ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 246

ตอนที่ 246 ล้มม้าท่ามกลางหิมะ

จริงๆองค์รัชทายาทแค่อยากจะสืบหาว่าโม่ฉีหมิงได้คุยกับอะไรกับตนเอง แข่งยิงธนูเป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้น

คนที่เขาเป็นห่วงที่สุดก็คือโม่ฉีหมิง ถ้าตนเองยังคงเดินอยู่ใกล้ๆกับเขาอยู่เรื่อยๆ คนอื่นก็จะสงสัยตนเองอย่างแน่นอน

ถ้าสร้างความสนใจให้คนอื่นมาสนใจตนเองมากขึ้น ก็จะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปจากที่แรกที่ตนวางแผนไว้

แต่ว่าเป้าหมายขององค์รัชทายาทนั้นชัดเจนมาก นางจะไม่ไปบอกเตือนโม่ฉีหมิงไม่ได้ ต้องทำเยี่ยงไรจึงจะเตือนเขาได้ล่ะ?

ถ้าไม่ได้ทำให้คนอื่นมาสนใจ มันก็คงไม่ทำงานโม่ฉีหมิงมารู้จักตนเองหรอก?

กำลังคิด ค่อยๆเดินออกมาจากศาลา ตรงคอกม้ามีเรื่องทหารตะโกนเสียงดังอย่างน่าตกใจขึ้น “ช่วยด้วย องค์ชายคนที่สิบเจ็ดตกลงมาจากม้า!ช่วยด้วย!”

เสียงคนที่ไปช่วยดังขึ้นอย่างวุ่นวาย มีทั้งเสียงขี่ม้า และตีม้า และเท้าเดิน เสียงพวกนี้ปะปนอยู่ด้วยกัน ทุกคนต่างตื่นเต้นปกันหมด

โล่หวินหลานได้ยินที่เขาเรียก ก็กะจะพุ่งเข้าไปรักษาองค์ชายสิบเจ็ด มองไปที่ไกลๆ มีร่างใหญ่ที่สวมใส่ชุดสีน้ำเงินล้มลงกับพื้น ในใจของนางพึ่งนึกได้ว่าตัวเองเป็นองค์หญิงของแคว้นเหอซื่อ และห้ามตื่นตระหนกเกินไป

ฝีเท้าของนางได้หยุดให้ช้าลง แต่ว่านางเป็นหมอ ไม่ควรที่จะทำอะไรไม่เหลือสัจธรรมและหน้าตาของหมอ เห็นคนอื่นกำลังจะตายแต่กลับไม่ไปช่วย ไม่ใช่เป็นสิ่งที่นางเองสมควรจะทำ

“หลัวอ๋องตกลงมาจากม้านั่นหรือ? เจ้าเจิ้ง เจ้าไปเรียกหมอหลวงทั้งหมดมา และให้รออยู่ในตำหนัก และนำตัวของหลัวอ๋องกลับไปในพระราชวังเดี๋ยวนี้ ห้ามทำอะไรผิดพลาดเด็ดขาด” ฮ่องเต้เจียเฉิงสั่งการเสร็จ และรีบขี่ม้าพุ่งหน้าไปยังทิศทางที่หลัวอ๋องอยู่

“เสด็จพ่อขอรับ ลูกมาแล้ว ลูก ลูกผิดเองที่ทำอะไรไม่ได้การ ที่ไม่สามารถยิงสุนัขจิ้งจอกมาทำเป็นผ้าห่มให้เสด็จพ่อได้ แต่ว่า แต่ว่าต้องมีสักวัน ที่ลูกจะสามารถทำได้” หลัวอ๋องอดทนความเจ็บปวดแล้วพูดขึ้น น่องของเขาได้รับบาดเจ็บอย่างแสนสาหัส

หยาดเหงื่อค่อยๆไหลออกมาจากหน้าผากของเขา เสื้อขนสัตว์และเส้นผมของเขาเต็มไปด้วยเกล็ดหิมะ

ดูๆไปอีกครั้ง ท่อนขาของเขาได้งอขึ้น มันชัดเจนเลยว่านี่เป็นการได้รับบาดเจ็บจากการตกจากม้า ขาทั้งสองข้างของเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ฮ่องเต้รู้สึกเจ็บปวดใจที่เขาตกจากม้าแล้ว ยังอุตส่าห์ทนกับความเจ็บปวดเพื่อพูดถึงคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับท่านพ่อของตนเอง และเขาจึงยื่นมือไปปัดเกล็ดหิมะออกจากผมของเขา

“ท่านพ่อรู้ว่าเจ้าเป็นลูกที่กตัญญูที่สุด” เสียงของฮ่องเต้เจียเฉิงแสดงให้เห็นว่าเขายังคงเป็นห่วง คิดๆดูแล้ว มีแค่หลัวอ๋องที่เขารักและเอ็นดูที่สุด

คนข้างๆดูแล้วรู้สึกเกลียดขึ้นมาทันที พวกเขาไม่เคยได้สัมผัสถึงความรักเยี่ยงนี้จากท่านพ่อเลย แต่หลัวอ๋องกลับได้รับทั้งหมดเพียงคนเดียว

ฮ่องเต้เจียเฉิงพูดจบ ทหารค่อยๆยกหลัวอ๋องขึ้นไปตรงแคร่แล้วพูดขึ้น “ยกระวังๆหน่อย ส่งตัวหลัวอ๋องกลับไปในวัง ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกเจ้าโดนประหารชีวิตแน่”

ทหารกลัวจนหน้าผากเต็มไปหยาดเหงื่อ และทำตามคำบังคับบัญชาทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง

ในสนามขี่ม้านั้นไม่มีใครอยู่แม้แต่สักคน ทุกอย่างติดตามรอยเท้าของฮ่องเต้กลับไปยังราขวัง

หลัวอ๋องถูกส่งไปยังห้องของเขา ครั้งนี้พวกเขาเรียกหมอหลวง 5 ท่านมาทำการรักษา ทุกท่านก็เป็นหมอหลวงที่ชำนาญ มีฝีมือและมากประสบการณ์

“ทำไมอยู่ดีๆหลัวอ๋องถึงได้ตกลงมาจากม้าล่ะ? ตกลงมาได้เยี่ยงไร เจ้าเล่ามาเดี๋ยวให้ข้าฟังเดี๋ยวนี้” ฮ่องเต้เจียเฉิงอยู่ในตำหนักหลัก หน้าทหารที่ติดตามหลัวอ๋องมาตลอดเดินมาเลยถามขึ้น

เหล่าบรรดาพระชายาและบรรดาพระราชโอรสต่างนั่งคอยอยู่ข้างๆ ขนาดโล่หวินหลานเป็นคนนอก ยังอยู่ในนั้น ดูๆแล้ว ฮ่องเต้เจียเฉิงให้ความสำคัญกับเรื่องที่หลัวอ๋องตกจากม้าเป็นอย่างมาก

ทหารที่คอยติดตามหลังอ๋องทูลกลับอย่างติดๆขัดๆ “ทูลฮ่องเต้ ตอนนั้นข้าน้อยมิได้อยู่เคียงข้างหลังอ๋อง ดัง ดังนั้นข้าไม่รู้……”

เรื่องมันเกิดขึ้นกะทันหันมากๆ เขาไม่สามารถติดตามหลัวอ๋องตลอดเวลา บังเอิญตอนที่หลัวอ๋องตกจากม้าเขาไม่เห็นพอดี

นึกไม่ถึงว่าฮ่องเต้กลับโมโหขึ้นมา และพูดขึ้นอย่างแทงใจดำ “มีเจ้าไว้ทำไม? ขนาดเจ้านายตนเองยังดูแลไว้ไม่ดี ทหาร ลากตัวมันออกไปตีสัก 50 ที และไล่ออกจากตำหนักหลัวอ๋อง”

ฮ่องเต้หลัวอ๋องไม่ให้แม้แต่โอกาสที่จะให้เขาถาม แต่กลับโดยลงโทษอย่างแสนสาหัส ทุกคนดูๆแล้วต่างก็แอบขนลุก

“ตอนที่หลัวอ๋องตกจากม้า มีคนอยู่ข้างเขาบ้างหรือไม่? ฮ่องเต้เจียเฉิ่งมองข้างล่างที่ทหารคุกเข่าเรียงกับเป็นแถว สายตาของพวกเขากวาดไปมองที่อื่น ไม่มีใครมีอะไรจะพูดเลย

ดวงตาของฮ่องเต้เจียเฉิงเริ่มแสดงอาการโกรธ “ถ้าไม่มีใครเห็นเยี่ยงนี้ นั่นก็คงต้องถูกลงโทษด้วยกันหมด ขนาดคุ้มครองเจ้าของยังไม่มีความสามารถ ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้เป็นทหารอีกต่อไป” ฮ่องเต้เจียเฉิงลงโทษทุกคนให้ถูกตีคนละ 50 ครั้ง

“หลัวอ๋องตกจากม้าได้เยี่ยงไรกันแน่? ไม่มีใครรู้จริงหรือ?” สายตาของฮ่องเต้กวาดไปยังแต่ละคนที่อยู่ข้างล่าง ในสายตาของเขา ไม่มีใครจะเป็นคนที่ถามต่ถามอีกต่อไป

“ฮ่องเต้เจ้าค่ะ ทหารก็น่าจะมีเรื่องของตนเองต้องทำ ทหารคนนั้นไม่เห็นก็เป็นเรื่องปกติมากๆ อีกอย่างเป็นฤดูหนาวด้วย ไม่เยี่ยงนั้นรอหลัวอ๋องตื่นก่อนค่อยว่ากันอีกทีดีหรือไม่?” ฮองเฮาเย่หันหลังไปห้ามฮ่องเต้ นานแค่ไหนแล้วที่นางไม่เห็นฮ่องเต้โมโหได้ถึงเยี่ยงนี้

ในห้องมีหลัวอ๋องมีเสียงของหมอหลวงส่งเสียงออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่นาน มีหมอหลวงหนวดยาวขาวที่มีอายุน้อยได้เดินออกมารายการถึงความคืบหน้า

“ฮ่องเต้ขอรับ ท่อนขาขององค์ชายสิบเจ็ดหัก เกรงว่าหลังจากนี้คงเดินมิได้อีก ได้แค่ ได้แค่นอนและใช้ไม้เท้าในการประคับประคอง” หมอหลวงพูดไปและก้มหัวลงไป หน้าผามีเหงื่อไหลออกมาไม่หยุด

แต่ว่าผลสรุปได้แค่เยี่ยงนี้ นอกจากจะมีใครมีมากความสามารถเปลี่ยนแปลงได้

“เจ้าว่าเยี่ยงไรนะ? ขาของหลัวอ๋องหักนั่นหรือ? อนาคตได้แค่นอนอยู่บนที่นอนกับใช้ไม้เท้านั่นหรือ? เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้าไม่ได้พูดอะไรผิดไป?” ฮ่องเต้เจียเฉิงปริตามอง สายตาของเขาเปล่งประกายซึ่งความอันตรายออกมา

หมอหลวงเช็ดเหงื่อแล้วเช็ดเหงื่ออีก และก้มตัวลงอีกครั้ง “ทูลฮ่องเต้ เป็นเยี่ยงนั้น เป็นเยี่ยงนั้นขอรับ”

ทันใดนั้น บรรยากาศในตำหนักหลักเงียบสงบจนรู้สึกเหน็บหนาว เหล่าบรรดาองค์ชายทำสีหน้าที่แตกต่างกันออกมา เหมือนกำลังจะแย่งชิงอะไรบางอย่าง

โล่หวินหลานมองพวกเขาโดยผ่านกระบวนการคิดมาแล้ว รู้สึกเรื่องมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด

ในสนามขี่ม้านั้นก็มีแค่ม้าขององค์ชาย ได้รับการฝึกฝนและองค์ชายก็มีความสัมพันธ์กับพวกมันเป็นอย่างดี ไม่ใช่ว่าจะบ้าก็บ้าขึ้นมาเลย อีกอย่าง บนพื้นที่เต็มไปด้วยหิมะถึงแม้จะลำบากสักแค่ไหน ม้าก็คงมีความสามารถในการควบคุมได้เป็นอย่างดี ตกลงมาจากม้าก็ไม่ได้จะเกิดขึ้นง่ายๆ

การแข่งม้าของราชวงศ์ ยังไงก็ต้องมีการเตรียมการและป้องกันเป็นอย่างดี ทำไมถึงไม่มีคนคุ้มครองอยู่ ณ เวลานั้น?

เรื่องที่น่าสงสัยพวกนี้มันเป็นหลักฐานได้ชัดเจนเลยว่าการตกจากม้าครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าไปตรวจสอบดูแล้ว ยังไงก็หาคำตอบได้อย่างง่ายดาย

“หมอหลวงหลี่ เจ้าก็เป็นหมอที่อยู่ในสำนักการแพทย์มานานแล้ว ฝีมือการแพทย์ก็ไม่ธรรมดา ทำงานก็ขยันขันแข็ง และมีหลักการ ทำไมถึงพูดเยี่ยงนี้ออกมาได้? ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง จะมีวิธีอีกไหม หรือว่าไม่มีแล้ว?” แววตาที่เย็นชาของฮ่องเต้เจียเฉิงกำลังมองหมอหลวงหลี่ สายตานั้นเต็มไปด้วยแรงบังคับ

ถึงแม้จะรักษาไม่หายก็ต้องรักษาให้หาย

หมอหลวงหลี่รู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก พูดติดๆขัดๆจนมิกล้าพูดอะไรออก

ขาของหลัวอ๋องหักเป็นเรื่องจริง เขารักษาไม่หายก็เป็นความจริง จะต้องทูลฮ่องเต้กลับเยี่ยงไรดี?

ถ้าทูลกลับว่าสามารถรักษาให้หาย แต่สุดท้ายทำไม่ได้ นั่นก็จะเป็นความผิดที่ร้ายแรงเป็นอย่างมาก?

ถ้าทูลว่ารักษาไม่หาย คาดว่าตอนนี้คงไม่ได้มีชีวิตแล้ว

ตอนนี้เขาลำบากใจจนไม่รู้ว่าจะตัดสินใจเยี่ยงไร ต้วนกุ้ยเฟยจึงเอ่ยปากพูดแทนเขา “ฮ่องเต้เจ้าค่ะ หลัวอ๋องไม่ได้มีวิชาการต่อสู้ที่เก่งกาจ ทักษะการขี่ม้า การยิงธนูก็มิได้เก่งมาก ยังไงม้าก็มีอารมณ์ของมัย หลัวอ๋องตกลงมาจากม้าทุกคนก็ไม่อยากให้มันเกิด แต่ว่า เรื่องจริงมันเกิดขึ้นแล้ว ฮ่องเต้อย่าเครียดจนเสียสุขภาพเลยเจ้าคะ”

หมอหลวงหลี่เห็นเยี่ยงนี้แล้วเลยรีบทูลกลับ “ฮ่องเต้ขอรับ หลัวอ๋องขาหักอาจจะเป็นแค่อาการชั่วคราว เขาอาจจะมีโอกาสกลับมาเดินได้ใหม่ แค่หลัวอ๋องตั้งใจและขยันในการทำกายภาพบำบัด ข้าน้อยคิดว่าเรื่องเดินก็คงไม่ใช่เรื่องยาก”

ทั้งสองคอยช่วยกันเกลี้ยกล่อม ใครๆก็ดูออกเลยว่าเขาทั้งสองเป็นอะไรกัน

ตั้งแต่แรก หมอหลวงหลี่ก็คือคยของต้วนกุ้ยเฟย โล่หวินหลานยังจำได้ว่าตอนนั้นที่หลินอ๋องได้รับบาดเจ็บ หมอหลวงหลี่ก็พาคนอื่นมาต่อต้านนางไม่ให้รักษา

คนอย่างเขาที่แก่เฒ่าแล้วไม่มีใครเคารพ และยังชอบกลั่นแกล้งคนอื่น ชอบคิดว่าตนเองคือหมอหลวง ไม่แน่เรื่องพวกนี้อาจจะถูกวางแผนไว้หมดแล้ว

“ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าเจ้ากำลังพูดอะไรเรื่อยเปื่อยล่ะ เดี๋ยวก็บอกว่ารักษาไม่หาย เดี๋ยวก็บอกว่าวันข้างหน้าอาจจะมีโอกาสลุกขึ้นยืนได้ ข้าต้องเชื่อในคำๆไหนของเจ้า? หรือว่าตั้งแต่แรกเริ่มเจ้าก็โกหกเจ้า?” คำพูดของฮ่องเต้เจียเฉิงเหมือนธนูที่ยิงเข้าไปกลางใจชองเขา ทำให้หมอหลวงหลี่รู้สึกทรมาน

หมอหลวงหลี่ก้มลงมากราบคารวะ ทั้งตัวของเขาติดอยู่กับพื้น และร้องไห้ตะโกนเสียงดัง “ฮ่องเต้ขอรับ สิ่งที่ข้าพูดเป็นเรื่องทั้งหมด ขอแค่หลัวอ๋องขยันทำกายภาพบำบัด วันข้างหน้าอาจจะยืนได้อีกครั้ง

ต่อให้ใครหน้าไหนก็ตาม ไม่เคยมีใครกล้าโกหกฮ่องเต้

ฮ่องเต้เจียเฉิงพูดถึงขนาดนี้แล้ว หมอหลวงหลี่ยังไม่คิดจะสำนึกผิดและยังคงยืนหยัดในแบบนี้

แต่โล่หวินหลานไม่ได้เห็นว่าเป็นเยี่ยงนี้ ถึงแม้เมื่อครู่ได้เห็นบาดเจ็บของหลัวอ๋องเพียงแค่พริบตาเดียว และเห็นได้ไม่ค่อยชัดเจน แต่ดูจากความสูงในการตกลงมาจากตรงนั้นน่าจะเป็นแค่ขาหักธรรมดาเท่านั้น

ขาหักจนประสาทสัมผัสขาดก็คงเป็นไปไม่ได้ แค่ใช้ให้ถูกวิธี และฝึกฝนอย่างดี กลับมายืนได้อีกครั้งก็คงไม่ได้เรื่องยาก

แต่ว่าหมอผู้นี้ ก่อนหน้านี้กลับบอกว่าไม่มีทางรักษาให้หาย ตอนนี้กลับบอกว่ามีวิธีรักษา ทำให้คนฟังยากที่จะเชื่อว่าในคำพูดของเขา

“ฮ่องเต้เจ้าค่ะ ตอนข้าอยู่ในแคว้นเซิ่งโจวก็มักจะไปเรียนรู้วิชาการแพทย์กับอาจารย์ ตอนนั้นก็เคยเห็นอาจารย์เคยรักษาคนที่บาดเจ็บทางขา ข้าคิดว่าถ้าได้ ก็ลองให้ข้าลองรักษาหลัวอ๋องดู ดูว่าผลสรุปจะเหมือนกับที่หมอหลวงท่านนี้หรือไม่ คนรักษาเยอะขึ้น 1 คน พละพลังก็คงจะเยอะขึ้น” โล่หวินหลานยืนขึ้นมาจากที่นั่ง และปรับโทนเสียงของนางให้ฟังดูหนักแน่นแล้วพูดขึ้น

พอพูดจบ มือของโม่ฉีหมิงที่ถือแก้วเหล้าไว้ได้สั่นจนทำให้เหล้าหกกระจายออกมา ความเย็นนั้นสาดลงบนมือของเขา แต่เขากลับไม่รู้สึกอะไรเลย

ที่แท้องค์หญิงเหอซื่อเป็นวิชาการแพทย์ด้วย โม่ฉีหมิงกำลังมีความคิดอะไรบางอย่าง ถ้าวิธีการรักษาของนางเหมือนโล่หวินหลาน งั้นต้องเป็นนางอย่างแน่นอน

“ฉินหยิ่น เจ้าไปลองสืบดู องค์หญิงเหอซื่อแห่งแคว้นเซิ่งโจวเคยไปอยู่บนเขาเพื่อเรียนวิชาการแพทย์กับอาจารย์ท่านใดหรือไม่ ถ้ามี ก็ให้สืบเรื่องราวมาให้หมด ข้าต้องการทุกรายละเอียด” โม่ฉีหมิงกระซิบข้างหูฉินหยิ่นแล้วมอบหมายถึง น้ำเสียงของเขาไม่ได้ดูเหมือนจะตื่นเต้นใดๆ

“ขอรับ หลังจากที่ข้ากลับวังจะรีบไปจัดการขอรับ” ฉินหยิ่นพยักหน้า

ก่อนหน้านี้ถึงแม้จะรู้สึกว่าองค์หญิงเหอซื่อจะเป็นโล่หวินหลาน แต่ว่าในใจของเขาก็ยังคงมีคำถามค้างคา

ตอนนี้ ถ้าดูจากเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วความเป็นไปได้ก็ยิ่งสูงขึ้น โล่หวินหลานกลับแสดงท่าทางและความเคยชินเดิมๆ จนทำให้เขาได้เห็นความลับนี้

“มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ? องค์หญิงเหอซื่อ เจ้าเป็นการแพทย์หรือ?” ฮ่องเต้ถามขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

โล่หวินหลานพยักหน้า รู้ว่าฮ่องเต้เจียเฉิงเป็นคนขี้สงสัย และไม่เชื่อใครง่ายๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก