ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 240

ตอนที่ 240 ความเข้าอกเข้าใจ

หิ่งห้อยเติมเต็ม หอยทากกำลังเดินมา เวินอ๋องมองไปยังเหตุการณ์ตรงหน้าที่เกิดขึ้น ในใจของคนเต็มไปด้วยความสงสัย

องค์หญิงเหอซื่อมาจากแคว้นเซิ่งโจว คิดดูแล้วโม่ฉีหมิงก็ไม่น่าที่จะรู้จักนางมาก่อน อย่างมากก็คงเคยเจอกันเพียงไม่กี่ครั้งคราว คงไม่ถึงขั้นสนิทสนมกัน

ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งไม่เข้าใจโม่ฉีหมิง

จะบอกว่าเป็นเพียงการแสดง แต่สิ่งที่เขาแสดงออกมานั้นไม่ใช่การแสแสร้งแกล้งทำเลยสักนิด แต่หากจะบอกว่าเขาคิดจริงนั้น เรื่องมันก็เกิดขึ้้นเร็วเกินไป

"เวินอ๋อง ท่านมาทำอะไรที่นี่? เรารีบกลับกันเถอะ หม่อมฉันอยู่คนเดียวกลัวเหลือเกิน!" เย่เซียวหลัวที่จู่ๆก็เดินมาทางด้านหลัง มองตามสายตาของเขา ซึ่งมองไปทางตำหนักที่พักขององค์หญิงเหอซื่อ

เผลอครู่เดียว เขาก็มาที่นี่อีกแล้ว หรือว่าเขาจะชอบนางขึ้นมา?

เสียงที่คุ้นหูนั้นดังขึ้น เวินอ๋องที่กำลังใจลอยก็ได้สติขึ้นมา ตอนนี้เสียงขององค์หญิงเหอซื่อและเย่เซียวหลัวดังสลับกันไปมาก้องอยู่ในหูของเขา จนกลายเป็นความรู้สึกที่แปลกๆ

"ข้าจะอยู่ที่ใดแล้วมันเกี่ยวกับเจ้าด้วยหรือ?" เวินอ๋องหันไปมองนางด้วยแววตานิ่งเฉย

"ท่าน หม่อมฉันรู้ว่าท่านกำลังมองสิ่งใด ท่านกำลังมองดูองค์หญิงนั่นใช่หรือไม่? หม่อมฉันจะบอกอะไรให้ ท่านจะไม่มีวันได้อภิเษกกับนาง หม่อมฉันจะไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด!" เย่เซียวหลัวดีดดิ้นไปมา กลัวว่าของรักของตนจะถูกขโมยไป

"เลิกเพ้อเจ้อเสียที" เวินอ๋องเอ่ยขึ้นเพื่อให้นางได้สติขึ้นมา แล้วมองนางด้วยสีหน้าเรียบเฉย

เขาต้องเจอกับเรื่องเช่นนี้อยู่ทุกวัน ไม่เพียงแต่เพราะองค์หญิงเหอซื่อ แต่รวมถึงหญิงสาวทุกนางที่เข้าใกล้เข้า เย่เซียวหลัวก็จะบ้าคลั่งขึ้นทันที

"ห้ามไปไหนนะเพคะ ทุกครั้งที่หม่อมฉันกำลังพูดเข้าเรื่อง ท่านก็จะหนีไปตลอด หม่อมฉันไม่สนว่าท่านจะมีนางสนมเป็นใคร แต่ห้ามเป็นองค์หญิงนางนี้ ได้ยินหรือไม่เพคะ?" เย่เซียวหลัวสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วบอกกับเขา

ขอเพียงไม่ใช่องค์หญิงเหอซื่อ เพราะหากเป็นคนอื่นนั้น นางสามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย

องค์หญิงเหอซื่อคนนี้ ไม่ว่านางจะมองยังไงก็รู้สึกรังเกียจนัก แต่ทุกคนกลับชอบเข้าข้างนาง นางมีอะไรดี?

เย่เซียวหลัวนั้นเป็นคนที่ไม่ยอมเห็นคนอื่นดีกว่าตน การที่ได้เป็นบุตรีของตระกูลเย่นั้นทำให้นางหยิ่งทระนงตน

นอกจากองค์หญิงของแคว้นโม่ฉีแล้วนั้น คนอื่นอย่ามาเปรียบเทียบกับนางเด็ดขาด

เวินอ๋องที่เดินไปไม่กี่ก้าวนั้น เมื่อได้ยินสิ่งที่นางพูดก็นิ่งไป มีหลายสิ่งที่สามารถทำให้เย่เซียวหลัวโมโหได้ แต่เขารู้สึกว่าเรื่องนี้มันก็เข้าท่าดี

"จริงหรือ? ข้าจะเลือกใครเข้ามาก็ได้?" เวินอ๋องถามอีกครั้ง

ขอเพียงไม่ใช่องค์หญิงเหอซื่อ เย่เซียวหลัวจึงกัดฟันแล้วตอบ “เพคะ"

เวินอ๋องแววตาแพรวพราว เขากระชับแขนเสื้อแล้วเดินไป“งั้นข้าก็จะทำตามใจเจ้า ข้าจะแต่งองค์หญิงเหอซื่อเข้ามาในตำหนัก"

พูดจบ เขาก็รีบเดินไปอย่างรวดเร็ว เหลือทิ้งไว้เพียงเย่เซียวหลัวที่ยืนครุ่นคิดกับคำพูดของเขา

แต่งเข้ามาในตำหนัก? องค์หญิงเหอซื่อ?

ตอนนี้หัวใจของนางรู้สึกว่ามีก้อนหินขนาดใหญ่ถูกโยนเข้ามา เหตุใดเขาต้องทำเช่นนี้กับนาง? เหตุใดจึงไม่สามารถทำให้นางมีความสุขได้และสมหวังแม้เพียงสิ่งเล็กน้อย?

จะแต่งเข้ามาให้ได้ใช่ไหม? งั้นหม่อมฉันก็จะให้นางเจ็บปวด!

เย่เซียวหลัวกำหมัดแน่น นางกัดฟันกรอด คล้ายจะเกิดพายุขนาดใหญ่ขึ้น

หิมะขาวยังคงตกลงมา โล่หวินหลานมองดูแม่ทัพจื๋อเอ่อที่คอยคุ้มกันนางจนมาถึงตำหนัก แล้วนางก็พยักหน้าให้เขา“ท่านแม่ทัพจื๋อเอ่อ ท่านกลับไปเถอะ ตอนนี้ฟ้าก็มืดค่ำแล้ว ยามดึกนั้นจะเดินทางลำบาก"

ตอนนี้ที่ตำหนักเป็นซุ้มสำหรับพักผ่อนนั้น ถูกจุดด้วยแสงเทียนจนสว่างไสว

"องค์หญิงพักผ่อนเถอะขอรับ ข้าขอตัวลา" จื๋อเอ่อยกมือขึ้นแล้วทำความเคารพ จากนั้นก็จากไป

แต่เขาอยากรู้ว่าโม่ฉีหมิงและโล่หวินหลานนั้นเกี่ยวข้องกันอย่างไร เพราะพวกเขาทั้งสองดูไม่เหมือนคนที่พึ่งรู้จักกัน แต่กลับคล้ายคนที่รู้จักมานานแสนนาน

และโล่หวินหลานนั้นมีสีหน้าที่อยากเจอ แต่ก็กลัว

หรือว่าพวกเขาสองคนมีความลับอะไร?

"องค์หญิง" จื๋อเอ่อเรียกชื่อนาง โล่หวินหลานที่ไม่ทันเดินเข้าไปนั้นจึงหันกลับมาตามเสียงเรียก

"มีเรื่องอันใด?" โล่หวินหลานเอ่ยถาม

"องค์หญิงขอรับ ตอนนี้สงครามระหว่างสองแคว้นก็ได้จบลงแล้ว องค์หญิงควรตระหนักถึงงานอภิเษกของตนเองได้แล้ว ตอนนี้ฮ่องเต้เจียเฉิงเองก็ยังไม่ได้คัดเลือกผู้ใดให้ท่าน องค์หญิงใช้โอกาสนี้ในการเลือกคนที่เหมาะสมเถอะ มิเช่นนั้น....." จื๋อเอ่อไม่สามารถพูดต่อได้ เพราะมันทำให้เขารู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

เขาต้องยอมรับว่าองค์ชายกว่าสิบองค์นั้น ล้วนเป็นคนที่มีความสามารถ และองค์ชายที่ดูจะมากความสามารถนั้นก็คือองค์รัชทายาท องค์ชายสี่ องค์ชายหก องค์ชายแปด องค์ชายสิบสอง เพราะองค์ชายเหล่านี้ล้วนทำงานในพระราชวังมานานแล้ว จึงได้รับผลกระทบทั้งดีและไม่ดีจากฮ่องเต้เจียเฉิงมากกว่าคนอื่นๆ

เพราะนางปลอมตัวเป็นอาลั่วหลันจึงทำให้นางกลายเป็นองค์หญิงเหอซื่อ นางต้องได้รับการปองร้ายมากมาย ซึ่งสิ่งที่นางทำนั้นก็ถือเป็นการช่วยชีวิตอาลั่วหลัน

"แม่ทัพจื๋อเอ่อทรงเป็นกังวลกับเรื่องเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ตอนนี้สิ่งท่านควรเป็นกังวลนั้นคือองค์หญิงเหอซื่อตัวจริงอยู่ที่ใดต่างหาก?" เย่เซียวหลัวเอ่ยขึ้น หิมะที่ตกลงมาตรงหน้านางนั้น ทำให้นางดูงดงามยิ่งนัก

จื๋อเอ่อดูลุกลนขึ้นมาทันที

เมื่อพูดถึงอาลัวหลั่น เขาก็ใจเต้นขึ้นตึกตักราวกับกลองที่กำลังโหมกระหน่ำตี

เขามาถึงแคว้นโม่ฉีสักพักแล้ว แต่กลับไม่ไปตามหาอาลั่วหลัน ถึงแม้ว่าจะเป็นห่วงมาก แต่เขากลับไม่ร้อนใจเลย

"อาลั่วหลันเป็นคนฉลาด ไม่มีวันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนางหรอก ไม่แน่ตอนนี้นางอาจจะอยู่ในที่ที่ไม่มีคน และดำเนินชีวิตโดยการเปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามของตน และลืมพวกเราจนหมดแล้วก็ได้" จื๋อเอ่อหลบตาลง คล้ายกับคนที่เจ็บปวด

สุดท้ายแล้ว ก็เป็นเพราะเขาที่ไม่สามารถดูแลปกป้องนางได้ จึงทำให้นางต้องถูกจับแต่งงานกับคนในแคว้นโม่ฉี หากเขามีความกล้าสักน้อย แล้วขอแต่งงานนางกับฮ่องเต้ ไม่แน่เรื่องมันคงไม่เป็นเช่นนี้

โล่หวินหลานพยักหน้า“ก็จริงตามที่ท่านพูด แต่อย่างไรเสียนางก็เป็นเพียงหญิงสาว แต่อันที่จริงสิ่งที่ข้าสงสัยนัก เหตุใดหลังจากที่ข้าปลอมตัวมาเป็นองค์หญิงเหอซื่อแล้ว จึงมีผู้คนมากมายต้องการมาปองร้าย แต่ตอนที่อาลั่วหลันอยู่ที่แคว้นเซิ่งโจวนั้น นางกลับสามารถอยู่อย่างสงบไม่มีคนปองร้าย ตอนนี้ข้าก็พอจะเข้าใจแล้ว อันที่จริง คนที่คอยปกป้องนางอยู่ด้านหลังก็คือท่านนี่เองใช่หรือไม่"

จื๋อเอ่อกะพริบตาปริบๆ

เขายังจำได้ตอนที่อยู่แคว้นเซิ่งโจว ครั้งแรกที่เขาและนางเจอกันนั้น ตอนนั้นเขาอายุเพียงแปดขวบ ส่วนนางนั้นสามขวบ และตอนนั้นเป็นช่วงที่เขาและนางต่างก็เปลี่ยนฟันน้ำนม ทำให้ต่างฝ่ายต่างก็หัวเราะซึ่งกันและกัน

ไม่ช้าเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนเขาและนางต่างก็เติบโต เขายังคงเป็นใครคนนั้นที่คอยเฝ้ามองดูนาง

จิตใจของเขาก็เริ่มเติบโตเช่นกัน

"ใช่ ข้าเอง ตอนที่อยู่แคว้นเซิ่งโจวนั้น ข้าเป็นคนคอยปกป้องนางเอง" จื๋อเอ่อพยักหน้า

"แล้วเหตุใดท่านแม่ทัพจึงไม่ร้องขอกับฮ่องเต้ ให้องค์หญิงเหอซื่ออภิเษกกับท่านเล่า?" โล่หวินหลานรู้สึกสงสัย

"หากไม่มีสิ่งใดแล้ว ข้าขอตัวก่อน" จื๋อเอ่อไม่ตอบคำถามนาง เขารีบเดินออกไป

มองดูแผ่นหลังของเขาที่เดินไปไกลนั้น โล่หวินหลานก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดเช่นกัน

นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันหลังกลับ ไม่อยากเชื่อเลยว่าอาลั่วหลันจะยืนอยู่ด้านหลังของนาง นางที่ยืนหันหลังให้กลับแสงไฟสลัว ใบหน้าของนางแดงระเรื่อ ดวงตาทั้งสองแดงก่ำ

นอกจากนั้นแล้ว โล่หวินหลานก็ไม่ได้เห็นสีหน้าใดๆของนางเลย

"อาลั่วหลัน เจ้าได้ยินทุกอย่างแล้วหรือ" โล่หวินหลานถามขึ้นด้วยความตกใจ

อาลั่วหลันพยักหน้า แล้วเช็ดน้ำตาของตนเอง ดวงตาเปร่งประกายของนางนั้นมีน้ำตา ที่ไหลลงมาไม่หยุด

"ข้าได้ยินทุกอย่างแล้ว แต่เสียดายที่มันสายเกินไป ตอนนี้ทุกอย่างมันไม่มีความหมายแล้ว" อาลั่วหลันส่ายหน้าไปมา

ที่แท้ เรื่องราวร้ายๆต่างๆที่เกิดขึ้นในแคว้นเซิ่งโจวนั้น เพราะจื๋อเอ่อคอยช่วยเหลือ แต่ข้ากลับยังคงโง่เขลา คิดว่าตนเองเป็นคนจัดการแก้ปัญหาต่างๆ ไม่คิดเลย ว่าเขาจะทำเพื่อข้าได้ถึงขนาดนี้

"ข้ารู้ บางทีนี่อาจจะเป็นโชคชะตา แต่อย่างน้อย เจ้าก็ได้รู้ว่าจื๋อเอ่อคิดอย่างไรกับเจ้า" โล่หวินหลานเอ่ยเสียงค่อย

"อันที่จริงข้าเองก็พอจะเดาได้ว่าเป็นเขา แต่แค่ไม่อยากจะเชื่อ ข้าเติบโตมากับเขา ทุกคนต่างก็ใจร้ายกับข้า มีเพียงเขาเท่านั้นที่คอยไล่พวกคนใจร้ายเหล่านั้นไป ข้าโง่เอง ที่ตอนนั้นไม่รู้ว่าเขาคิดอย่างไร" อาลั่วหลันโยนความผิดให้ตนเอง

ครั้งนี้ที่ออกมาเดินทางกับโล่หวินหลานนั้น นางก็ถือว่าได้เรียนรู้บางอย่าง

ตอนนี้นางรู้แล้วว่าจื๋อเอ่อคิดอย่างไรกับนาง เพียงแต่ไม่รู้ว่าหากเขารู้ว่านางคอยอยู่เคียงค้างเขามาโดยตลอด แต่บทบาทของนางนั้นช่างน้อยนิด จะเกิดเรื่องอะไรขึ้น

"หากวันข้างหน้าเขารู้ว่าเจ้าคอยอยู่เคียงข้างเขา แต่ไม่บอกเขา ไม่อาจรู้ได้ว่าเขาจะมีปฏิกิริยาเช่นไร" โล่หวินหลานเกลียดที่สุดคือการถูกหลอกลวง แต่ตอนนี้นางกลับเป็นคนทำมันเสียเอง นางกลับโกหกทุกคน

โลกใบนี้ เต็มไปด้วยคำโกหกและความหลอกลวง

"ข้าขอตัวกลับก่อน เรื่องนี้ข้าจะเก็บไปคิด และจะตัดสินใจอย่างดีที่สุด" อาลั่วหลันกัดริมฝีปากของตนเอง ตอนนี้นางรู้ความจริงทุกอย่างแล้ว นางไม่สามารถที่จะหลอกหรือโกหกเขาต่อไปได้อีก

ก่อนหน้านี้นางรู้สึกเกลียดเขานัก แต่ตอนนี้นางกลับรู้สึกเกลียดตัวเองยิ่งกว่า

แสงไฟยามค่ำคืนช่างสว่างไสว โล่หวินหลานเปลี่ยนเป็นชุดนอน จากนั้นก็นอนผลิกตัวไปมา แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็นอนไม่หลับ

ตอนนี้ภาพในหัวของนางมีเพียงภาพในอดีตที่ฉายไปมา

เมื่อไหร่นางถึงจะบอกความจริงกับโม่ฉีหมิงได้กันนะ ตอนนี้นางรู้สึกว่ายิ่งนานวัน นางก็ยิ่งไม่มั่นใจ

เช้าตรู่วันถัดมา นางกำนัลก็ปลุกเธอให้ตื่นแต่เช้า

ตอนนี้ท้องฟ้าด้านนอกพึ่งสว่าง ขอบรุ่งอรุณช่างงดงาม ปุยเมฆเรียงรายราวกับคลื่นทะเล

"องค์หญิงเพคะ วันนี้เป็นวันแรกในการล่าสัตว์ ต้องตื่นแต่เช้านะเพคะ" นางกำนัลสองพูดขึ้น ขณะที่กำลังทำผมให้นางโดยมองผ่านกระจกทองเหลือง จากนั้นนางกำนัลอีกคนก็ได้ไปยกน้ำมาให้นางล้างหน้า

ทั้งสองดูวุ่นวายเหลือเกิน

ตอนนี้โล่หวินหลานราวกับเป็นตุ๊กตาที่ให้พวกนางแต่งตัวทำผมให้

ไม่นาน นางก็แต่งหน้าแต่งตัวจนเสร็จ การแต่งหน้าของนางนั้นเริ่มเข้มขึ้น ตอนนี้นางไม่ได้ดูเป็นเด็กสาวเรียบร้อยอีกแล้ว แต่ราวกับเป็นหญิงแกร่ง

มองดูแล้ว คล้ายกับเป็นคุณชายของเรือนไหนสักเรือน แต่ก็ยังคงมีไว้ซึ่งความโอนโยนของหญิงสาว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก