ตอนที่ 238 งานเลี้ยงยามค่ำคืน
ไม่รู้ว่าสิ่งที่ฮองเฮาเอ่ยนั้นถามด้วยใจจริงหรือแค่ประชดประชัน แต่จากที่โล่หวินหลานรู้จักฮองเฮานั้น นางดีกับแค่คนตระกูลเย่ ส่วนคนอื่นนั้นนางก็จะหยิ่งทรนงให้เสมอ
“ฮองเฮาเพคะ หม่อมฉันในตอนเล็กนั้นมักจะเอาแต่เล่น จึงไม่ได้ตั้งใจเรียนขี่ม้า ความสามารถในการขี่นั้นจึงสู้พี่ชายและพี่สาวไม่ได้ แต่หม่อมฉันคิดว่าองค์หญิงและองค์ชายแห่งแคว้นโม่ฉีนั้น น่าจะมีความสามารถในการขี่ม้าได้ดี” โล่หวินหลานตอบกลับฮองเฮาอย่างถ่อมตน แต่ในคำพูดของนางนั้นคล้ายจะมีความหมายแฝง
“องค์หญิงถ่อมตัวเกินไปแล้ว แค่ดูก็รู้แล้วว่าองค์หญิงต้องขี่ม้าเก่งแน่ๆ ประเดี๋ยวเมื่อถึงที่ล่าสัตว์ องค์หญิงต้องแสดงฝีมือเสียหน่อย" ฮองเฮาเย่ยิ้มคล้ายคนเป็นแม่ที่ใจดี
หากอาลั่วหลันอยู่ที่นี่ คงคิดว่าสิ่งที่ฮองเฮาพูดนั้น พูดด้วยความรักและเอ็นดู โล่หวินหลานต่อกรกับฮองเฮามานานแล้ว นางรู้อยู่แล้วว่าฮองเฮาเป็นคนเช่นไร จึงไม่แปลกที่ไม่หลงกล
"ฮองเฮาก็พูดเกินไปเพคะ"
ทั้งสองคล้ายกับทำสงครามเย็นกัน เบื้องหน้าต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กัน แต่ใครจะไปรู้ว่าในใจของพวกนางนั้นกำลังคิดเช่นไร
ในเวลานี้ ไม่มีดีต่อกันหรือร้ายต่อกัน มีเพียงผลประโยชน์ก็เท่านั้น
หากพูดตามความจริงนั้น องค์หญิงเหอซื่อเองก็ไม่ได้มีผลประโยชน์มากมายกับฮองเฮาเย่เหตุใดนางต้องทำเช่นนี้ด้วยล้ะ?"
โล่หวินหลานเกิดคำถามขึ้นมาในใจ ฮองเฮาเย่ไม่รู้เสียหน่อยว่าแท้จริงนางเป็นใคร แล้วเหตุใดจึงต้องคิดแค้นกับองค์หญิงเหอซื่อจากแคว้นอื่นด้วยล้ะ
นอกจาก เพื่อองค์รัชทายาท
ตอนนี้ฮ่องเต้อยู่ในช่วงที่เลือกคู่ครองให้องค์หญิงเหอซื่อ ดังนั้นองค์ชายทุกองค์จึงมีความเป็นไปได้ ที่จะถูกเลือกให้อภิเษกกับนาง และทุกคนก็ล้วนรู้ดีว่า องค์หญิงเหอซื่อเองก็เป็นเพียงองค์หญิงที่ไม่ถูกรักจากพระบิดา การที่ถูกส่งตัวมาที่นี่ ไม่ว่านางจะได้อภิเษกกับองค์ชายองค์ใด คนนั้นก็เป็นเพียงผู้โชคร้าย
"เสด็จพ่อ หม่อมฉันมาที่นี่ไม่ได้มาเพื่อแข่งม้าเพียงเท่านั้น แต่มาที่นี่เพื่อต้องการจะจับสุนัขจิ้งจอกด้วยองค์เอง เพื่อมาทำเป็นผ้าห่มให้ความอบอุ่นกับเสด็จพ่อ" เสียงของชายหนุ่มดังขึ้น เสียงนี้เต็มไปด้วยความพยายามและแน่วแน่
เสียงนี้ทำให้ฮ่องเต้เจียเฉิงทรงสนพระทัยยิ่งนัก แม้แต่โล่หวินหลานเองก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมอง ที่แท้ก็เป็นองค์ชายสิบเจ็ด อ๋องหลัว
โล่หวินหลานยังจำวันนั้นได้ดี คืนนั้นพระชายาหลัวอ๋องได้แสดงการร่ายรำไม่ได้งดงามนักแต่เป็นที่ชื่นชอบของฮ่องเต้เจียเฉิง และได้ให้ของกำนัลเป็นกระโปรงมัดหมี่ของพระพันปี
เขาเป็นองค์ชายองค์เล็กสุด จึงมีประสบการณ์ได้ด้านการทำงานไม่มาก และได้รับความรักจากฮ่องเต้เจียเฉิงมากที่สุด
"ได้" ฮ่องเต้เจียเฉิงคลายยิ้มแล้วลูบที่เคราของตนเอง “พ่อจะอดใจรอลูกล่าสุนัขจิ้งจอกนะ"
สีหน้าของหลัวอ๋องนั้นดูมีความสุขมาก ที่ได้รับคำกล่าวชมของฮ่องเต้ ไม่รู้ว่าองค์ชายองค์อื่นๆจะคิดบัญชีกับเขาอย่างไร
องค์ชายอีกสององค์เมื่อได้เห็นดังนั้นก็ควบคุมสีหน้าเอาไว้ พวกเขารู้สึกว่าหลัวอ๋องนั้นโชคดีเหลือเกิน ที่ได้รับการปฏิบัติที่ดีเช่นนั้น
แต่ว่า ความริษยานี้จะเป็นตัวนำพาไปสู่แผนร้ายมากมาย
เพราะ ไม่มีใครยอมทนเห็นความรักของฮ่องเต้ไปอยู่ที่โอรสคนใดคนหนึ่งแน่นอน
ทางด้านโล่หวินหลานนั้น ก็ได้กำลังควานสายตามองหาโม่ฉีหมิง ถึงแม้ว่าขาของเขาจะหายดีแล้ว แต่เมื่อถึงฤดูหนาว ความเจ็บปวดนั้นก็มักจะกำเริบอีกครั้ง แล้วจะมาแข่งม้าท่ามกลางหิมะได้อย่างไร?
เพียงแต่ โล่หวินหลานมองดูอย่างละเอียดอีกที ก็ไม่พบโล่หวินหลาน
"ฉินหยิ่น เจ้ารู้สึกว่าท่านอ๋องช่วงนี้แปลกๆไปไหม?" เย่หวินเอื้อมมือไปจับชายเสื้อของฉินหยิ่น แล้วมองไปยังโม่ฉีหมิงที่ยืนอยู่ตรงมุมประตูวังหลวง
"ท่านอ๋องช่วงนี้มักจะเป็นเช่นนี้แหละ หลังจากที่หวังเฟยจากไป ข้าก็ไม่ได้เห็นรอยยิ้มของท่านอ๋องมานานแสนนาน" ฉินหยิ่นมองนิ่งๆ เขาเองก็ไม่รู้ว่าโม่ฉีหมิงกำลังมองดูอะไร
"เพียงแต่ ข้ารู้สึกว่าช่วงนี้ท่านอ๋องเริ่มจะกลับมามีรอยยิ้มอีกครั้งแล้ว เพราะท่านอ๋องเริ่มมีรอยยิ้มขึ้นมาบ้างแล้ว!" เย่หวินกล่าว
ฉินหยิ่นส่ายหน้าไปมา แล้วพูดอย่างจริงจัง“ท่านอ๋องไม่มีวันอภิเษกกับองค์หญิงเหอซื่อแน่นอน ท่านต้องไม่มีวันลืมหวังเฟยแน่ เย่หวิน หวังเฟยของเรามีเพียงคนเดียวเท่านั้น"
เมื่อได้ยินเขาพูดจบนั้น เย่หวินก็มองด้วยความสงสัย
จากที่ที่โม่ฉีหมิงยืนอยู่นั้น มุมนั้นสามารถมองเห็นโล่หวินหลานได้ เขามองเห็นนาง แต่นางมองไม่เห็นเขา
เมื่อเห็นนางมองหาเขาท่ามกลางผู้คนมากมายนั้น ความรู้สึกคุ้นเคยในใจนั้นก็กลับมาอีกครั้ง หรือบางทีสิ่งที่เขาคิดอาจจะไม่ใช่เรื่องจริง แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็จะตามหาความจริงให้ได้
เพียงเพราะเขาเชื่อในความรู้สึกของตนเอง
ขบวนเริ่มยาวขึ้นแล้ว ด้านหลังเต็มไปด้วยทหารและเสียงม้า
การเดินขบวนนั้นไม่ได้เร็วมาก เพราะต้องการไปที่เขตชายแดนก็เท่านั้น ซึ่งฮ่องเต้เจียเฉิงเองนั้นก็ได้เตรียมการเอาไว้เรียบร้อยแล้ว และได้ให้นางกำนัลไปทำความสะอาดล่วงหน้าแล้ว
เพราะมีทหารอยู่ในขบวน เมื่อเดินท่ามกลางตลาดนั้น รวมถึงสายตาของประชาชนมากมาย จึงทำให้ขบวนนั้นช้ากว่าเดิม
กว่าจะถึงเขตล่าสัตว์นั้นก็เป็นเวลาค่ำแล้ว
"องค์หญิงเพคะ ถึงแล้วเพคะ" นางกำนัลบอกผ่านม่านหน้าตาของรถม้า
โล่หวินหลานเปิดผ้าคลุมตรงรถม้าแล้วเดินลงมา ยามค่ำคืนนั้นชางเหน็บหนาว ด้านหลังของนางมีจื๋อเอ่อยืนรอเอาไว้
จื๋อเอ่อนั้นสีหน้านิ่งเฉย และเขาก็ได้ถอดเสื้อคลุมตัวหนาของตนเองออก จากนั้นก็คลุมบนไหล่ของโล่หวินหลาน เสื้อคลุมตัวนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นของชายชาตรี
เพียงแต่ ทันใดนั้นเองก็มีมือหนึ่งมาหยุดการกระทำของจื๋อเอ่อ จะคลุมเสื้อคลุมให้ก็ไม่ใช่ จะไม่คลุมให้ก็ไม่ถูก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก