ตอนที่ 30 เอ็นดู
โล่หวินหลานก้มหน้าหันข้างมองด้วยสายตาเจ็บปวด นางมาจากอนาคตและต้องย้อนเวลามาที่นี้ นี่คงเป็นโชคชะตาของนาง พอได้เจอโม่ฉีหมิงนางก็ไม่อยากกลับไปอนาคตอีกเลย ถ้ามีวันหนึ่งสามารถกลับไปได้ นางก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะไปไหม
หรือนางอาจจะเคยชินกับที่นี่แล้ว ชินกับช่วงเวลาที่มีโม่ฉีหมิงอยู่ด้วย นางเปรียบโม่ฉีหมิงเสมือนเป็นครอบครัวของนางคนหนึ่ง
เห็นโล่หวินหลานเหม่อมองแต่พื้นไม่พูดอะไร ไม่รู้ว่านางคิดอะไรอยู่ โม่ฉีหมิงก็รู้สึกเหมือนจะเสียนางไปเขารีบยื่นมือไปจับมือเรียวบางของนาง
“ตอบข้ามาสิ”โม่ฉีหมิงมองที่สายตาของนาง ในสายตานั้นมีความกังวลและลังเล
โล่หวินหลานรู้สึกตัว เห็นสายตาของโม่ฉีหมิงและเขาก็ส่งยิ้มหวานให้นาง“ท่านอ๋อง ไม่ว่าข้าจะอยู่ที่ใด ข้าจะไม่ไปจากท่านเด็ดขาด พวกเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”
พอได้ฟังโล่หวินหลานพูด โม่ฉีหมิงก็โล่งอก เขาแยกจากโล่หวินหลานไม่ได้แล้ว
ไม่ว่าเขาจะเดาถูกหรือเปล่า จริงหรือเท็จเขาจะรักแค่หญิงที่อยู่ด้านหน้านี้เพียงผู้เดียว
“ข้าได้ฟังคำนี้ก็พอใจแล้ว”เขาจับมือโล่หวินหลานไว้แน่น โม่ฉีหมิงพูดเสียงเบา
ตั้งแต่สวินโม่เอาภาพวาดของโล่หวินหลานไปก็เอากลับไปคิดดูว่ามันคือรูปอะไร เขาใช้ความสามารถและประสบการณ์ในการเรียนหมอที่สะสมมา แต่คิดยังไงก็ไม่ออกว่ามันคืออะไร
ถึงแม้จะไม่รู้แต่เขาเคยเห็นความสามารถของโล่หวินหลาน การแพทย์นางเก่งมาก ทันสมัยและแปลก คิดว่าการรักษาพวกนี้คงจะได้ผลดีมาก
เขาเอาภาพวาดออกไปตามหาคนที่เก่งด้านงานไม้
ออกเมืองเดินไปทิศตะวันออกร้อยเมตรจะมีร้านขายชา เป็นร้านที่มีหญ้าฟางสร้างขึ้นดูแล้วธรรมดาด้านในมีโต๊ะสองตัวและคนขายหนึ่งคน
สวินโม่สั่งชามาหนึ่งหม้อ นั่งลงรออย่างช้าๆ ใจเย็นๆ
ช่างไม้คนนี้ชอบทำตัวลับๆ หาตัวยาก สวินโม่สนิทกับเขาและรู้จักนิสัยของเขาดี เขาจะเดินผ่านที่นี่ทุกครั้งที่ตะวันตกจากนั้นก็มาดื่มชาที่นี้
ผ่านไปไม่นาน พระอาทิตย์ตกลงเรื่อยๆและสาดส่องมาที่ร้านนี้มีแต่แสงสีแดงๆ ที่สาดส่องพื้นดิน
ที่ไกลๆ มีชายถือกล่องเครื่องมือเดินมา ไว้หนวดเครา อายุประมาณวัยทอง เขาเดินเข้ามาในร้านไม่พูดอะไร คนขายก็เอาชามาให้เขาทันที
“พี่กู่หวยช่วงนี้เป็นยังไงบ้างครับ!”สวินโม่พูดอย่างยิ้มๆ พูดจบ ก็ไปนั่งด้านหน้ากู่หวย
กู่หวยเห็นสวินโม่ก็แปลกใจกำลังจะลุกขึ้นเคารพเขาแต่ยังไม่ทันลุกขึ้นก็โดนเขาดึงให้นั่งลง
“ไม่รู้ว่าหัวหน้ามีเรื่องอะไรถึงมารอข้าที่นี่?”กู่หวยนั่งลงแล้วถาม
คนที่รู้เรื่องของเขามีไม่เยอะ เขาพึ่งขึ้นเขาไปหาไม้มา ในวงการทุกคนจะเรียกเขาช่างไม้มือทองแต่พวกนั้นก็ไม่รู้ว่าเขาไปไหนบ้าง มีแต่คนที่สนิทกับเขาเช่นสวินโม่ ตอนนี้ก็มารอเขาถึงตรงนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ
สวินโม่เอาภาพวาดออกมาจากแขนเสื้อและพูดอย่างจริงจังว่า: “ถ้าข้าไม่รู้ความสามารถของเจ้า ข้าก็ไม่มาหาเจ้าหรอก เจ้าดูว่าของพวกนี้เจ้าพอจะทำออกมาได้ไหม ข้ารีบใช้”
เขาไม่เคยได้รับเกียรติเช่นนี้เลย กู่หวยก็ไม่กล้าพูดเยอะและรีบเอาภาพวาดมาดู
เขามองดูอยู่นานก็เริ่มขมวดคิ้วและส่ายหัว เงยหน้าขึ้นมาและทำหน้าแปลกใจมาก
“ข้าทำเครื่องมือไม้มานานมากแต่ยังไม่เคยเห็นของเช่นนี้ ด้านบนแหลมด้านล่างกลม รูปร่างแบบนี้ไม่ใช่ทั้งอาวุธไม่ใช่ทั้งเครื่องมือ ไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไร?”กู่หวยพูดพึมพำคนเดียว
“เป็นของอะไรเจ้าไม่ต้องสนใจหรอก เจ้าแค่ช่วยข้าประดิฐษ์ออกมาก็พอ ค่าใช้จ่ายข้าให้เจ้าสองเท่า”สวินโม่พูด สิ่งของนี้ขนาดกู่หวยยังไม่เคยเห็น โล่หวินหลานจะทำอะไรกันแน่
กู่หวยจับคางและครุ่นคิด ถ้าจะทำออกมาก็ได้แต่เกรงว่าจะใช้เวลาเยอะ แต่ว่าค่าจ้างเขาก็ได้เยอะและถ้าสำเร็จก็อาจจะได้เพิ่มขึ้น ทำแล้วเหมือนยิงนัดเดียวได้นกสองตัว
“ถ้าเป็นเรื่องของหัวหน้า ข้าจะตั้งใจทำเต็มที่ ต้องทำได้สำเร็จแต่ว่าสิ่งของนี้ต้องใช้เวลานานหน่อยประมาณสามวัน……”เขาพูดค้างไว้ เวลาช้าหน่อยถ้าสวินโม่รอได้เขาก็จะทำให้
“ได้ หลังจากสามวันข้าจะมารอที่นี่”สวินโม่พูด
พอพูดเสร็จ กู่หวยก็เก็บภาพวาดและพับใส่แขนเสื้อตัวเอง ลุกขึ้นยืนและบอกลาสวินโม่ เขาก็ขี่ม้าและจากไปทันที
ส่วนสวินโม่ก็เข้าเมืองไปทางจวนอ๋องหมิง
พอเข้าไป บ่าวก็เดินเข้ามาต้อนรับทันที ในขณะที่ท่านอ๋องยังไม่ต้อนรับใคร มีแต่ท่านสวินที่เข้ามาได้ ขนาดบ่าวยังรู้ว่าเขาเป็นคนโปรดของท่านอ๋อง ไม่ใช่... หน้าจะเป็นพระชายามากกว่า
สุดท้ายเขาทนไม่ไหวและเข้าไปหาพวกเขา แล้วพูดว่าให้เขาหลังจากสามวันค่อยมาใหม่
รอจนสวินโม่เดินจากไป โล่หวินหลานเห็นสีหน้าที่ไม่พอใจของโม่ฉีหมิงนางก็เข้าใจทันที นางมองเขาและยิ้ม
“ไม่คิดว่าท่านอ๋องจะขี้หึงเช่นนี้ ยังหึ่งลูกน้องอีก!”โล่หวินหลานพูดล้อและหัวเราะขึ้นมา
โม่ฉีหมิงทำหน้าไม่พอใจและมองดูโล่หวินหลาน เขาเป็นถึงท่านอ๋องของแคว้นโม่ฉีแต่กลับโดนหญิงคนนี้หัวเราะเยาะ ใช่ เขาหึ่งจริงๆ
เขาจับรถเข็นไว้และกระโจนใส่โล่หวินหลานและจับไหล่นางเอาไว้
“นอกจากข้าแล้วไม่อนุญาตให้เจ้าใกล้ชายอื่น ไม่เช่นนั้นเจ้าจะโดนมากกว่านี้ ข้ากลัวว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้และทำเรื่องอะไรออกมา”เขาพูดเตือนนางที่ข้างหูเบาๆ
โล่หวินหลานโดนเขาจับจนเจ็บ นางทนเอาไว้และพูดว่า: “ข้าไม่ทำแล้ว หวังว่าเจ้าจะไม่ทำเหมือนกัน”
ได้ยินนางพูดเช่นนี้ สีหน้าของโม่ฉีหมิงถึงจะสบายใจขึ้นมา เขาปล่อยมือและมองนางนานมาก
โล่หวินหลานจับไหล่ตัวเองและนวด นางเจ็บจนพูดไม่ออก ขมวดคิ้วไว้แน่น โม่ฉีหมิงเห็นสีหน้านางก็ทำตัวไม่ถูก
“ข้าทำเจ้าเจ็บหรือ? ขอโทษด้วย ข้าควบคุมตัวเองไม่ได้น่ะ......”โม่ฉีหมิงพูดถึงสุดท้ายแล้วก็พูดไม่ออก
เขาก้มดูมือของตัวเอง อยากจะตัดทิ้งไปเลยเพราะว่าเขาไม่ควบคุมตัวเองเลยทำให้นางเจ็บปวด
โล่หวินหลานจับมือเขาไว้ยิ้มกว้างและพูดว่า: “ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจ ข้าไม่เจ็บหรอก”
นางเข้าใจและไม่เจ็บ ทำให้เขารู้สึกผิดมาก เขาสูดหายใจเข้าและกอดนางไว้แน่น
“ให้ข้าดูหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง?”โม่ฉีหมิงลากเสื้อนางลงมาและดูไหล่นาง ผิวขาวที่ไหล่มีรอยแดลขึ้นมา
เขาคิดว่าตัวเองมือหนักมาก คิดว่าตัวเองไม่รู้ตัวว่าใช้แรงไปมากเท่าไหร่ คิดแล้วคนที่ทำให้เขาไม่ได้สติคงมีแต่โล่หวินหลาน
ไหล่ของโล่หวินหลานทั้งสองข้างแดงก่ำ เป็นเพราะเขาเคยซ้อมมวยซ้อมดาบ ไหล่ของเขาที่ต้องใช้งานตลอด แขนทั้งสองข้างมีกล้ามโต
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก