับร้องเพลงของแคว้นนี้ นี่เป็นคำพูดที่หม่อมฉันแต่งขึ้นมาเองก็เท่านั้น ไม่แปลกที่ฮ่องเต้จะไม่เข้าใจ"

สีหน้าของฮ่องเต้ยิ่งสงสัยมากกว่าเดิม ในความสงสัยนั้นก็เต็มไปด้วยความประทับใจ เขาพยักหน้า“เจ้ายังแต่งเนื้อร้องเป็นด้วยหรือ? ดีมาก คนรุ่นหลังแห่งแคว้นเซิ่งโจวนั้นยอดเยี่ยมเหลือเกิน"

คำชมเช่นนี้โล่หวินหลานไม่กล้ารับไว้ เพราะนางไม่ได้เป็นคนคิดทำนอง และไม่ได้เป็นคนแต่งเนื้อร้อง นางเพียงเป็นคนแรกที่ขับร้องในแคว้นโม่ฉีก็เท่านั้น

นางตอบรับคำชมของฮ่องเต้เสียงหวาน“ไม่กล้าเพคะ แคว้นโม่ฉีต่างหากที่คนรุ่นหลังนั้นปรีชาสามารถเหลือล้น พระชายาทุกคนล้วนมีความสามารถ หม่อมฉันไม่กล้าเพคะ"

สิ่งที่นางพูดนั้นเป็นความจริง เพราะหลังจากที่นางเห็นการแสดงของพระชายาแต่ละคนแล้ว นางรู้สึกว่าตนเองนั้นช่างไร้ความสามารถเหลือเกิน

"ข้าจะให้สิ่งใดเจ้าเป็นรางวัลดี?" ฮ่องเต้เจียเฉิงครุ่นคิด เขาไม่รู้ว่าจะมอบสิ่งใดให้นาง

เขาไม่ต้องการที่จะให้ทองหรือหยก มันดูโบราณเกินไป

แต่เขาอยากตบรางวัลให้นางจริงๆ เพราะนางขับร้องเพลงได้ไพเราะมาก

โล่หวินหลานครุ่นคิด แล้วพูดขึ้น“ฮ่องเต้เพคะ ท่านสามารถเขียนเนื้อร้องของบทเพลงนั้นแล้วเป็นรางวัลให้หม่อมฉัน เช่นนี้ ดีไหมเพคะ?"

นางคิดได้จึงพูดขึ้น

เมื่อสักครู่ จากแววตาของฮองเต้เจียเฉิงแล้วโล่หวินหลานก็รู้ทันทีว่าเขาชื่นชอบเพลงนี้มาก คงเป็นเพราะไม่รู้ความหมายของเนื้อเพลงนี้ จึงถามอย่างละเอียด

หากสามารถคลายข้อสงสัยของฮ่องเต้ได้นั้น คงทำให้ฮ่องเต้รู้สึกดีขึ้นได้

ในวังหลวงที่มีแต่คนจ้องทำร้ายนั้น หากไม่หาคนคอยคุ้มครอง ก็คงยากที่จะใช้ชีวิตที่นี่

ต่อให้นางเป็นมังกรแปดหัว ก็คงไม่โชคดีที่จะหนีรอดจากการถูกทำร้ายได้

ดังนั้น เพื่อให้มีชีวิตรอด โล่หวินหลานจึงตัดสินใจที่จะอยู่ใต้ฝ่าพระบาทของฮ่องเต้ หากมีฮ่องเต้คุ้มครองแล้วนั้น ก็ไม่ต้องกลัวสิ่งใดแล้ว?

เป็นจริงดังว่า ฮ่องเต้เจียเฉิงหัวเราะเสียงดัง สีหน้าของเขานั้นดูมีความสุขเหลือเกิน เขามองโล่หวินหลานด้วยความชื่นชอบ“ได้ ทำตามที่เจ้าแนะนำเถอะ"

ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้ของรางวัลมีค่ามากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่นางรู้คือ นางจะได้กลับมามากกว่านั้น

การแสดงหลังจากนั้นก็เริ่มเงียบเหงา

"องค์หญิงเหอซื่อ ดื่ม" ฮ่องเต้เจียเฉิงบอกอย่างอารมณ์ดี เขายกแก้วเหล้าขึ้นมา แล้วทำท่าชนกับโล่หวินหลานที่นั่งอยู่ไกล

โล่หวินหลานเองก็ชนแก้วกับเขากลางอากาศ แล้วดื่มเข้าไป จนร้อนไปหมดทั้งตัว

แม้จะเป็นเพียงแก้วเดียว แต่นางก็รู้สึกแสบไปทั้งกระเพราะ

แต่ว่า ต่อหน้าฮ่องเต้เจียเฉิงแล้วนั้นโล่หวินหลานก็ทำเป็นคล้ายไม่ได้แสบร้อนกระเพราะแต่อย่างใด นางยิ้มแล้วชูแก้วให้เขาดูว่านางดื่มหมดแล้ว

ทุกคนต่างชมการแสดงอย่างครื้นเครง มีเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่มองโล่หวินหลานด้วยสายตาอาฆาต คล้ายจะกลืนกินนางเข้าไป

เย่เซียวหลัวจับแก้วเหล้าในมือแน่น มองไปทางโล่หวินหลานด้วยสายตาเกรี้ยวกราด

โล่หวินหลานตายไปหนึ่งคน ก็มีองค์หญิงเหอซื่อนี่มาแย่งหน้านาง บนโลกใบนี้ ใครที่มีความสามารถมากกว่านางก็สมควรตายทั้งนั้น!

จากนั้นก็เข้าสู่การทำความรู้จักกัน เพราะนี่คืองานเลี้ยงของเชื้อพระวงค์ ดังนั้นองค์ชายและพระชายาทุกคนต้องมาทำความรู้จักกัน และมาชนแก้วกัน เพื่อแสดงถึงความยินดี และจะไม่โกรธเคืองกัน

เย่เซียวหลัวยกแล้วเหล้าขึ้น นางค่อยๆเดินมายังโล่หวินหลาน แก้วเหล้าที่นางถือนั้นเป็นรูปมังกรมีทองพ่นไฟ

หลังจากที่พูดคุยกับคนรอบกายแล้วนั้น โล่หวินหลานก็นั่งลง จากนั้นเย่เซียวหลัว หญิงงามที่สวมชุดสีฟ้าครามดูราวกับสีของท้องฟ้าเดินเข้ามา

เพียงแต่ ความคิดของนางนั้นไม่ได้บริสุทธิ์เหมือนชุดที่สวมใส่

จากการเดินมาของนางแล้วนั้น ไม่เหมือนคนที่จะมาดื่มเพื่อทำความรู้จัก แต่เป็นการมาร้าย

โล่หวินหลานที่รู้ดีว่านางเป็นคนเช่นไร จึงรู้ได้ทันทีว่านางกำลังคิดสิ่งใดอยู่ นางหัวเราะแห้งๆในใจ

"องค์หญิงเหอซื่อ หม่อมฉันมาทักทายองค์หญิงเพคะ เพลงที่องค์หญิงขับร้องเมื่อครู่ ช่างไพเราะนัก สามารถสอนหม่อมฉันได้หรือไม่?" เย่เซียวหลัวเอ่ยขึ้น

โล่หวินหลาพยักหน้า“หากชายาเวินอ๋องต้องการนั้น หม่อมฉันก็ยินดีที่จะสอนเพคะ"

เย่เซียวหลัวแสร้งทำสีหน้าดีใจ นางอ้าปากกว้าง“จริงหรือเพคะ? หม่อมฉันขอขอบพระทัยองค์หญิงเหอซื่อ"

นางยกแก้วขึ้น แล้วชนกับแก้วของโล่หวินหลาน

ขณะที่ชนแก้วนั้น เหล้าก็หกใส่ตัวของโล่หวินหลาน

ซึ่งแก้วนั้นเต็มไปด้วยเหล้า ถึงแม้ว่าจะถูกอุ่นมาแล้ว แต่ด้วยเวลาที่ผ่านไปนาน ทำให้เย็นด้วยความรวดเร็ว

หากเหล้าที่อยู่เต็มแก้วนั้นหกใส่ตัวของโล่หวินหลาน ไม่เพียงแต่ทำให้อาภรของนางเปียก แต่ด้วยอากาศที่หนาวเย็นนั้นจะทำให้นางป่วยได้ อีกอย่างหากมีใครพบเห็นรอยเปื้อนนั้น ก็จะหาว่านางเสียมารยาท

ขณะที่เย่เซียวหลัวกำลังยื่นมือออกมาชนแก้วนั้น ก็มีมือหนาคว้าตัวโล่หวินหลานหลบทัน

เหล้าในมือของเย่เซียวหลัว จึงหกลงบนพื้น

โล่หวินหลานเห็นเพียงสีหน้าตกใจของเย่เซียวหลัว จากความตกใจค่อยๆแปลเปลี่ยนเป็นโมโห จากนั้นนางก็เริ่มตีโพยตีพ่าย ส่ายไปมาคล้ายกับมังกรเปลี่ยนสี

นางเห็นใครเข้า จึงตกใจเช่นนี้

นอกจากเวินอ๋องแล้ว จะมีใครทำให้นางตกใจได้เช่นนี้อีก?

"ขอบพระทัยเพคะเวินอ๋อง ได้โปรดปล่อยข้าด้วย" โล่หวินหลานขอบคุณเวินอ๋อง แล้วเอาตัวเองออกจากอ้อมกอดของเขา

ที่แท้ คนที่ช่วยนางเมื่อครู่ก็คือเวินอ๋อง

โล่หวินหลานสงบสติแล้วใช้ความคิด นางถอยหลังหนึ่งก้าว คล้ายกับคนนอกที่มองดูเย่เซียวหลัว

ทุกคนล้วนเห็นกันเต็มตา ว่าเย่เซียวหลัวต้องการที่จะสาดเหล้านั้นใส่โล่หวินหลาน เวลานี้เย่เซียวหลัวก็ยากที่จะแก้ตัว

"เย่เซียวหลัว เหตุใดเจ้าต้องทำเช่นนี้ด้วย?" เวินอ๋องถามขึ้น

เย่เซียวหลัวยกมือทั้งสองขึ้นด้วยความกลัว จากนั้นก็เริ่มร้องไห้“หม่อมฉันเปล่านะเพคะ หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจ องค์หญิงเหอซื่อ ท่านเป็นอะไรหรือไม่? หกใส่ตัวท่านหรือเปล่า?"

นางยิ่งอยู่ก็ยิ่งแสดงละครเก่งนัก ยิ่งอยู่ก็ยิ่งแสแสร้งเก่ง

โล่หวินหลานมองบน แต่การแกล้งโง่นั้นเป็นงานถนัดของนางอยู่แล้ว เย่เซียวหลัวสู้นางไม่ได้หรอก

แต่ว่า ขณะที่นางกำลังจะเอ่ยปากพูดนั้น ด้านหลังก็มีร่างใหญ่เดินเข้ามา

ผ้าคลุมสีดำนั้นคลุมตัวโล่หวินหลานเอาไว้ จนนางมองไม่เห็นท้องฟ้าด้านบน

"ชายาน้องหก เจ้าดื่มจนเมาแล้วใช่หรือไม่? หากเมาแล้วเจ้าก็รีบกลับไปพักเสียเถอะ อย่ามาเมาที่นี่ ถึงแม้ว่านี่จะเป็นงานเลี้ยงเฉพาะเชื้อพระวงศ์ แต่เจ้าก็ควรที่จะรู้จักวางตัว" โม่ฉีหมิงเอ่ยขึ้น เขายืนอยู่ด้านหน้าของนาง ปกป้องนางโดยที่นางไม่ต้องเอ่ยปาก

เขายังคงเป็นเขาคนเดิม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก