ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 245

ตอนที่ 245 เดาไม่ถูกว่านึกอะไรอยู่

ก็พานางเดินออกมาเฉยๆเยี่ยงนี้ น่าจะเป็นความน่ากลัวของลมมรสุม หลายปีที่ผ่านมา นางคงได้เห็นถึงวิธีต่างๆที่บ้าอำนาจของโม่ฉีหมิง

เขารู้โดยตลอดว่าสิ่งใดจะเป็นสิ่งที่ทำร้ายชีวิตของคนแบบใด

บังเอิญมากที่โล่หวินหลานไม่เก่งในด้านนี้

โล่หวินหลานพิงอยู่บนตัวของเขา นัยน์ตาเปล่งประกายออกมา และแสดงท่าทางที่ดูอ่อนแอและต้องการที่พึ่งเป็นอย่างมาก สายตาของนางจับจ้องไปยังโม่ฉีหมิง

“หมิงอ๋องเจ้าค่ะ ท่านอยากรู้จริงๆหรือว่าเวินอ๋องคุยอะไรกับข้าบ้าง?” โล่หวินหลานลืมตาตนเองโตๆ และใช้สีหน้าแปลกๆมองเขา “นั่นข้าจะบอกท่านเอง ท่านยื่นหูมาใกล้ๆหน่อย”

โม่ฉีหมิงยื่นหน้าไปใกล้นางแบบไม่คิดอะไรใดๆ หน้าข้างอันหล่อคมของเขาโผล่มาอยู่ในสายตาของโล่หวินหลาน ใบหน้าอันคุ้นเคยของเขาเป็นความทรงจำสำคัญนางมาก วันนี้ ได้พบเจอกันและจำกันไม่ได้

เห็นเขาไม่ได้มีจิตใจที่จะต่อต้านเลย โล่หวินหลานใช้แรงเหยียบลงบนเท้าของเขาเต็มๆ แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะยกเท้าของตนเองแล้วหลบไป

โล่หวินหลานเหยียบเจอแต่ความว่างเปล่า

“องค์หญิงจะพูดอะไรกันแน่ ทำไมข้าไม่ได้ยินอะไรเลย?” โม่ฉีหมิงยิ้มออกมาแบบมีลับลมคมใน

คำพูดของเขาทำให้โล่หวินหลานฟังแล้วเหมือนกำลังประชดประชัน รู้อยู่แล้วว่านางพูดอะไร ยังเหมือนมาแกล้งถาม

“หมิงอ๋อง ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวินอ๋องคุยอะไรกับข้า ไปถามเขาด้วยตนเองไม่ดีกว่าหรือ ข้าคิดว่าพี่น้องกัน เขาก็คงเต็มใจจะบอกท่าน” โล่หวินหลานพูดเรื่องนี้ยังไม่จบก็พูดขึ้นอีกเรื่อง ตั้งใจบอกถึงความสัมพันธ์ของเขากับเวินอ๋อง

นึกไม่ถึงเลยว่า พอโล่หวินหลานพูดจบ ทีแรกโม่ฉีหมิงไม่ยอมปล่อยนางออกจากมือของเขากลับค่อยๆปล่อยนางออก นางได้หลุดออกมาจากอ้อมกอดของเขา

นางหลุดจากอ้อมกอดของเขา ถึงแม้โม่ฉีหมิงจะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เขายังคงทำหน้านิ่งและดูเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง และพูดขึ้น “ดี นั่นข้าไม่ถามเจ้าเรื่องนี้ เมื่อครู่เจ้าพยายามแข่งขี่ม้าให้ชนะ และยังพูดเรื่องนี้ขึ้นต่อหน้าฮ่องเต้ เจ้าต้องการอะไรกันแน่?

เขารู้จักโล่หวินหลานเป็นอย่างดี ถ้าอะไรที่นางอยากได้ ทำยังไงก็ได้นางก็จะแย่งมันมาให้ได้

ถ้าโม่ฉีหมิงยังดูออก คนอื่นก็คงจะดูออกด้วยเช่นกัน นางต้องการของบางอย่างจริงๆ แต่นางได้พนันกับพระชายาเวินอ๋องก่อนแล้ว มันอาจจะไม่ได้มาง่ายๆ

“หมิงอ๋อง พระชายาเวินอ๋องยอมแพ้แล้ว นางกลับแพ้ข้าจริงๆ นางสัญญากับข้าว่าจะช่วยข้า และขอให้หมิงอ๋องอย่ากังวลไปเลย” โล่หวินหลานไม่อยากใกล้ชิดกับโม่ฉีหมิงในช่วงเวลานี้ อยากจะทำให้คนอื่นสงสัยได้

พูดจบ นางหันหลังกลับไปแล้วเตรียมตัวจะเดินไปข้างหน้า แต่โม่ฉ๊หมิงจะยอมปล่อยนางไปอย่างง่ายๆแบบนี้เลยหรือ ไม่ง่ายเลยที่ทั้งสองจะมีเวลาพูดคุยกันตามลำพัง ทำไมนางต้องหลบซ่อนตนเองแบบนี้ด้วยหรือ?

ถ้านางยังมีชีวิตอยู่ ทำไมนางต้องหลบเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้ และเดินจากไปเยี่ยงนี้?

“หยุดเดี๋ยวนี้” โม่ฉีหมิงยื่นมือไปจับแขนนางไว้ แขนที่อ่อนแอไร้กำลังต่อต้านของนางถูกจับไว้แน่นๆ

อำนาจและกำลังที่คุ้นเคย แค่หันหลังไปก็เป็นคนที่คุ้นเคยแล้ว โล่หวินหลานขยับริมฝีปากเบาๆ เกือบเรียกชื่อของเขา ยังดีที่ตนเองยังห้ามปากตนเองทัน

โล่หวินหลานใจเต้นรัวๆ แต่เต้นรัวๆไปสักพักก็สงบลง และมองมือที่จับอยู่บนแขนนางด้วยหางตา และพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำ “หมิงอ๋องมีอะไรจะพูดก็พูดดีๆไม่ได้หรือ? ต้องคุยกับข้าด้วยวิธีแบบนี้ด้วยหรือ?”

โม่ฉีหมิงจับจ้องโล่หวินหลานเหมือนสงสัยอะไร และหาความว้าวุ่นที่แสดงออกจากนัยน์ตาของนาง แต่สุดท้ายความรู้สึกที่ได้รับที่แววตาที่ไม่พอใจ

หิมะที่หนาวเย็นลอยไปลอยมาอย่างหนัก โม่ฉีหมิงกระตุกมุมปากของตนเองขึ้น และค่อยๆปล่อยมือของตนเองลง

“เจ้าไม่ใช่นาง?” โม่ฉีหมิงทำสีหน้าเย็นชา คิ้วที่ดูเลือดเย็นได้ขมวดขึ้นเป็นปม และพูดเองเออเองด้วยความสงสัย

โล่หวินหลานสะบัดมือของเขาออก สติเหมือนกำลังจะเลอะเลือน ช่วงเวลานี้ นางอยากบอกตัวตนของตนเองให้โม่ฉีหมิงรู้มากๆ

“ข้า……” โล่หวินหลานขยับริมฝีมืออันแดงฉ่ำ จู่ๆข้างหลังนางกลับมาเสียงแทรกเข้ามาจนทำให้นางต้องหยุดพูด

“น้องสี่กับองค์หญิงเหอซื่อทำอะไรกันที่นี่? ทุกคนเขาเล่นกันสนุกสนานอยู่ด้านนอก พวกเจ้าโดดเดี่ยวเกินไปหรือป่าว?” องค์รัชทายาทจับธนูไว้

อาจจะเป็นเพราะว่าข้างนอกร้อนเกินไป หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ ทำให้ผมดำเงาของเขาเปียกไปหมด

เขาดูมีสง่าและวีรบุรุษมากๆ มือของเขาที่ถือธนูไว้ทำให้เขามีกล้าหาญ ตอนนี้เขาดูดีจนมิอาจบรรยายได้

“องค์รัชทายาทเจ้าค่ะ” โล่หวินหลานคารวะเขาตามมารยาทของแคว้นเซิ่งโจว สายตาของนางมองไปยังพื้น

และโม่ฉีหมิงกลับพิงอยู่ข้างๆผนังอย่างขี้เกียจ และมองแขกไม่รับเชิญอย่างไม่พอใจ

“ข้ากำลังจะไปเจ้าค่ะ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเจอหมิงอ๋อง เลยคุยกันหน่อยๆ ไหนๆองค์รัชทายาทก็มาแล้ว นั่นเหอซื่อขอตัวก่อนเจ้าค่ะ” โล่หวินหลานกำลังจะหันหลังเดินออกมา แต่กลับโดนองค์รัชทายาทเรียกให้หยุด

“องค์หญิงเหอซื่อ รีบไปไหนล่ะ กลับคนเดียวมันน่าเบื่อจะตาย ไม่เยี่ยงนั้นก็นั่งลงมาคุยกันดีกว่าไหม?” องค์รัชทายาทนั่งอยู่ในศาลา ข้างๆของเขามีบ่าวกำลังจะเทเหล้าร้อนๆให้เขา

เขาก็ทำท่าทางให้บ่าวอีกฟากเทนมเหล้า ความหอมของนมกับเหล้าผสมกัน มันทำให้หอมจนติดจมูกเลยจริงๆ

ความหอมที่คุ้นเคยแบบนี้ทำให้โล่หวินหลานนึกถึงครั้งแรกที่นางมาถึงเรื่องเมืองหลวงองค์รัชทายาทสั่งคนเทดื่มผสมเหล้าให้นางดื่ม

วันนี้มันยังคงจดจำในใจของนางไว้เสมอมา

บ่าวเทนมกับเหล้าเสร็จแล้วถอยกลับไป เหล้าที่เต็มไปด้วยกลิ่นน้ำนมได้หมุนอยู่ในแก้วไปสักพัก แล้วก็เงียบสงบลง

“องค์หญิงยังจำได้ครั้งแรกที่มาถึงโม่ฉีมีข้าไปคอยต้อนรับ ตอนนั้นก็ดื่มเหล้าผสมนมแก้วนี้เลย คิดว่าองค์หญิงเหอซื่อคงไม่ลืมกลิ่นนี้ใช่หรือไม่?” องค์รัชทายาทลื้อฟื้นเรื่องที่ผ่านมา และตั้งใจพูดเรื่องนี้ออกมาต่อหน้าของโล่หวินหลาน

วันนี้ องค์รัชทายาทได้พูดถึงเหล้าผสมนมที่แอบใส่ยาแก้วนั้นมันหมายความว่าอะไร? หรือเขาอาจจะไม่รู้เลยว่าเหล้านั้นถูกคนแอบใส่ยาเข้าไป?

ไม่ องค์รัชทายาทจะไม่รู้ได้เยี่ยงไร ฟังจากน้ำเสียงของเขาแล้ว เขาอาจจะเป็นคนที่รู้เรื่องมากที่สุด แค่เรื่องมันไม่เกี่ยวข้องกับเขาเท่านั้น

โล่หวินหลานจับจุดไม่เจอจริงๆเลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ สีหน้าของเขาก็ยังคงนิ่งเฉยเหมือนเดิม

“เหล้าผสมนมที่องค์รัขทายาททรงประทานให้ก็ไม่เหมือนกับของคนอื่นโดยธรรมชาติ อร่อยมากๆ” โล่หวินหลานพูดขึ้นมาเป็นคำๆ

แต่ว่า โม่ฉีหมิงกลับหันกลับไปมองโล่หวินหลาน นัยน์ตาของเขาเปล่งประกายว่าเขาไม่น่าเชื่อเลยว่านางจะเคยดื่มเหล้าผสมนม?

“ถ้าองค์หญิงเหอซื่อคิดว่ามันอร่อย นั้นก็ไม่ต้องเกรงใจใดๆ แคว้นโม่ฉีเป็นที่ๆผลิตเหล้าผสมนม อยากดื่มเท่าไหร่ก็เอาตามใจต้องการเลย” องค์รัชทายาทหันมาพยักหน้าใส่นาง และยกเหล้าผสมนมร้อนๆมาดื่มเอง

บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความหนาวเย็น ทั้งสามอยู่ในศาลาต่างมีเรื่องจะกำลังคิดจะทำ ทุกอย่างต่างก็อยู่ในสถานการณ์เงียบๆและกำลังมองคนๆหนึ่ง

คนที่ได้รับความสนใจที่สุดก็คือโล่หวินหลาน

ถ้าเป้าหมายขององค์รัชทายาทคืออยากให้ทดสอบว่าตนเองเคยดื่มเหล้าผสมนมหรือไม่ ก็ดูว่านางจะป่วยหรือไม่

แต่ว่าตนเองไม่เคยป่วยมานานแล้ว อีกอย่างยังจะยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขาโดยไม่เป็นอะไร หรือว่าองค์รัชทายาทคงอยากจะพิสูจน์ว่าตนเองจะรู้หรือไม่ว่ามีคนวางยาลงไป

ถ้าเป็นเยี่ยงนี้จริงๆ นางคงต้องทำเป็นไม่รู้เรื่องใดๆ

โล่หวินหลานยิ้มแล้วพยักหน้า “ขอบพระคุณองค์รัชทายาทเป็นอย่างมาก

ยกมือและยกแก้วขึ้น และดื่มยกแก้วให้หมด

ความหอมของเหล้าผสมนมนั้นกระจายเต็มปากของนาง ลิ้นนางได้ลิ้มรสของเหล้าและนมได้อย่างดี ทั้งสองอย่างนี้เข้ากันอย่างดีมาก ปลายลิ้นของนางได้สัมผัสถึงรสชาติที่อร่อยและรู้ว่าไม่มียาพิษอะไรผสมอยู่

ดูๆแล้วองค์รัชทายาทคงอยากรู้ทดลองตนเองว่านางสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าเหล้าผสมนมมีอะไรซ่อนอยู่

“องค์รัชทายาท เจ้าหญิงเหอซื่อคือแขกที่มาจากแดนไกล เหล้าผสมนมที่แคว้นเซิ่งโจวมิใช่ว่าจะไม่มี เอาอย่างอื่นมาถวายดีกว่า” น้ำเสียงของโม่ฉีหมิงเย็นชาขึ้น

ตอนแรก เขาให้องค์รัชทายาทดื่มเหล้าผสมนมที่วางยากไว้ ตอนนี้เขาได้ค้นพบความลับนั้นยิ่งอยู่ยิ่งลึกลับ รู้ว่าตนเองอาจจะจำผิดคน เลยรีบคืนคำพูดของตนเอง

องค์รัชทายาทค่อยๆหันหน้าไปมองโม่ฉีหมิง ทั้งสองคนสบตากัน และนัยน์ตาเปล่งประกายออกมา

“น้องสี่ เจ้าพูดแบบนี้ไม่ได้ เหล้าผสมนมเป็นการต้อนรับแขกของพวกข้า ดื่มให้เวลาที่ต่างกันก็จะมีความรู้สึกที่ต่างกันออกไป” องค์รัชทายาทค่อยๆเชิดหน้าใส่โม่ฉีหมิง และพูดขึ้น

โม่ฉีหมิงยิ้มแห้งๆ ทั้งสองไม่ถูกกันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆก็รู้ แต่ยังไงสำหรับภายนอกแล้วพวกเขาก็ยังเป็นพี่น้องที่รักกัน

ดังนั้นคนมากมายไม่มีใครมองออกเลย มีแค่โล่หวินหลานเท่านั้นที่สามารถมองพวกเขาออก

องค์รัชทายาทอยากจะพูดอะไรอีก แต่ยังไม่ได้เอ่ยปากบอก ได้แต่ยิ้มแล้วมองโม่ฉีหมิงเหมือนเยาะเย้ย

“องค์หญิงเหอซื่อ เจ้ารู้สึกเยี่ยงไร?” องค์รัชทายาทแตะลูกบอลให้โล่หวินหลาน และขมวดคิ้วมองนาง

รสชาติของเหล้าผสมนมยังคงอยู่ตรงปลายลิ้นของนาง โล่หวินหลานยิ้มแล้วพยักหน้า “ข้ารู้สึกว่ารสชาติของเหล้านมนี่เยี่ยมจริงๆ องค์รัชทายาทก็รู้สึกเช่นกันหรือไม่?”

ทั้งๆที่รู้ว่าปัญหาของทั้งสองคนไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งนี้ แต่โล่หวินหลานก็เหมือนจะพยายามจะดึงเข้าประเด็นนี้ ตอนนี้องค์รัชทายาทรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก และเขากำลังสังเกตความสามารถในการตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างของโล่หวินหลาน

เขาทั้งสามคุยไปคุยมาก็เข้าถึงประเด็นเหล้าผสมนมนี่อีกครั้ง ใจของทั้งสามจริงๆไม่ได้อยู่กับสิ่งนี้แล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าแสดงความจริงออกมา

ครั้งนี้ที่พูดคุยกัน ทำให้รู้สึกเหนื่อยมาก

“องค์หญิงเหอซื่อ เมื่อครู่ข้าเห็นฝีมือการขี่ม้าของเจ้ายอดเยี่ยมจริงๆ มิรู้ว่าฝีมือการยิงธนูจะเป็นเยี่ยงไร? ไม่ฉะนั้นพวกข้าไปแข่งยิงธนูกันเถอะ?” องค์รัชทายาทหันหน้ากลับไปมองโล่หวินหลานแล้วพูดขึ้น

ในน้ำเต้าของเขามียาอะไรใส่ไว้ในนั้น? โล่หวินหลานยิ่งอยู่ก็ยิ่งไม่เข้าใจเขา

ก่อนอื่นคือเรื่องของเหล้าผสมนม ตอนนี้ยังทำเป็นจะมาใกล้ชิดกับนาง หรือว่าเขาทำพวกนี้เมื่อจะให้โม่ฉีหมิงดู?

แต่ว่าองค์รัชทายาทไม่รู้สักอย่างว่านางเป็นใครกันจริงๆ และองค์หญิงเหอซื่อไม่ได้มีเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขา ทำไมพวกเขาถึงยุ่งกับนางแล้วไม่ยอมปล่อยนางไปไหน?

อีกอย่าง ทุกคนก็รู้กันหมดแล้วนางเป็นองค์หญิงที่ไม่ได้รับการโปรดปรานในแคว้นเซิ่งโจว วันนี้ได้มาถึงแคว้นโม่ฉีมาหาคู่สมรส ก็เป็นเรื่องที่นางไม่เต็มใจด้วยเช่นกัน ถ้าใครสมรสกับนาง นั่นก็คือเรื่องที่โชคร้าย

โล่หวินหลานคิดๆดูแล้ว และตอบกลับว่า “องค์รัชทายาท ฝีมือการขี่ม้าของข้าแค่ธรรมดาๆ ฝีมือยิงธนูนั้นไม่ไหวเจ้าค่ะ อาจจะได้แค่ดูองค์รัชทายาทยิง ท่านกับหมิงอ๋องแข่งกันเองเถอะเจ้าค่ะ”

โม่ฉีหมิงที่ยืนอยู่เงียบๆฟังทั้งสองคุยก็ได้เอ่ยปากพูดสักที นัยน์ตาของเขาไม่ได้สื่อให้เห็นอาการใดๆ เขาค่อยๆลุกขึ้น ร่างอันสูงใหญ่ของเขาบดบังโล่หวินหลานไว้ ทำให้เกิดเงาอันมืดมัว

“ข้ายังมีธุระ ข้าไม่ไปแล้ว” สายตาของโม่ฉีหมิงจับจ้องไปยังโล่หวินหลาน แต่สายตาคู่นั้นก็กวาดไปมองที่อื่นอย่างรวดเร็ว

แขนเสื้อของเขาสะบัดขึ้น เขาเดินจากไปแบบจากศาลาโดยไม่หันหลังกลับมา

เหลือแค่โล่หวินหลานกับองค์รัชทายาทเพียงสองคน บรรยากาศนั้นเต็มไปด้วยความหนาวเย็น รอยยิ้มขององค์รัชทายาทค่อยๆเบาลง และดูเย็นชามากขึ้นไม่เหมือนเมื่อกี้ที่เต็มไปด้วยความชื่นบาน

“องค์หญิงเหอซื่อถ้ามีธุระจริงๆ เจ้าก็กลับไปก่อนก็ได้ รอครั้งหน้าถ้ามีโอกาส เราค่อยมาแข่งธนูกัน” องค์รัชทายาทเห็นโม่ฉีหมิงจากไป ก็อยากจะออกจากที่นั่นด้วยเช่นกัน

ที่แท้เป้าหมายของเขาไม่ใช่ตนเองกลับเป็นโม่ฉีหมิง

ดูๆแล้วเหมือนองค์รัชทายาทกับโม่ฉีหมิงเหมือนกำลังเล่นเกมไล่ตามกันอยู่ ตนเองก็เป็นแค่สื่อกลางในการพูดคุยของพวกเขา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก