ตอนที่ 28 ประลอง
พอเห็นโล่หวินหลานทำท่ายิ้มอย่างมีเลศนัย สวินโม่พึ่งรู้สึกตัวว่ามีอะไรผิดปกติ แต่ถึงยังไงโล่หวินหลานก็เป็นภรรยาของโม่ฉีหมิง นางไม่ได้พูดอะไรแล้วเขาจะทำอะไรได้?
ชิ!!
พอคิดแล้วก็รู้สึกไร้สาระ ก็แค่ผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนหนึ่ง ไม่จำเป็นจะต้องใส่ใจขนาดนั้น
จึงสังเกตโล่หวินหลานอีกที สวินโม่ยิ่งมองด้วยสายตาถากถางมองขึ้น “ข้าได้ยินเย่หวินพูดว่าเจ้ากำลังหาวิธีรักษาท่านอ๋องอย่างนั้นหรือ?”
“เจ้าเคยเรียนการแพทย์หรือ? รู้ไหมว่าการวินิจฉัยคืออะไร?” ไม่รอให้โล่หวินหลานตอบ สวินโม่จึงถามขึ้นอีกรอบ นัยน์ตามีความโกรธเล็กน้อย ผู้หญิงที่สามีตัวเองกำลังป่วยยังมีเวลาออกไปเถลไถล ยังจะหวังให้นางรักษาอาการป่วยของท่านอ๋องหรือ?
เขาไม่พูดเรื่องอื่น พูดถึงเรื่องการรักษา พวกเขาแทบจะพลิกทั้งแผ่นดินหาหมอเทวดาแต่ก็ไม่มีใครสามารถรักษาได้ นางเป็นเพียงหญิงบอบบางนางหนึ่ง ที่อยู่ในวัยบานสะพรั่ง จะไปเรียนรู้อะไรเยอะแยะ?
โล่หวินหลานยกมุมปากขึ้น ไม่ปฏิเสธคำพูดจากสวินโม่ นางไม่เก็บมาใส่ใจหยิบขนมเข้าปากช้าๆ นัยน์ตาบรรจบลงที่สวินโม่ “ไม่รู้ว่าคุณชายสวินโม่ผู้เป็นเจ้าสำนักหวูอินโหลว มีการแพทย์ที่เก่งกาจ คิดเห็นอย่างไรกับอาการป่วยของท่านอ๋องอย่างนั้นหรือ?”
นางพูดอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก ไม่มองสวินโม่อยู่นาน มือหยิบของหวาน ท่าทางเนิบช้า
สวินโม่ถึงกับหน้าชา สายตามีแต่ความเจ็บปวด ใบหน้าและขาของเจ้านายเป็นความเจ็บปวดของเขามาตลอด ถึงแม้ว่าเจ้านายจะทำท่าไม่ค่อยใสใจ ไม่สนใจ แต่ลูกผู้ชายคนหนึ่ง แน่นอนว่าเขารู้ มีบางเรื่องที่ทำลายเกียรติศักดิ์ของผู้ชาย เช่นผู้ชายที่แข็งแกร่งมาตลอดอย่างเจ้านายของเขา
ถึงจิตใต้สำนึกจะคิดอย่างนั้น แต่ใบหน้าเขากลับไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา มีแต่น้ำเสียงเย็นเหยียบ น้ำเสียงคมชัด “ข้าเข้าใจดี แต่มีบางอย่าง ไม่ใช่ว่าเข้าใจแล้วจะเพียงพอ โล่หวินหลาน เจ้าคิดทำการใดอยู่กันแน่?”
โล่หวินหลานเงยหน้ามองเขา สายตาสังเกตไปที่เขาเล็กน้อย ครั้งที่แล้วเขาสัมผัสได้ว่าสวินโม่ปฏิบัติกับโม่ฉีหมิงไม่ใช่คนทั่วไปจะกระทำได้ ครานี้นางรู้แน่ชัดแล้วว่า สวินโม่คือคนในยุทธภพ ถึงจะสนิทกับโม่ฉีหมิงเพียงใดแต่ไม่น่าจะเป็นห่วงกันมากขนาดนี้
ฉะนั้นเรื่องนี้จึงมีเงื่อนงำอย่างมาก
สวินโม่จึงรู้สึกไม่พอใจโล่หวินหลานเป็นอย่างมาก ปากที่กำลังจะพูดจาถากถางนาง โล่หวินหลานจึงแทรกขึ้น “คุณชายสวิน ในเมื่อท่านมีความสงสัยต่อฝีมือการรักษาของข้า ถ้าอย่างนั้น เรามาประลองกันสักครั้งไหมท่าน?”
โล่หวินหลานลุกขึ้นช้าๆ พลางเอามือกอดอก ใช้ตามองสวินโม่ที่นั่งอยู่ข้างล่าง ชุดที่ใส่อยู่ดูจะเรียบๆ แต่ทำไมท่าทางรวมถึงคำพูดคำจาถึงคล้ายกับท่านอ๋องนัก
มีความรู้สึกเหมือนสูงส่งเทียมฟ้า อยู่สูงเหนือคนอื่น ดั่งเสือที่กระหายเลือด และยังเหมือนเสือล่าเหยื่อที่นิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว
โดยรวมแล้ว อันตรายไม่เบา
ทันใดนั้นก็มีเสียงล้อรถเข็นดังเข้าจากข้างนอก โม่ฉีหมิงกำลังค่อยๆหมุนรถเข็นออกมา
ทั้งสองต่างมองไปที่โม่ฉีหมิง โล่หวินหลานขมวดคิ้วที่งามดังคันศรขึ้น ก้าวไปข้างหน้าไปช่วยเขาเข็นรถเข็น พูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง “ท่านกำลังดูราชกิจอยู่ไม่ใช่หรือ? จะออกมาทำไมเพคะ?”
โม่ฉีหมิงฉีกยิ้มเบาๆ รู้สึกถึงเสน่ห์ผ่านแวบเข้ามาในหัวใจ พูดอย่างอ่อนโยน “มาถึงก็ได้ยินเรื่องที่เจ้ากับสวินโม่คุยกันเรื่องประลอง พวกเจ้าจะทำอะไรกันหรือ?” พลางมองลึกเข้าไปนัยน์ตาของสวินโม่ เตือนเขาอย่าทำอะไรเกินเหตุเป็นนัยๆ
แต่สวินโม่หาได้สนใจไม่ เขาทำเพื่อท่านอ๋อง แน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมวางมือง่ายๆ คิดถึงตรงนี้ เขาก็ลุกขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “เจ้าว่าประลองอะไรล่ะ?” น้ำเสียงก็ยังคงเต็มไปด้วยวาจาถากถาง เขาไม่เคยรู้สึกว่า เขาจะมีอะไรที่สู้หญิงบอบบางนางหนึ่งไม่ได้
“แน่นอนว่าข้าจะประลองเรื่องการแพทย์ที่ทันถนัดที่สุดอย่างไรเล่า”
โล่หวินหลานยิ้มขึ้น ยิ้มได้เย็นชา ไม่มีท่าทีสนใจนัก แต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความมั่นใจ
แต่ความจริงแล้ว ไม่พูดถึงเรื่องอื่น ถ้าให้พูดถึงเรื่องฝีมือการรักษาคน นางยังรู้สึกมั่นใจอย่างมากเลยทีเดียว
สำหรับสวินโม่ที่มีลักษณะนิสัยเอาตนเป็นที่ตั้งและคิดว่าผู้ชายเป็นใหญ่ มีเพียงแต่จะชนะเขาด้วยความสามารถเท่านั้น จึงจะทำให้เขายอมรับในตัวนางได้
โม่ฉีหมิงแววตาไหววูบไปทีหนึ่ง กลับหลังหันไปมองโล่หวินหลาน “ฝีมือการแพทย์ของสวินโม่……”
“ท่านอ๋อง ท่านไม่มีความเชื่อมั่นในตัวข้าหรือ?” โม่ฉีหมิงยังไม่ทันพูดจบก็ถูกโล่หวินหลานตัดบท นางหันไปมองโม่ฉีหมิงที่มองนางด้วยสายตาไม่ค่อยเชื่อ เขาไม่เคยเห็นฝีมือการรักษาของนางสักหน่อย จะรู้ได้ยังไงว่าฝีมือการแพทย์ของนางเก่งกาจขนาดไหน”
“ข้ามั่นใจ ต้องมั่นใจในตัวเจ้าสิ เพียงแต่……” โม่ฉีหมิงก็ยังรู้สึกลังเล ไม่มีอะไรจะถาม เขามีแต่ความเป็นห่วงโล่หวินหลาน หากฝีมือการรักษาของโล่หวินหลานดีจริงๆก็ช่างเถอะ แต่ถึงนางจะฝึกมาดีขนาดไหน ก็เป็นแค่หญิงสาววัยบานสะพรั่ง ผู้หญิงที่ไม่เคยพบเจอผู้คนภายนอก จะไปเรียนรู้อะไรได้? ไม่ใช่อาศัยความรู้จากตำรานิดๆ หน่อยๆ
สวินโม่ไม่เหมือนกับคนอื่น เขาเป็นถึงเจ้าสำนักหวูอินโหลว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการแพทย์ว่าเก่งกาจขนาดไหน ในยุทธภพทั่วหล้าต่างรู้จักเขาเป็นอย่างดี แล้วยังมาเจอกับหญิงที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก ใครผิดใครถูกกาลเวลาจะพิสูจน์ออกมาเอง
ไม่พูดไม่ได้ ถึงโม่ฉีหมิงจะรู้สึกซาบซึ้งถึงความพยายามที่จะรักษาใบหน้าและขาของเขา ก็ยังไม่ค่อยเชื่อมั่นในการรักษาของนางเท่าไรนัก เขาหาหมอมารักษาทั่วหล้า ก็ไม่สามารถรักษาให้หายได้ แล้วจะมาหวังกับผู้หญิงบอบบางแค่คนเดียวหรือ?
“หึๆ……” สวินโม่ยิ้มเย็น ก็นึกว่าจะหลงรักนางมาก ดูไปดูมาก็แค่เฉยๆ
เป็นอย่างงั้นก็ดี ท่านอ๋องจะได้ไม่ถูกผู้หญิงหยำฉาปั่นหัว
“หากไม่กลัวว่าจะแพ้ ก็มาเลย” โล่หวินหลานไม่ใส่ใจกับคำสบประมาทจากเขา ถึงจะรู้สึกผิดหวังกับคำพูดของโม่ฉีหมิงไปบ้าง แต่นางเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเองมากเช่นกัน นางชอบใช้ความสามารถในการแสดงออกมากกว่า
อุปกรณ์ประหลาดๆ พวกนี้มันคืออะไรกันแน่? หากจะพูดว่าคือกรรไกรพวกเขายังพอรู้บ้าง แต่ที่ไหนจะไปมีกรรไกรที่เล็กขนาดนี้? ยังมีมีดเล็กใหญ่พวกนี้อีก เอาไว้ทำอะไรกันแน่? มีดอันแค่นั้นจะไปทำอะไรได้?
“อุปกรณ์การผ่าตัด” โล่หวินหลานมองค้อนทั้งสอง น้ำเสียงเรียบเฉย
“ผ่าตัด?” สวินโม่ถามขึ้นอย่างแปลกใจ ไม่มีเสียงเย็นอีก เป็นถึงเจ้าสำนักหวูอินโหลว เขาไม่เคยเป็นมีคำถามเยอะเท่าวันนี้มาก่อน ไม่เพียงแต่รู้สึกแพ้ แต่ว่า ของพวกนี้มันก็แค่ของไม่มีประโยชน์ใช้งานไม่ได้
โม่ฉีหมิงยื่นมือไปดึงมือของโล่หวินหลานไว้ เห็นนางหันหน้ากลับมา จึงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “พยายามให้ดีที่สุดก็พอ แพ้ชนะไม่สำคัญ”
นัยน์ตาโล่หวินหลานสั่นเครือเล็กน้อย เบะปากเล็กน้อย “ถ้าหากข้าชนะ สำหรับอาการของท่านข้าคิดว่าควบคุมได้”
พูดจบ นางก็เริ่มเตรียมอุปกรณ์ตรงหน้าอย่างตั้งใจ
“ไม่ใช่ว่าเจ้าคิดจะฆ่ากระต่ายตัวนี้หรอกนะ?” เห็นโล่หวินที่กำลังจัดแจงวางอุปกรณ์ให้เข้าที่เข้าทาง สวินโม่ที่เต็มไปด้วยความสงสัย ก็เอ่ยปากพูดประชดขึ้น
โล่หวินหลานตอบ สายตาแน่วแน่ มองเบี่ยง จากนั้นก็รีบเก็บสีหน้าทันที พูดอย่างไม่ใส่ใจ “ก็ใช่ไง ฆ่ามันแล้วเอาไปย่างกิน คุณชายสวินก็กินเยอะๆ ละกัน” โล่หวินหลานพูดพลางแกว่งมีดในมือไปมา กิริยานี้กวนประสาทสวินโม่ไม่ใช่น้อย
สวินโม่สะอึกไปกับคำพูดเมื่อครู่ของนางจนไม่รู้ว่าจะตอบกลับอย่างไร หากแต่โม่ฉีหมิงที่อยู่ข้างๆได้แต่ถูกจมูกไปมา มุมปากยิ้มอย่างมีเลศนัย เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ บรรยากาศที่เริ่มกดดัน ถูกคำพูดนางทำลายบรรยากาศนี้ขึ้น
เห็นโล่หวินหลานที่เริ่มลงมือผ่าตัด ทุกคนเริ่มเงียบเสียงเก็บเสียงหัวเราะด้วยพลัน มองไปที่โล่หวินหลานด้วยความกดดัน
เวลานี้ เย่หวินได้ยกน้ำชาเข้ามา โม่ฉีหมิงปัดมือไปมา ให้นางถอยลงไป เวลานี้ ใครจะไปมีกะจิตกะใจดื่มชา? หากแต่สวินโม่ กลับรับชามาดื่มอย่าใจเย็น แววตามีความยั่วยุเบาๆ
โล่หวินหลานรีบเก็บสายตาโดยพลัน ไม่หันไปมองคนที่ท่าทางไม่รีบร้อนใจเย็นคนนั้น เริ่มการผ่าตัดของนางอย่างตั้งใจ
ถ้าเป็นคนในยุคของนาง สำหรับอาการของโม่ฉีหมิงนางมีความมั่นใจถึงร้อยละเก้าสิบว่าจะต้องหายแน่นอน แต่พอมายุคที่การแพทย์ยังไม่ก้าวหน้า อุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็นก็ไม่มี เพราะฉะนั้นอุปกรณ์รวมถึงหยูกยาพวกนี้นางเป็นคนทำขึ้นเอง กำลังอยู่ในขั้นทดลอง
ฆ่าเชื้อ ลงมีด ใส่ยา เย็บแผล ลื่นไหลดุจสายน้ำพริบตาเดียวก็เสร็จ เรียวนิ้วมือเล็กบางลงมืออย่างรวดเร็วพริ้วไหวอย่างเต้นระบำ สายตาแน่วแน่ตั้งใจ หน้าผากเริ่มมีเหงื่อเม็ดใสๆ ผุดขึ้น มือหนาแข็งแรงรีบยื่นเข้ามา ในมือถือผ้าเช็ดหน้า เช็ดเบาๆ ไปที่หน้าผากมนของนาง
นางหน้าอึ้งไปเพียงครู่ ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเจ้าของมือคือใคร รู้สึกใจเต้นตึกตัก นัยน์ตารู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที ท่าทางการใช้มีดในมือเร็วมาก แปบเดียวการผ่าตัดก็เสร็จ
“การแพทย์นี้หมอหลวงโล่เป็นคนสอนเจ้า?” โม่ฉีหมิงถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ดวงตาดั่งเหยี่ยวมองไปที่นางอย่างลึกซึ้งพลางจ้องไปที่มือของนางอย่างไม่คลาดสายตา มองจากสองมือบางที่ชำนิชำนาญ ต้องไม่ใช่ว่าเคยใช้วิธีนี้ครั้งเดียวในการรักษาแน่ ถึงแม้จะรู้ว่าพ่อของเขาเป็นหมอในยุคนั้น แต่การรักษาที่อันตรายนี้เข้าพึ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก