ตอนที่ 242การแข่งขันขี่ม้า
ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์นั้น ต่างก็พากันตกใจ หากจะพูดถึงการแข่งขี่ม้านั้น เย่เซียวหลัวนางพึ่งแข่งมา ดังนั้นฝีมือการขี่ม้าของนาง จึงไม่เป็นสองรองใครแน่นอน
เพียงแต่ไม่อาจทราบได้ว่าฝีมือการขี่ม้าขององค์หญิงเหอซื่อนั้นเป็นเช่นไร จะดีเหมือนการขับร้องเพลงของนางหรือไม่ เพราะนางดูบอบบางยิ่งนัก หากทั้งสองแข่งขันกันขึ้นม้า องค์หญิงเหอซื่อคงแพ้แน่นอน
หากองค์หญิงเหอซื่อแพ้นั้น ก็จะคล้ายกับว่าคนในแคว้นโม่ฉีรังแกนาง ซึ่งมันคงไม่ดีแน่
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การแข่งขันขี่ม้านี้ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก
เวินอ๋องหันไปมองทั้งสองครู่หนึ่ง“เจ้าทั้งสองจะแข่งกันขี่ม้าหรือ? ม้าที่วิ่งอยู่บนหิมะนั้นไม่เชื่อฟังนัก ซึ่งมันจะไม่ปลอดภัยกับพวกเจ้าทั้งสอง ไม่ว่าจะที่สนามล่าสัตว์แห่งนี้ หรือที่ตลาด"
ถึงอย่างไรเย่เซียวหลัวก็จะแข่งขี่ม้ากับนาง บนพื้นน้ำแข็งแล้วอย่างไร? หากไม่แข่งกันดุเดือดเช่นนี้ นางก็ไม่มีวันหยุด
"หม่อมฉันเพียงคิดว่าองค์หญิงเหอซื่อร้องเพลงได้ไพเราะ ดังนั้นเพียงแค่การขี่ม้านางก็คงทำได้ดีเช่นกัน? หากนางทำไม่ได้ดีนั้น ก็หมายความว่าแคว้นเซิ่งโจวก็ไม่เท่าไหร่" เย่เซียวหลัวหัวเราะเยาะเป็นการดูถูก คำพูดของนางนั้นมีความหมายโดยนัยแฝงอยู่
พูดจบ นางก็เอามือลูบไปที่ม้าตัวสีดินแดง อย่างรักใคร่ จากนั้นก็หันมามองโล่หวินหลาน
การแข่งขันเช่นนี้ โล่หวินหลานเองก็คงไม่สามารถปฏิเสธได้ ยิ่งไปกว่านั้น นางเองก็ไม่ได้อยากที่จะปฏิเสธ
ความเงียบทำให้บรรยากาศมาคุทันควัน จนทำให้พวกเขานั้นเริ่มลุกลน
"พระชายาเวินอ๋องต้องการหาใครสักคนเพื่อมาแข่งม้าด้วยใช่หรือไม่? งั้นให้ข้าเป็นคนแข่งกับท่านดีไหม ข้าต่อให้พระชายาล่วงหน้าไปก่อนสามกิโลเมตรดีไหม?" จื๋อเอ่อกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา ร่างใหญ่ดูมีอำนาจจนไม่อาจที่จะปฏิเสธหรือหลบหนีได้
เมื่อเห็นจื๋อเอ่อ เย่เซียวหลัวก็ได้หัวเราะในลำคออย่างเย็นชา จากนั้นนางก็หันกลับมา“ข้าจะแข่งกับองค์หญิงเหอซื่อ มันเกี่ยวอะไรกับเจ้า? อีกอย่าง ข้าก็ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าต่อให้ด้วย"
พูดจบ นางก็ไม่แม้แต่จะมองจื๋อเอ่ออีก แล้วเดินไปหาโล่หวินหลานด้วยอารมณ์ขุ่นมัว “องค์หญิงพูดเถอะ ว่าจะแข่งหรือไม่?"
เย่เซียวหลัวนั้นบีบบังคับนางทุกทาง ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่อาจมีเหตุผลในการปฏิเสธได้ หากปฏิเสธนั้นนางก็ดูอ่อนแอ และขายหน้าแคว้นของตน
สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ โล่หวินหลานเองก็มีแผนเป็นของตนแล้ว
"ในเมื่อพระชายาเวินอ๋องกล่าวเช่นนี้แล้ว หม่อมฉันเองก็ไม่มีเหตุผลในการปฏิเสธ? หากปฏิเสธไปนั้นก็คงจะเป็นการเสียมารยาท" โล่หวินหลานพูดด้วยแววตานิ่งเฉยแล้วมองไปทางเย่เซียวหลัว จากนั้นก็พูดขึ้นต่อ "ในเมื่อพระชายเวินอ๋องก็กล่าวไว้แล้ว ว่านี่คือการแข่งม้า หากไม่มีรางวัลเป็นเดิมพันนั้น มันคงไม่สนุกแน่ และก็คงไม่สนุกเช่นเดียวกัน หม่อมฉันว่าเช่นนี้ดีไหมเพคะ หากใครแพ้ต้องรับปากและทำตามสิ่งที่คนชนะขอเอาไว้ และต้องปฏิบัติตามอย่างดี ห้ามปฏิเสธ"
เย่เซียวหลัวแววตาเปร่งประกายทันที สิ่งที่นางต้องการก็คือเช่นนี้ หากให้องค์หญิงของแคว้นๆหนึ่งคอยทำตามคำสั่ง แค่คิดนางก็รู้สึกสะใจยิ่งนัก
"ดี การแข่งขันควรมีการเดิมพัน งั้นก็ตกลงตามที่องค์หญิงรับสั่ง" เย่เซียวหลัวพยักหน้า แล้วยิ้มอย่างมั่นใจ
ผู้คนมากมายเป็นพยานให้นาง และการเดิมพันก็เป็นสิ่งที่องค์หญิงเหอซื่อเสนอขึ้นมาเอง นางอยากให้นางทำอะไรก็ได้ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เผยออกมา
สายตาของคนรอบข้างต่างจับต้องมองดูอย่างเงียบสงบ แต่ในใจของพวกเขาตอนนี้นั้นช่างร้อนรุ่ม พวกเขาไม่เข้าใจว่าโล่หวินหลานกำลังคิดสิ่งใดอยู่ หากนางไม่มีความมั่นใจว่าตนเองจะชนะ นางจะรับปากไปทำไม อีกอย่างยังยื่นข้อเสนอเช่นนั้นอีก?
บริเวณโดยรอบนั้นไม่มีสนามแข่งม้า เป็นเพียงพื้นที่ราบที่ถูกหิมะปลกคลุมก็เท่านั้น ซึ่งตอนนี้ก็เต็มไปด้วยหิมะแล้ว
ถึงแม้บางครั้งจะเห็นรอยเท้าม้าบ้าง แต่นั่นก็ช่างน้อยนิดเหลือเกิน ไม่นานทั้งสองนางก็เดินจูงม้ามา จากนั้นก็เริ่มขึ้นหลังม้าแล้วขี่ไปด้วยความรวดเร็ว จนได้เสียงของเท้าม้าที่ถีบลงพื้น
คนที่มาถึงที่แห่งนี้ก่อนคือฮ่องเต้เจียเฉิง เขาขี่ม้ามาอย่างสง่างาม เมื่อเห็นภาพแข่งม้าที่ดุเดือดตรงหน้านั้น ก็ได้ทิ้งอาวุธล่าสัตว์ในมือลงพื้นอย่างเลือดร้อน จากนั้นจ้าวกงกงก็ได้เก็บขึ้นมา
"พวกเจ้าทำอะไรกัน? แข่งม้างั้นหรือ?" ฮ่องเต้มองดูเย่เซียวหลัวสลับกับองค์หญิงเหอซื่อ แววตาของเขาช่างแข็งกร้าว
คนที่ตามมาด้านหลังฮ่องเต้เองก็ได้หยุดฝีเท้าลงกันหมด นางทั้งสองไม่ได้ต้องการจุดจบเช่นนี้ ไม่ต้องการที่จะทำให้ฮ่องเต้นั้นเสียพระทัย
เย่เซียวหลัวนิ่งไปชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นก็ดึงสติกลับมา
"กลาบทูลเสด็จพ่อ ในเมื่อมาถึงเขตล่าสัตว์แล้ว หากไม่มีการแข่งม้าก็คงจะเป็นการมาเสียเปล่า ดังนั้นหม่อมฉันจึงได้ปรึกษากับองค์หญิงเหอซื่อ สิ่งสำคัญที่สุดคือสนุกก็เพียงพอแล้วเพคะ" เย่เซียวหลัวตอบด้วยแววตาจริงจัง นางซ่อนแววตาเจ้าเล่ห์นั้นไว้เป็นอย่างดี
"หืม? เป็นเช่นนี้หรือ? ชายาเวินอ๋อง ฝีมือการขี่ม้าของเจ้าเองก็ไม่เป็นสองรองใคร แห่งไม่อาจรู้ได้ว่าฝีมือการขี่ม้าขององค์หญิงเหอซื่อนั้นเป็นเช่นไร หากไม่ต้องการแข่งขันก็ไม่เป็นไรหรอก สามารถหาคนอื่นมาแข่งขันแทนได้" ฮ่องเต้เจียเฉิงกระโดดลงมาจากหลังม้า จากนั้นก็โยนกระเป๋าเป้ของเขาให้กับจ้าวกงกง
เขาค่อยๆเดินมาทีละก้าวไปยังเก้าอี้มังกรของตน แล้วนั่งลงอย่างสง่างาม
เมื่อมองเช่นนี้แล้ว เดาได้ว่าฮ่องเต้เองก็สนใจการแข่งม้านี้เช่นเดียวกัน ประจวบเหมาะกับการออกมาล่าสัตว์ เขาเองก็อยากให้คนของแคว้นเซิ่งโจวรู้ว่าแคว้นของตนนั้นดีแค่ไหน เพื่อให้พวกเขายินยอมที่จะคอยรับใช้แคว้นโม่ฉีด้วยใจจริง
"ฮ่องเต้ หม่อมฉันเรียนขี่ม้าตั้งแต่เยาว์วัย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ขี่มาหลายปี แต่ก็ยังคงมีความคุ้นชินอยู่บ้าง หม่อมฉันสามารถแข่งม้ากับพระชายาเวินอ๋องเพื่อความสนุกได้เพคะ" โล่หวินหลานครุ่นคิด จากนั้นก็ตอบไป สายตาของนางปรายตามองโม่ฉีหมิงอย่างไม่อาจควบคุมได้
ตอนนี้ใบหน้าของเขาไม่แสดงอารมณ์ใด แววตาคู่นั้นช่างยากที่จะคาดเดา ไม่อาจรู้ได้ว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
แต่มีอย่างหนึ่ง ที่ตัวเขารู้ดีที่สุด นั่นก็คือสองมือที่ไคว่อยู่ด้านหลังของตนเองนั้น กำลังจะฉีกเสื้อผ้าออกเป็นชิ้นๆแล้ว
โล่หวินหลาน หากเจ้าจะแข่งขันโดยไม่คิดถึงชีวิตของตนเองก็ลองดู
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก