ตอนที่ 29 เลื่อมใส
โล่หวินหลานส่ายหัว ไม่ปฏิเสธ พูดเสียงต่ำ “ข้าเรียนรู้จากตำราโบราณเล่มหนึ่ง” นางไม่สามารถอธิบายให้กระจ่างแจ้งได้ ได้แต่ใช้เหตุผลนี้
ตอบอย่างช้าๆ พลางเห็นเจ้าของมือคือใคร ผู้ชายคนนั้นยังคงนั่งอยู่บนรถเข็นดังเดิม ชุดคลุดสีดำ ตรงชายถูกเย็บด้วนดิ้นทองสวยงาม ตรงปกคอเสื้อมีจินหยุนโบยบินอยู่ บินถลาสู่ฟ้า แขนเสื้อมีการปักด้วยดิ้นทองรูปต้นดาตูราสีดำคลับ เสมือนนำพาผู้คนที่ได้พบเห็นเพลิดเพลินไปกับลายปักผ้าอันงดงามนี้ ถึงแม้จะไม่เห็นใบหน้า แต่ก็ยังคงเห็นดวงตาลึกคมชัดดั่งดวงตาเหยี่ยว
เขานั่งอยู่ตรงรถเข็นชัดๆ แต่กลับมีความรู้สึกยิ่งใหญ่คับฟ้าอยู่เหนือปวงชนท่าทางช่างสง่าเหลือเกิน ดั่งนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรที่ห่อหุ้มไปด้วยทองคำบริสุทธิ์ ราวกับจักรพรรดิก็ไม่ปาน ดังกษัตริย์เดินดิน
“กระต่าย กระต่ายยืนได้แล้ว?” นางไม่ค่อยใส่ใจกับท่าทางของทั้งสองคน สวินโม่ได้แต่เฝ้าสังเกตอาการของเจ้ากระต่ายที่โล่หวินหลานรักษาด้วยการผ่าตัด คนทั้งคนรู้สึกประหลาดใจเหมือนกับฟ้าผ่าตอนกลางวันแสกๆ
เห็นเพียงกระต่ายที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้น ตอนนี้มันค่อยๆ ลุกขึ้นเองได้แล้ว ถึงแม้ขาน้อยๆจะยังสั่นอยู่ แต่ว่ามันลุกยืนได้แล้วจริงๆ!
“สามวันให้หลังมันก็จะค่อยๆ กระโดดเดินเองได้ เจ็ดวันให้หลังขาก็หายเป็นปริดทิ้ง คุณชายสวินโม่ ดูท่าแล้วเนื้อกระต่ายย่างท่านคงจะไม่ได้กินแล้วสิ” โล่หวินพูดเสียงเบาๆ น้ำเสียงยังมีความเสียใจเล็กน้อย……
นัยน์ตาสวินโม่มีเพียงแต่ความละอายใจ ฝืนยิ้มขึ้นเบาๆ พยักหน้าเห็นด้วยอย่างไม่มีข้อกังขา “เป็นข้าที่ทะนงตัวเกินไป เหนือคนมีความสามารถยังมีคนเก่งกาจ เหนือฟ้ายังมีฟ้า สวินโม่ยอมรับผลการพ่ายแพ้!” เขาพูดพลางกอดอกคุกเข่าลงต่อหน้าโล่หวินหลาน สองมือยันพื้น ศีรษะก้มลงพื้นคำนับอย่างเลี่ยงไม่ได้
โม่ฉีหมิงดูท่าทางของสวินโม่ มุมปากยกยิ้มเบาๆ พลางหันไปพูดกับโล่หวินหลาน “สวินโม่เคารพข้าในฐานะท่านอ๋อง หวินหลาน มาตอนนี้สวินโม่ทั้งใจกายยอมแพ้เจ้าแล้ว”
โล่หวินหลานอึ้งไปเล็กน้อย สวินโม่ทิ้งความหยิ่งยโสของตัวเองแล้วยอมรับฝีมือในการแพทย์ของนาง ผู้ชายเห็นทีจะมีน้อยนัก นางรีบไปพยุงสวินโม่ลุกขึ้น “ข้ารู้ดีว่าคุณชายสวินทำเพื่อท่านอ๋อง ใจข้าก็อยากช่วยท่านอ๋องเหมือนท่าน”
สวินโม่เงยหน้าขึ้น จ้องมองไปที่ดวงตาคู่สวยมั่นคงแน่วแน่นั้น สตรีกิริยาท่าทางอย่างนี้ก็พบได้น้อยเช่นกัน “ต่อไปหากมีอะไรก็อย่าได้เกรงใจ ข้าขอน้อมรับคำสั่ง ตราบชั่วชีวิตจะหาไม่” น้ำเสียงแน่วแน่
โล่หวินหลานพยักหน้าเบาๆ หางตามองไปที่โม่ฉีหมิง นางอยากรู้ว่าแต่ก่อนโม่ฉีหมิงทำอย่างไรสวินโม่ถึงได้ยอมถวายหัวตายแทนได้ขนาดนี้
โม่ฉีหมิงคล้ายจะรู้ความหมายของสายตานั้น เขาเพียงแต่ยิ้มบางๆ แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา
“พระชายา นี่คือการรักษาทางการแพทย์จริงหรือ?” คนที่เคยท่องทั่วทั้งยุทธภพมาแล้วอย่างเขายังอดไม่ได้ที่จะถาม เดินก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวอย่างไม่รู้ตัว สายตามีแต่ความเหลือเชื่อ
ฉินหยิ่นจ้องตาไม่กระพริบไปที่โล่หวินหลาน น้ำเสียงปนสงสัย “ขออภัยพระชายา เมื่อกี้ท่านใช้ยาวิเศษอะไรหรือขอรับ?”
ยาวิเศษ! ใช่แล้ว มันคือยาวิเศษ! เมื่ออยู่ในสายตาพวกเขา นี่ก็เป็นวิธีเดียวที่จะอธิบายการรักษาทางแพทย์ของนางได้?
นี่คือการแพทย์หรือ? นึกไม่ถึงว่าจะใช้ระยะเวลาสั้นขนาดนี้ในการรักษากระต่ายที่บาดเจ็บสาหัสปางตาย ดั่งหมอเทวดารักษาก็ไม่ปาน
สวินโม่คลุกคลีในวงการแพทย์มานาน มาวันนี้ได้มาประจักษ์พบโล่หวินหลานที่ใช้วิธีการรักษาที่แปลกประหลาด เขาก็อยากรู้ว่าโล่หวินหลานไปเรียนรู้มาจากไหน “ใช่แล้ว ข้าอยากให้พระชายาชี้แนะ ข้าเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน”
โล่หวินหลานยกยิ้ม ตอบเสียงเบาเนิบนาบ “ ที่จริงแล้วการรักษาด้วยวิธีนี้มีหมอเทวดาที่ชื่อฮวาถวอเป็นคนคิดค้น เขาคิดอยากจะรักษาอาการพิการของผู้คน ก็คือวิธีการรักษาที่พวกเจ้าได้เห็นไปเมื่อครู่ การแพทย์แบบนี้ยากแท้หยั่งถึง ข้าก็บังเอิญพบในตำราแพทย์โบราณเล่มหนึ่งพอดีเหมือนกัน”
“มันเป็นเช่นนี้นี่เอง บนโลกนี้ยังมีวิธีการรักษานี้ วันนี้ทำให้ข้าเปิดโลกมากยิ่งขึ้น” สวินโม่รู้สึกตื่นเต้น เพราะเขารู้ว่าโล่หวินหลานสามารถรักษาเหมือนหมอเทวดาได้ ถ้าอย่างนั้นรักษาโม่ฉีหมิงให้หายก็ไม่ใช่แค่ดีแต่พูดแล้ว
สวินโม่พูดพลางหันไปมองที่ร่างของโม่ฉีหมิง กลับเห็นเขาใช้นิ้วมืออันหนาถูไปที่ล้อรถเข็น สายตาคมดังเหยี่ยวมองที่โล่หวินหลาน สายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความรักความอบอุ่นที่มอบให้นาง
สวินโม่กระแอมเบาๆ “กวาดมองสายตาโดยรอบ “วันนี้เป็นวันดี วันนี้พวกท่านจะไม่เชิญข้าทานอาหารสักมื้อหรือ?”
ทุกคนเห็นด้วย รีบพากันถอยกลับโดยใช้สวินโม่เป็นเหตุผล โล่หวินหลานเห็นแต่ละคนค่อยๆออกไป รอยยิ้มที่ส่งเสริม ความห่วงใยของพวกเขา ทำไมนางจะไม่รู้ หันมองไปที่โม่ฉีหมิง สายตาเชื้อเชิญเขา ชั่วครู่เหมือนหัวใจของทั้งคู่ประสานกัน
นางเหมือนกับหมู่มวลท่ามกลางดอกฝิ่นที่เด่นสวยสง่าขึ้นมาหนึ่งดอก ถึงแม้จะโดนลมพัดพริ้วโบกสะบัด แต่ก็สามารถเปร่งประกายสวยงามได้ในเวลาไม่นาน
นางมีรูปโฉมสวยงามไม่เหมือนคนอื่นทั่วไป สวยจนสะกดทุกสายตาให้มองนางได้ เขาเคยคิดว่าจะปล่อยนางไปเจอคนที่ดีกว่าเขา แต่เขารู้ว่าเขาทำไม่ได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ตาม เขาก็จะเก็บนางไว้ข้างกายครองรักกันตราบนานเท่านาน ในหัวใจของเขาราวกับมีเพลิงไฟที่มอดไหม้ เขายื่นมือคว้าหมับไปที่เอวบางมากอดไว้ โถมตัวมอบจูบอันแสนหวานไปที่เรียวปากบาง จูบอย่างดูดดื่มลุ่มลึก
โล่หวินหลานสั่นไปทั้งตัว เขาถาโถมเข้ามาโดยที่นางไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ทันทีที่เขาจูบลงบนริมฝีปากเธอก็เข้าใจทุกอย่าง
ใบหน้าของนางแนบไปกับหน้าเย็บเฉียบของเขา ริมฝีปากของนางกลับถูกเขาจูบอย่างเร่าร้อน ทำให้โล่หวินหลานหายใจไม่ทันอยู่ชั่วขณะ โม่ฉีหมิงค่อยๆ คลายอ้อมแขน มืออันร้อนผ่าวลูบจับที่ใบหน้าอันงดงามของนางอย่างถนุถนอม
“หวินหลาน ข้าขาดเจ้าไปไม่ได้” โล่หวินหลานถอนหายใจเบาๆ เงยหน้าสบตาเขาด้วยความอ่อนโยน “ทำไมเจ้าถึงคิดเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ วิตกกังวลกับเรื่องที่มันยังไม่เกิดขึ้น ข้าเคยพูดแล้วว่าข้าจะไม่จากท่านไปไหน ท่านต้องเชื่อใจข้า ยิ่งต้องเชื่อใจตัวเอง” เขารู้ดีว่าภายในใจเขารู้สึกกังวลและกลัวมาก โม่ฉีหมิงที่เป็นอย่างนี้ทำให้นางรู้สึกเจ็บปวดเหมือนกัน
“ข้า……” ปากเรียวบางพูดขึ้นมาเพียงหนึ่งคำ โล่หวินหลานโถมตัวเข้าจูบปากเขาทันที ทั้งหมดถูกหลอมละลายด้วยคำพูดและการกระทำทั้งหมดจนสิ้น ไม่มีคำพูดใดๆ ปริออกมาทั้งคู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก