ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 239

ตอนที่ 239 บีบบังคับผู้อื่น

การรับประทานอาหารในค่ำคืนนี้ช่างกลืนลงคอยากนัก โล่หวินหลานเงยหน้ามองไปบนเวธี เป็นเวลานาน แล้วได้ยินเสียงของเย่เซียวหลัวเอ่ยขึ้น“เมื่อคราวที่แล้วได้ฟังการขับรองเพลงขององค์หญิงเหอซื่อช่างยากที่จะลืมเลือน ไม่ว่าใครก็ไม่อาจเทียบได้ ช่างไพเราะยิ่งนัก!”

"แน่นอนอยู่แล้วเพคะ ไม่รู้ว่าชีวิตนี้ยังจะมีโอกาสได้ฟังการขับร้องที่ไพเราะขององค์หญิงเหอซื่ออีกหรือไม่" พระชายาอีกคนเอ่ยขึ้น

โล่หวินหลานหันไปมองตามเสียง นางที่พูดคือพระชายาของอ๋องสิบ ก่อนหน้านี้นางและพระชายาองค์นี้ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกัน ไม่คิดเลยว่าเพียงชั่วพริบตา นางก็จะกลายเป็นพวกของเย่เซียวหลัวไปเสียแล้ว

แต่มันก็คงเป็นไปตามนั้น เพราะองค์ชายสิบเองหรืออ๋องสิบนั้นก็กลายเป็นพวกเดียวกับเวินอ๋อง เพื่อใช้อำนาจของเวินอ๋องในการรักษาอำนาจของตน

นี่ก็เป็นเรื่องที่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ อ๋องสิบนั้นไม่ได้เป็นโอรสคนโปรดของฮ่องเต้ หากเขาต้องการมีชีวิตรอดในวังหลวง จะใช้เพียงการที่เกิดมาเป็นองค์ชายเท่านั้นไม่ได้ จำเป็นต้องมีอำนาจของเวินอ๋องมาเป็นเกราะป้องกันตัวให้ตัวเอง

"องค์หญิงเหอซื่อนั้นเป็นถึงองค์หญิงของแคว้นๆหนึ่ง การที่มีเสียงเพลงอันไพเราะก็ไม่ใช่เรื่องแปลก หากพวกเจ้าอยากเรียน เหตุใดไม่ให้นางสอนเล่า" ฮองเฮาเย่เอ่ยขึ้น คำพูดของฮองเฮาคือแรงสนับสนุนชั้นดี

เวลานี้เองเย่เซียวหลัวจึงไม่ปล่อยให้พลาด ขอเพียงได้ต่อกรกับโล่หวินหลานนั้น นางไม่เคยพลาดอยู่แล้ว

"ฮองเฮาเพคะ พวกหม่อมฉันนั้นไม่มีความสามารถ จะฝึกร้องเพลงได้ไพเราะจนคล้องใจผู้อื่นได้อย่างไร? หม่อมฉันว่าให้องค์หญิงขับร้องสักเพลงให้ฟังคงจะดีกว่า?" เย่เซียวหลัวเอ่ยขึ้นอย่างจงใจ

การแสดงนั้นไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของนางได้ คิ้วและสายตาของนางตวัดไปมา จากนั้นก็มองมายังโล่หวินหลาน อย่างเจ้าเล่ห์

โล่หวินหลานดื่มน้ำเข้าไปอย่างหนึ่งอึกอย่างเรียบเฉย นางรู้ดีว่าตอนนี้เย่เซียวหลัวกำลังคิดสิ่งใดอยู่ นั่นก็คือการที่ให้นางร้องเพลงต่อหน้าทุกคนก็เท่านั้น

หากการที่องค์หญิงถูกผู้อื่นออกคำสั่งได้อย่างสมใจถูกแพร่ออกไป ประชาชนจะคิดเช่นไร อีกอย่างนางก็ไม่ได้เป็นนางบำเรอหรือนางในโรงเตี้ยม ไม่จำเป็นต้องขับร้องเพลงหากไม่ต้องการ

เรื่องขับร้องเพลงนั้น แค่ครั้งเดียวก็เพียงพอแล้ว

"อย่าลามปาม" เวินอ๋องเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ พลันสายตามองไปยังเย่เซียวหลัว

ใครจะไปคิดว่าเย่เซียวหลัวเพียงเงยหน้ามองเขา แล้วยิ้ม“สิ่งที่หม่อมฉันทำไม่ได้เรียกว่าลามปาม แต่เพื่อท่านต่างหาก ท่านชอบนางไม่ใช่หรือ? และมีใจคิดที่จะอภิเษกกับนาง หากไม่ให้นางแสดงความสามารถแล้วนั้น ท่านจะพึงพอใจได้อย่างไร?"

สีหน้าของเวินอ๋องเริ่มมีความโกรธเคือง เขากระชากมือของเย่เซียวหลัวอย่างแรง

"ใครบอกว่าข้าชอบนาง? เจ้าลองพูดเช่นนี้อีกครั้งสิ" เวินอ๋องกัดฟันกรอด

"หรือไม่จริงเพคะ?" เย่เซียวหลัวตอบกลับ ใบหน้าของนางนั้นไม่มีความเชื่อในสิ่งที่เขาพูด

ตั้งแต่เจอโล่หวินหลาน นางก็กลายเป็นคนขาดความมั่นใจรู้สึกไม่ปลอดภัย แม้เพียงเวินอ๋องปรายตามองใคร นางก็จะรู้สึกกลัว นางอยากที่จะเฝ้ามองดูเวินอ๋องตลอดเวลาทั้งเช้าและค่ำ

"องค์หญิงเหอซื่อ องค์หญิงจะขับร้องหรือไม่?" เย่เซียวหลัวถามเสียงสูง มือของนางที่ถูกเขาบีบนั้นก็ยิ่งแรงมากขึ้น

เสียงสูงของนางนั้นทำให้คนอื่นหันมามอง รวมถึงฮ่องเต้เจียเฉิงด้วย

การแสดงบนเวทีค่อยๆหยุดลง เสียงการบรรเลงเพลงก็เบาลงเรื่อยๆ รอพวกนางพูดจบถึงจะกล้าบรรเลงต่อ

เมื่อฮ่องเต้เจียเฉิงหันมาสนพระทัยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทุกสายตาจึงจับจ้องมาที่เย่เซียวหลัว ซึ่งนี่ก็คือสิ่งที่นางต้องการ

นางต้องการให้ทุกสายตาจับจ้องมา

"ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเพียงรู้สึกว่าการขับร้องเพลงขององค์เหอซื่อเมื่อคราวที่แล้วช่างไพเราะยิ่งนัก จึงอยากจะฟังนางขับร้องอีกครั้ง แต่หม่อมฉันไม่คิดว่า องค์หญิงเหอซื่อจะไม่อยากขับร้องเพคะ" เย่เซียวหลัวพูดด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร ราวกับตนเองโดนรังแก

โล่หวินหลานแสยะยิ้ม ทั้งๆที่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนี้แต่เย่เซียวหลัวกลับสามารถปั้นน้ำเป็นตัว ยิ่งเวลาผ่านไป นางก็ยิ่งแสดงละครเก่งนัก

"องค์หญิงเหอซื่อขับร้องเพลงได้ไพเราะ เจ้าก็ร้องขอให้นางสอนเจ้าร้องบ้าง วันนี้เป็นวันแรกที่องค์หญิงมาที่นี่ ให้นางได้พักผ่อนและดื่มด่ำไปกับการล่าสัตว์ความแคว้นโม่ฉีเถอะ" ฮ่องเต้เจียเฉิงไม่ต้องการให้คนของแคว้นเซิ่งโจวมองว่าเขาตามใจคนของตนเอง และไม่อยากให้โล่หวินหลานได้เห็นนิสัยน่ารังเกียจของคนที่นี่

เขาเป็นราชาแห่งแผ่นดิน บางครั้งก็ไม่อาจที่จะไปสนพระทัยเรื่องเช่นนี้ และไม่สามารถให้เรื่องพวกนี้มาทำลายภาพลักษณ์ของตน จึงทำได้เพียงเอาหูไปนาเอาตาไปไล่

วันนี้ เย่เซียวหลัวกระทำเกินไป เขาจึงจำเป็นต้องออกโรงจัดการ

"ฮ่องเต้เพคะ ในเมื่อพระชายาเวินอ๋องชื่นชอบในการขับร้องของหม่อมฉันถึงเพียงนี้ คราวหน้าหากมีเวลาหม่อมฉันจะสอนนางเองเพคะ วันนี้เป็นวันล่าสัตว์ของแคว้นโม่ฉี หม่อมฉันเชื่อว่าฮ่องเต้และองค์ชายล้วนอยากชื่นชมการแสดงที่ดูแข็งแกร่งเสียมากกว่า ดังนั้นหม่อมฉันจึงไม่ขับร้องจะดีกว่าเพคะ" โล่หวินหลานยืนขึ้นพูด

นี่เป็นการพูดที่ทำให้ฮ่องเต้ดูไม่ใจร้าย และทำให้เย่เซียวหลัวดูไม่ผิดเช่นกัน

"ดีมาก งั้นก็ทำการแสดงต่อเถอะ องค์หญิงชื่นชมบทละครใด จ้าวกงกงเจ้ายื่นรายการการแสดงให้องค์หญิงที่ ให้นางเลือกสักเพลงหนึ่ง" ฮ่องเต้เจียเฉิงกล่าวพร้อมบอกให้จ้าวกงกงนำรายการการแสดงมาให้นาง

จ้าวกงกงมองดูการกระทำที่เปลี่ยนไปด้วยใบหน้านิ่งเฉย เขารีบนำรายการการแสดงไปให้องค์หญิง ทุกคนล้วนคิดว่าฮ่องเต้เจียเฉิงคงอยู่ข้างเย่เซียวหลัว แต่ใครจะไปคิดว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น

ทุกคนล้วนมีปฏิกิริยาเรียบเฉย มีเพียงเย่เซียวหลัวเท่านั้นที่อยู่ท่ามกลางผู้คน ด้วยใจที่กระวนกระวาย นางกัดริมฝีปากของตนเอง แม้แต่เวินอ๋องก็ไม่ได้สนใจนาง

"องค์หญิง นี่เป็นรายการการแสดงของคืนนี้ องค์หญิงโปรดเลือกสักบทเพลง" จ้าวกงกงยื่นแผ่นกระดาษสีทองให้โล่หวินหลาน ด้านบนล้วนเขียนเพลงแสดงที่นางคุ้นเคย นางจึงเลือกมาหนึ่งเพลงแสดง แล้วยืนให้กับจ้าวกงกง

ทุกคนรู้สึกแปลกและสงสัยกับเรื่องนี้ บนเวทียังคงทำการขับร้อง แต่ทุกคนล้วนมีความในใจที่แปลกไป

เวินอ๋องดื่มสุราด้วยอารมณ์เบื่อหน่าย เขาไม่สนใจเย่เซียวหลัวแม้แต่น้อย เขาเคยเตือนนางแล้ว แต่นิสัยที่ดื้อรั้นของนางนั้น จึงทำให้เขาห้ามนางไว้ไม่ได้

สายตาเจ้าเล่ห์ของเย่เซียวหลัวเหลือบไปมองโล่หวินหลานอีกครั้ง แววตานั้นเต็มไปด้วยความอาฆาต

โม่ฉีหมิงที่คอยมองดูเหตุการณ์เบื้องหน้าอย่างเงียบๆก็กระตุกยิ้มขึ้นมา นี่สิถึงจะเป็นโล่หวินหลานที่เขารู้จัก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นางก็สามารถเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสได้เสมอ

นางมีความเจ้าเล่ห์และวางแผนเก่งกว่าเดิม นางไม่ใช่หญิงสาวที่ถูกผู้อื่นรังแกได้ง่ายๆเสียแล้ว ตอนนี้นางทั้งฉลาด หลักแหลม มีความมั่นใจ สามารถได้ของที่ต้องการได้

หากเป็นเช่นนี้ แม้ไม่มีการปกป้องจากเขา นางก็สามารถดูแลตนเองได้เป็นอย่างดี

งานเลี้ยงเลิกในเวลาค่ำ ตอนนี้ฮ่องเต้เจียเฉิงเริ่มมีอาการเมาเล็กน้อยแล้ว เขาไม่ได้คิดใส่ใจเรื่องของใคร มีจ้าวกงกงคอยพยุงขึ้นพระเกี้ยว แล้วส่งเขาไปยังตำหนักที่พัก

"ข้ากลับไปกลับเจ้า จะปลอดภัยกว่า" จื๋อเอ่อกล่าวขึ้นมือข้างหนึ่งของเขาจับดาบไว้แน่น สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในวังหลวงนั้น ทำให้เขาเป็นกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของโล่หวินหลานนัก

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้เหตุผลที่โล่หวินหลานเลือกที่จะปลอมตัวเป็นองค์หญิงเหอซื่อ เพื่อมายังวังหลวงที่มีแต่คนจ้องจะฆ่า แต่นางก็ได้ช่วยเผชิญหน้ากับเรื่องพวกนี้แทนอาลั่วหลันแล้ว

หากอาลั่วหลันอยู่ที่นี่ นางคงถูกฆ่าตายไปนานแล้ว

"ไม่ต้อง เจ้าไม่ได้ไปทางเดียวกับข้า ระหว่างทางจะถูกคนอื่นนินทาว่าร้ายได้ ข้าไปกับนางกำนัลที่ดูแลก็เพียงพอแล้ว" โล่หวินหลานหันไปมองนางกำนัลสองคนที่จื๋อเอ่อส่งมา แล้วพยักหน้าให้เขา

"ไม่ได้ คนจ้องจะทำร้ายเจ้าตั้งมากมาย แม้เพียงตามทางเดินก็อันตรายยิ่งนัก ให้ข้าส่งเจ้าไปเถอะ หากพวกเขาต้องการนินทา ก็ปล่อยพวกเขานินทาไป" จื๋อเอ่อพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เพราะถึงอย่างไรเสียเขาก็ไม่ได้สนใจ

ไม่นานคนก็เริ่มซาลง ทุกคนล้วนดื่มกันจนเมา แล้วมีพระชายาคอยพยุงกลับ ไปยังตำหนักที่พักของตนเอง

โล่หวินหลานไม่อาจเถียงชนะจื๋อเอ่อได้ นางรู้ดีว่าถึงอย่างไรเสีย เขาก็ต้องแอบตามไปคุ้มครองนาง งั้นก็ให้เขาไปส่งอย่างเปิดเผยยังจะดีเสียกว่า

ใครจะไปคิด เมื่อเปิดประตูออกไป ด้านนอกนั้นก็มีชายในชุดสีดำยืนอยู่สองข้าง หนึ่งในนั้นกำลังยืนพิงกำแพง ช่างดูมีเสน่ห์เหลือเกิน

โล่หวินหลานคุ้นเคยกับร่างสูงนัก เพราะเขามักจะยืนรอนางในถ่วงท่านี้เสมอ

วันนี้ เป็นเช่นเดิมอีกครั้ง แต่นางกลับรู้สึกไม่คุ้นชินนัก

"การเดินทาง ณ ที่แห่งนี้ลำบาก ข้ารออยู่ที่นี่เพื่อที่จะไปส่งองค์หญิง ไม่คิดเลยว่าจะมีคนไปส่งองค์หญิงเสียแล้ว" โม่ฉีหมิงเงยหน้าขึ้น เขาเดินเข้ามาสองก้าวแล้วหยุดลง

"เพคะ ท่านแม่ทัพจื๋อเอ่อเป็นคนคอยคุ้มกันส่งหม่อมฉันมายังแคว้นโม่ฉี เขาไม่เคยที่จะทำผิดในหน้าที่ มีคนอยู่ข้างกาย หม่อมฉันรู้สึกวางใจมากเพคะ" โล่หวินหลานตอบโดยไม่เงยหน้าไปมองเขา ดวงตาของนางจ้องมองไปยังเบื้องหน้า ที่หิมะกำลังตก ช่างเป็นภาพที่งดงามในยามค่ำคืนนัก

โม่ฉีหมิงยืนอกผายไหล่ผึ่ง คล้ายมีรังสีอำมหิตกำลังแผ่ออกมาจากตัวของเขา ตอนนี้เขาดูมีอำนาจเหลือเกิน ยังเดินมาไม่ถึงข้างกายโล่หวินหลาน นางก็รู้สึกราวกับถูกกดทับเอาไว้

ทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับเขา นางจึงจะมีวความรู้สึกเช่นนี้

"ดูท่าหม่อมฉันจะคิดมากไป ในเมื่อมีท่านแม่ทัพจื่อเอ่อไปส่งแล้ว งั้นหม่อมฉันก็ไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลอีก" โม่ฉีหมิงกล่าว แล้วเดินสะบัดเสื้อออกไป

ฉินหยิ่นที่ยืนอยู่ข้างเขายังไม่ทันได้สติ เขามองมาที่โล่หวินหลานชั่วครู่ แล้วรีบเดินตามนายท่านของเขาไป

พวกเขาสองคนมารอที่นี่นานแสนนาน ก็เพื่อโอกาสนี้ไม่ใช่หรือ? เหตุใดท่านอ๋องเมื่อได้พบกับองค์หญิงเหอซื่อ ก็เดินออกไปด้วยความโมโหเล่า?

จื๋อเอ่อมองตามแผ่นหลังทั้งคู่ที่เดินไปนั้น เขาก็ยิ้มในใจ

"หมิงอ๋องดูดีกับเจ้าเป็นพิเศษ" จื๋อเอ่อพูดตามสิ่งที่เขาเห็น

"ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน" โล่หวินหลานตอบเสียงเรียบ นางยังคงมองดูหิมะที่ตกลงมาเบื้องหน้า จากนั้นไม่พูดไม่จาก็เดินจากไป

จื๋อเอ่อที่ยังคงสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งสอง แต่ก็รีบเดินตามโล่หวินหลานไป

แต่ใครบางคนที่ยืนดูพวกเขาอยู่ด้านหลังนั้น เขาในชุดสีม่วงเข้มนั่งอยู่บนโขดหินใหญ่ ท่ามกลางหิมะที่ตกลงมา

เมื่อมองดูดีๆแล้วนั้น ก็สามารถรู้ได้เลยว่าเป็นใคร เขาก็คือเวินอ๋องนั่นเอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก