ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 243

ตอนที่ 233ไม่อาจต้านทานได้

โล่หวินหลานกระชับขาเข้ากับท้องของม้า หิมะโปรยลงมาไม่หยุดยัง ในขณะที่ถึงทางโค้งนั้น นางใช้แส้ม้าตีที่สะโพกของมัน ช่วงขณะที่นางกำลังจะนำหน้านั้น เย่เซียวหลัวเองก็รีบเอาม้าของตนมาตัดหน้าของนาง

ทั้งสองวิ่งสูสีกันไม่หยุด เย่เซียวหลัวเองก็ไม่ยอมที่จะลามือ

อยากจะนำหน้าข้างั้นหรือ อย่าแม้แต่จะฝัน

เย่เซียวหลัวกระตุกยิ้ม

ขอเพียงผ่านทางโค้งนี้ไปได้ นางก็จะเป็นผู้ชนะ ซึ่งตอนนี้มันไม่ง่ายเลยที่องค์หญิงเหอซื่อจะนำหน้านางได้

นางรู้สึกภูมิใจในความสามารถของตนเองยิ่งนัก

แต่ในชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น เย่เซียวหลัวก็ได้นำหน้านางไปหนึ่งหัวม้า ไปยังตรงหน้าของเย่เซียวหลัว

ความเร็วของนางนั้นช่างน่าตกใจยิ่งนัก

เมื่อเห็นสถานการณ์ด้านหน้าที่เปลี่ยน เย่เซียวหลัวที่เป็นกังวล จึงรีบตามโล่หวินหลานด้วยความโกรธเคือง

นางใช้ความพยายามในการประชิดตัวโล่หวินหลาน แต่ก็ไร้ประโยชน์ พระนางนั้นก็วิ่งไล่ตามได้เพียงหางม้าของโล่หวินหลานก็เท่านั้น

ดวงตาของเย่เซียวหลัวแดงก่ำทันที

ไม่นานทั้งสองก็พ้นจากทางโค้งแล้วเผยตัวต่อทุกคน ซึ่งเหตุการณ์ตรงหน้าที่เปลี่ยนไปนั้นทำให้ทุกคนตกตะลึง

"น้องเก้า ข้าบอกแล้วใช่ไหม ว่าม้าขององค์หญิงเหอซื่อมีโอกาสชนะมากกว่า ถึงแม้ว่าม้าที่นางใช้แข่งนั้นจะไม่ใช่ม้าที่วิเศษใดๆ แต่ขอเพียงมีทักษะ ก็ไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้" องค์ชายแปดเผยยิ้มอย่างผู้ชนะออกมา เขามองดูองค์หญิงเหอซื่ออย่างไม่เชื่อสายตา

"จริงด้วย นี่มันเรื่องอันใดกัน? เหตุใดในระยะเวลาสั้นๆ ผลลัพธ์กลับแปลเปลี่ยนไปเช่นนี้" องค์ชายเก้าบ่นพึมพำ

สายตาของทุกคนนั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึง ราวกับนี่เป็นปาฏิหาริย์

ฮ่องเต้เจียเฉินเองนั้นก็ยิ้มด้วยความไม่เต็มใจนัก ถึงแม้ว่าตอนนี้ใบหน้าของเขาจะเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ผลแพ้ชนะที่ไม่คาดฝันนี้ ทำให้เขาตกตะลึงยิ่งนัก แต่ก็ไม่อาจที่จะไม่กล่าวชมได้ว่าองค์หญิงเหอซื่อนั้นช่างเก่งกาจ

มองดูโล่หวินหลานที่เอาชนะมาได้อย่างปลอดภัยนั้น โม่ฉีหมิงเองก็รู้สึกสบายใจยิ่งนัก สมแล้วที่เป็นหญิงของตน ไม่ว่าจะตอนนี้หรืออดีต นางก็ช่างมากความสามารถ

สีหน้าของเย่เซียวหลัวนั้นทั้งอึ้งและโมโห นางจับแส้แน่นมือ จากนั้นก็ตีไปที่ตูดม้าไม่หยุด จนลืมไปเสียหมดว่านี่คือม้าที่ตนเองรักมา

ทั้งๆที่เส้นชัยก็อยู่แค่เอื้อม แต่กลับไม่สามารถนำหน้าโล่หวินหลานได้ การที่นางแพ้นั้นไม่เพียงแต่ขายหน้า แต่นางจำเป็นต้องรับปากโล่หวินหลานในสิ่งที่นางเสนอ ซึ่งนางไม่สามารถทำได้

ชั่วขณะนั้นเองนางก็คิดแผนการบางอย่างได้ มือข้างหนึ่งจับที่แส้ม้าไว้แน่น อีกข้างก็เอื้อมมือไปจับเครื่องประดับของตนเอง ปิ่นหยกของนางถูกนางจับเอาไว้อย่างแน่นมือ

แววตาพุ่งเป้าไปที่แผ่นหลังของโล่หวินหลาน ปิ่นหยกที่นางจับเอาไว้ในมือนั้นเต็มไปด้วยเหงื่อ

"ท่านอ๋อง ท่านดูสิ พระชายาเวินอ๋องจะทำสิ่งใด?" ฉินหยิ่นเมื่อเห็นเย่เซียวหลัวมีท่าทีแปลกๆ ในใจของเขาไม่อาจคาดเดานางได้เลยว่าจะกระทำสิ่งใด

"ถ้าคิดที่จะกล้าทำสิ่งนี้ ต่อหน้าทุกคน นางคงไม่อยากมีชีวิตแล้ว" โม่ฉีหมิงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เสียงของเขาดุดันราวกับมาจากขุมนรก

ความสงสัยของฉินหยิ่นยังคงไม่หมดไป เหตุใดท่านอ๋องของเขาจึงดูเป็นห่วงเป็นใยองค์หญิงเหอซื่อนัก เหตุใดจึงลืมหวังเฟยที่จากไปแล้ว เหตุใดความรู้สึกของเขาจึงเปลี่ยนไป?

"ท่านอ๋อง ในมือของพระชายาเวินอ๋องคือปิ่นหยก หรือนางคิดจะทำสิ่งชั่วร้ย?" ในที่สุดฉินหยิ่นก็มองเห็นเสียทีว่าในมือของเย่เซียวหลัวนั้นกำสิ่งใดไว้

ปิ่นเรียวยาวขนาดเล็ก ที่ส่องประกายกับแสงแดด หากไม่มองดูอย่างละเอียด ก็คงไม่อาจรู้ได้ว่าเป็นปิ่นหยก

อีกเพียงก้าวเดียวก็จะถึงเป้าหมาย

เย่เซียวหลัวกำปิ่นหยกในมือไว้แน่น นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของนางแล้ว

สองมือกระชับแน่น ปิ่นหยกในมือของนางพุ่งเป้าไปยังโล่หวินหลาน

ชั่วพริบตาเดียวนั้น ปิ่นหยกก็หักเป็นสองท่อนกลางอากาศ

"สิ่งใดหักหรือ?" ถึงแม้ว่าฮ่องเต้จะไม่ได้เป็นหนุ่มแล้ว แต่เขาก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ของที่หักออกจากกันนั้นดึงดูดสายตาเขายิ่งนัก

มีคนเห็นสิ่งที่นางกำลังทำแล้ว สู้เขาไม่ได้แล้วคิดที่จะโกงงั้นหรือ

โม่ฉีหมิงกระตุกยิ้มที่มุมปาก จากนั้นก็เก็บมือของตนกลับ

สิ่งที่เขาทำทุกอย่างนั้นองค์รัชทายาทเห็นทุกย่างก้าว ตั้งแต่เห็นเขานำเหรียญออกมาแล้ว องค์รัชทายาทก็พอจะคาดเดาได้ว่าเขาคิดจะทำสิ่งใด เพียงแต่ไม่คิดว่าคนที่เขาจะช่วยนั้นคือองค์หญิงแห่งแคว้นเซิ่งโจว

"ฮ่องเต้ สักครู่หนึ่งเมื่อองค์หญิงเหอซื่อและพระชายาเวินอ๋องลงมาจากม้า ก็เป็นอันกระจ่างแล้ว" จ้าวกงกงที่อยู่ด้านขึ้นพูดขึ้น

"จ้าวเจิ้ง เจ้าเห็นหรือไม่?" ฮ่องเต้เจียเฉิงหันหน้าไปถามจ้าวกงกง

จ้าวกงกงส่ายหน้าไปมา

ในขณะเดียวกัน โล่หวินหลานก็ได้ไปถึงเส้นชัยที่มีเส้นสีแดงเอาไว้ และเย่เซียวหลัวเองก็ขี่ม้าตามหลังมา ทั้งสองมาถึงเส้นชัยในเวลาไล่เลี่ยกัน

ซึ่งหัวของม้าตัวไหนมีคราบเส้นสีแดงนั้น ก็เป็นอันรู้กันว่าใครเป็นผู้ชนะ

เย่เซียวหลัวรีบกระโดดลงมาจากม้า ด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจนักแล้วมองไปที่องค์หญิงเหอซื่อ สองมือของนางกำหมัดแน่น ตอนนี้นางมีเหงื่อไหลเต็มตัวราวกับคนที่ขึ้นมาจากน้ำ

"เจ้าชนะงั้นหรือ?" เย่เซียวหลัวเดินผ่านแล้วพูดกระซิบที่หูของโล่หวินหลาน

"เป็นเพราะพระชายาเวินอ๋องนั้นออมมือ หม่อมฉันจึงโชคดีชนะมาได้" โล่หวินหลานมองดูเย่เซียวหลัวอย่างอารมณ์ดี

ซึ่งไม่เข้าใจความหมายโดยนัยในคำพูดของนางเลย

"เจ้า ข้าไม่ได้ออมมือให้เจ้า เมื่อครู่เจ้าทำได้อย่างไร?" สีหน้าสงสัยของเย่เซียวหลัวนั้นเห็นได้ชัดมาก ซึ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่มันเร็วมาก โล่หวินหลานนำหน้านางในชั่วพริบตาเดียว

จนถึงตอนนี้นางเองก็ไม่อาจที่จะเข้าใจได้ ทั้งๆที่พวกนางทั้งสองเว้นระยะห่างกันใกล เหตุใดเพียงชั่วพริบตาโล่หวินหลานกลับวิ่งชนะนางได้?

โล่หวินหลานเดินจูงม้าแล้วยิ้มหวาน“หม่อมฉันได้บอกไปแล้วหนิเพคะ ว่าเป็นเพราะพระชายาออมมือให้ มิเช่นนั้นหม่อมฉันจะชนะได้อย่างไร?"

เย่เซียวหลัวรู้สึกหมั่นไส้กับคำตอบของนาง นางตอบราวกับว่าตนเองเป็นแม่ชีที่ชนะมารร้าย

"องค์หญิงอยากจะบอกก็บอก ไม่อยากบอกก็ช่าง องค์หญิงเพียงแค่โชคดีจึงชนะการขี่ม้าครั้งนี้ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ใครจะไปรู้ว่าองค์หญิงใช้แผนร้ายอันใด" เย่เซียวหลัวปรายตามองโล่หวินหลาน ในใจของนางรู้สึกไม่พอใจกับผลรับเช่นนี้แต่กลับพูดออกไปให้คนอื่นเข้าใจผิดว่าโล่หวินหลานชนะเพราะใช้แผนร้าย

ม้าตัวเมียนั้นร้องออกมาครั้งหนึ่ง ราวกับไม่พอใจที่เย่เซียวหลัวพูดเช่นนั้น

โล่หวินหลานลูบไปที่ตัวมาอย่างทะนุถนอม จากนั้นก็ส่ายหน้า“พระชายาเวินอ๋อง เมื่อสักครู่หม่อมฉันชนะได้อย่างไร ท่านเองน่าจะรู้ดีแก่ใจมิใช่หรือ? เหตุใดตอนนี้ถึงพูดว่าหม่อมฉันมีแผนร้ายเล่า? ท่านดูสิ แม้แต่ม้าตัวนี้ยังรู้สึกไม่พอใจเลย"

"เจ้า เจ้าโกหก!” เย่เซียวหลัวมองหน้าโล่หวินหลานอย่างโกรธเคือง แต่ก็ไม่ได้พูดสิ่งใด

คนที่โกหกเป็นตัวนางเอง แต่นั่นก็เพราะไม่ต้องการให้โล่หวินหลานชนะเช่นนี้ ทั้งๆที่ตลอดการแข่งนั้น ผู้ที่มีความเป็นไปได้ว่าจะชนะก็เป็นนางมาโดยตลอด เหตุใดในเฮือกสุดท้าย คนที่ชนะกลับเป็นโล่หวินหลาน

"เยี่ยม ช่างเป็นการแข่งขันที่ยอดเยี่ยม" ฮ่องเต้เจียเฉิงที่ไม่ต้องการจะได้ยินการโต้เถียงของทั้งสอง จึงพูดขึ้นพร้อมกับปรบมือ

ทุกคนจึงจะได้สติกลับมา จากนั้นก็ปรบมือตามฮ่องเต้ ซึ่งผลสุดท้ายแล้วนั้น คนที่ชนะการแข่งขันก็คือองค์หญิเหอซื่อ และนั่นก็เป็นสิ่งที่ทุกคนต่างก็สงสัย

"องค์หญิงเหอซื่อ เจ้าช่วยบอกพวกเราหน่อยได้หรือไม่ ว่าเจ้าวิ่งนำหน้าชายาเวินอ๋องได้อย่างไร?" ฮ่องเต้เจียเฉิงถามขึ้น ด้วยใบหน้าที่สงสัยยิ่งนัก

โล่หวินหลานยิ้มหวาน“ขอบพระทัยเพคะฮ่องเต้ที่ชื่นชมหม่อมฉัน แต่เมื่อครู่หม่อมฉันชนะได้นั้น ก็เป็นเพียงเพราะโชคช่วยเอาไว้ หม่อมฉันไม่มีทักษะใดหรอกเพคะ"

ไม่เพียงแต่ฮ่องเต้เจียเฉิง แต่องค์ชายท่านอื่นเองก็รู้สึกว่าองค์หญิงเหอซื่อนั้นช่างถ่อมตนเหลือเกิน ซึ่งสิ่งที่โล่หวินหลานทำเช่นนี้ก็เพราะนางไม่อยากจะโดดเด่น เกินหน้าเกินตา

ใครจะไปคิด ฮ่องเต้เจียเฉิงกลับส่ายหน้า ณ ขณะนั้น จากนั้นก็ยิ้มร่า“นิสัยใจขอของคนอื่นข้าอาจจะไม่รู้มากนัก แต่นิสัยใจคอของชายาเวินอ๋องนั้นข้ารู้ดี หากมีโอกาสที่จะชนะ นางจะยอมปล่อยไปได้อย่างไร องค์หญิงกล่าวมาเถอะ ว่าชนะได้อย่างไร?

เมื่อฮ่องเต้พูดเช่นนี้แล้วนั้น โล่หวินหลานเองก็ไม่อาจที่จะปกปิดความสามารถในการขี่ม้าของตนได้ ซึ่งแต่แรกนางทำเช่นนี้เพื่อให้เย่เซียวหลัวยอมทำตามคำร้องขอของนาง แต่ใครจะไปคิดว่าเรื่องจะเลยเทิดมาเช่นนี้

นี่มันแผนซ้อนแผน

เย่เซียวหลัวจ้องเขม่งมาที่องค์หญิงเหอซื่อ

สายตาของนางราวกับจะกลืนกินองค์หญิง

"กราบทูลฮ่องเต้ เมื่อครู่ในทางโค้งนั้นหม่อมฉันเพียงอาศัยจังหวะ จากนั้นก็ใช้ทางที่สั้นที่สุดและความเร็วที่เร็วที่สุดในการนำหน้าพระชายาเวินอ๋อง ซึ่งประจวบเหมาะกับที่พระชายาเวินอ๋องนั้นไม่อาจควบคุมม้าได้ดีในทางโค้ง หม่อมฉันจึงโชคดีและชนะมา หม่อมฉันจึงกล่าวว่าที่หม่อมฉันชนะนั้นก็เพราะพระชายาเวินอ๋องออมมือให้เพคะ" คำพูดประโยคสุดท้ายของนางนั้น ต้องการจะพูดให้เย่เซียวหลัวฟัง

ฮ่องเต้เจียเฉิงพยักหน้า ความสงสัยในใจของเขาหมดไป ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง

องค์รัชทายาทลูบไล้ที่คางของตนเอง เขามองดูโล่หวินหลานอย่างสนใจ และจู่ๆก็นึกถึงวันที่เขาเอานมสุราให้นางดื่ม เหตุใดตอนนี้นางยังดูปกตื ไม่ทำในสิ่งที่แปลกกว่าผู้อื่น

หรือว่า นางจะรู้แล้วว่าในสุรานมนั้นมียาพิษ?

จากที่รู้จักนางมาหลายวันนั้น ก็ไม่แปลกที่หญิงฉลาดอย่างนางจะรู้ตัว

"ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง ทักษะการขี่ม้าขององค์หญิงเหอซื่อนั้นช่างยอดเยี่ยมนัก แม้แต่พระชายาเวินอ๋องยังไม่ใช่คู่แข่งที่เหมาะสม เยี่ยมมากๆ" ฮ่องเต้เจียเฉิงกล่าวพร้อมลูบคลำที่หนวดของตนเอง เขาพยักหน้าด้วยความพอใจ

"เปล่าหรอกเพคะ อันที่จริงพระชายาเวินอ๋องเองก็มีทักษะการขี่ม้าที่ยอดเยี่ยม หากไม่ใช่เพราะมีการวางเดิมพันไว้นั้น หม่อมฉันก็คงไม่เสียงอันตรายเพื่อเอาชนะหรอกเพคะ" โล่หวินหลานยิ้มตาหยี แววตาของนางฉายแววประกราย

ฮ่องเต้เจียเฉิงรู้สึกสนใจในสิ่งที่นางกล่าว นี่พวกนางทั้งสองมีการวางเดิมพันไว้ด้วยหรือ

"เจ้ากับชายาเวินอ๋องวางสิ่งใดเป็นเดิมพัน? ไหนลองบอกข้าสิ" ฮ่องเต้เจียเฉิงรู้สึกสงสัยยิ่งนัก ว่าพวกนางวางสิ่งใดเป็นเดิมพัน ถึงได้แข่งกันอย่างไม่คิดชีวิต

เย่เซียวหลัวหันหลังกลับ นางจ้อมเขม็งไปที่องค์หญิงเหอซื่อ จากนั้นก็กัดฟันกรอด“อาลั่วหลัน เจ้าหมายความว่าอย่างไรกันแน่?"

เย่เซียวหลัวในตอนนี้ดูขาดสติเหลือเกิน โล่หวินหลานขมวดคิ้วแล้วหันกลับไปมองนาง ทั้งสองมองหน้ากัน ราวกับมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านสายตาของทั้งคู่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก