ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 312

ตอนที่312 ต้นสายปลายเหตุ

ผ่านระเบียงยาวมา หิมะด้านนอกตกเเรงมาก โล่หวินหลานใช้มือเท้าคางมองดูหิมะด้านนอก มืออีกข้างนึงจับตรงปากอย่างไม่รู้ตัว

ในสมองก็นึกถึงเรื่องที่โม่ฉีหมิงจูบนางอย่างไม่รู้ตัว สีหน้าก็รีบคีบลุคขึ้นมา

ในใจเขาคิดอะไรอยู่? ทั้งๆที่ก็เเต่งงานกับอาลั่วหลานเเล้ว ได้ในสิ่งที่อยากได้เเล้ว ทำไมยังจับนางไว้ไม่ยอมปล่อย?

“องค์หญิง ท่านเป็นอะไร? ไม่สบายใจหรอ?” ไซ่เย่วเห็นนางเป็นเเบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะถาม

นางไม่อยากให้โม่ฉีหมิงมายุ่งด้วย เเต่ว่าไซ่เย่วกลับเห็นความโหยหาจากสายตานาง ทั้งหมดก็เป็นความรู้สึกดีกับโม่ฉีหมิง

โล่หวินหลานวางมือลง มองไซ่เย่วอย่างขอโทษ พูด “เมื่อกี้ทำให้เธอดูในสิ่งไม่ดีเลย ข้าไม่ใช่ไม่สบายใจ เเค่กำลังคิดเรื่องบางเรื่องอยู่”

ฟังโล่หวินหลานพูดเเบบเกรงใจ ในใจของไซ่เย่วก็รู้สึกไม่ค่อยชอบ รีบคุกเข่าลงเเล้วพูด “องค์หญิง ไม่ว่าท่านทำอะไรก็ถูกทั้งนั้น ขอร้องอย่าพูดเเบบนี้กับข้าน้อยอีกเลย”

โล่หวินหลานลุกขึ้นพยุงตัวนางขึ้น พูดอย่างยิ้มๆ “ไม่ใช่บอกว่าไม่ต้องคุกเข่าเเล้วหรอ? รีบลุกเถอะ”

ไซ่เย่วลุกตามเเรงพยุงจากมือนาง คิดถึงเรื่องเมื่อสักครู่ก็รู้สึกเป็นห่วงไม่เข้าใจ

มองดูสีหน้าของไซ่เย่ว โล่หวินหลานรู้ว่าในใจนางกำลังคิดอะไรบ้าง เเต่ว่านางคือคนของโม่ฉีหมิง คงรู้ว่าสิ่งที่นางทำหมายความว่าอะไร

“องค์หญิง……” ไซ่เย่วกำลังจะพูด เเต่เห็นโล่หวินหลานผายมือออก พูดอย่างเหนื่อยๆ

“ไซ่เย่ว ข้าอยากอยู่เงียบๆคนเดียว เจ้าออกไปก่อนเถอะ”

บรรยากาศในห้องดูจะอึดอัด ไซ่เย่วอยากจะปลอบนาง เเต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง ได้ยินนางพูดเเบบนี้ก็พยักหน้า เเล้วก็ถอยออกไป

ในห้องมีภาพที่ทำมาจากไผ่ด้านหลังนั้นมีที่พักผ่อน โล่หวินหลานนอนลงที่นั่นสักพัก ในใจวุ่นวาย ทำไมนางในตอนนี้ไม่รู้เลยว่าโม่ฉีหมิงคิดอะไรอยู่?

นวดตรงศีรษะ ให้ใจของตัวเองสงบขึ้น ในสมองก็มีภาพหน้าของอาลั่วหลานขึ้นมา รีบลุกขึ้นมานั่ง

คงไม่ใช่เพราะ เรื่องที่อาลั่วหลานใช้วิชาเปลี่ยนหน้าเเละฐานะที่เเท้จริงของนางคงมีคนรู้นะ

ความคิดนี้อยู่ในสมองของนางตลอด ดูจากท่าทางของโม่ฉีหมิงหลายวันมานี้ โมโหเพราะองค์รัชทายาท เเละยังจูบนางในสวนอีก เขาที่เป็นคนมีสติตลอดก็คงไม่ทำเรื่องเเบบนี้

โล่หวินหลานรีบใส่รองเท้าเเล้วออกไป ไซ่เย่วที่เฝ้าอยู่ตรงประตูเห็นนางวิ่งออกมาอย่างรีบร้อน รีบวิ่งตามไป “องค์หญิง นี่ท่านจะไปไหน?”

ตอนนี้คนที่เข้าใจนางคนที่สงสัยนั้น ก็มีเเค่อาลั่วหลานเท่านั้น

โล่หวินหลานไม่ได้ตอบ วิ่งไปทางสวนของหมิงซี อาลั่วหลานเห็นนางยิ่งอยู่ยิ่งห่างออกไป ก็กลับไปเอาร่ม เเล้วก็วิ่งตามไป

ตอนที่เห็นนาง นางก็เข้าไปที่ที่อยู่ของเเม่ทัพเจ่อเอ๋อเเล้ว

เป็นที่นี่อีกเเล้ว ไม่รู้ว่าทุกครั้งที่นางมาหาเเม่ทัพเจ่อเอ๋อก็รีบร้อนเเบบนี้ ตกลงเป็นเพราะเรื่องอะไร?

โล่หวินหลานวิ่งเข้าไปในประตู เข้าไปที่ห้องของหมิงซี เขากำลังดูหนังสือทางการเเพทย์อยู่ นั่งหลังตรงอยู่บนเก้าอี้ดูอย่างตั้งใจ

“เสี่ยวฮัว เกิดอะไรขึ้น? รีบร้อนขนาดนี้?”หมิงซี เงยหน้าขึ้นก็เห็นยืนอยู่ข้างโต๊ะไม่พูดอะไร สนใจเเค่โล่หวินหลานที่กำลังหอบอยู่ รีบถาม

“ใจเย็นๆ นั่งลงเเล้วค่อยพูด ข้าเทน้ำอุ่นให้เจ้าเเก้วนึง” หมิงซีหันไปเทน้ำให้นาง

โล่หวินหลานได้ดื่มน้ำไปหนึ่งเเก้ว ก็ค่อยรู้สึกร่างกายดีขึ้น หายใจสะดวกขึ้น

“เขียนจดหมายฉบับนึงให้อาลั่วหลาน ข้าสงสัยว่าโม่ฉีหมิงจะรู้ว่าอาลั่วหลานใช้วิชาเปลี่ยนหน้า”

?”

อะไร? สีหน้าของหมิงซีเปลี่ยน “อาลั่วหลานคงไม่เป็นไรใช่ไหม?”

โล่หวินหลานส่ายหน้า “น่าจะไม่เป็นไร ถ้าโม่ฉีหมิงรู้ว่าอาลั่วหลานใช้วิชาเปลี่ยนหน้า เเค่เดาก็คงเดาออกว่าคือข้า เพราะฉะนั้นเขาคงไม่ทำอะไรอาลั่วหลาน ยิ่งไปกว่านั้น ข้าก็เเค่เดา”

สีหน้าของหมิงซีดูสบายใจขึ้น ทุกการกระทำของนางโล่หวินหลานก็ดูอยู่ตลอด นางฉลาด จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าในใจหมิงซีกำลังคิดอะไรอยู่

“ไม่เป็นไรก็ดีเเล้ว ข้าจะเขียนจดหมายเดี๋ยวนี้เเหละ เดี๋ยวตอนกลางคืนก็จะส่งไป” หมิงซีจับปากกาขึ้นมา เขียนบนกระดาษสักเเปป ก็เขียนเสร็จเเล้ว

โล่หวินหลานรับมา พยักหน้า

เเต่ว่าช่วงนี้ในวังเป็นช่วงที่ฮองเฮาโดนสั่งขังในวังต้องห้าม ผู้คนก็ต่างกังวล เเม้เเต่ทหารที่หน้าวังก็มีคนเพิ่มมากขึ้น ออกไปจากถนนเส้นเมื่อก่อน ก็ไม่ใช่การตัดสินใจที่ดีที่สุด

ถ้าโดนจับได้ ก็จะต้องโดนสอบสวนเเน่ ไม่อย่างนั้นก็จะโดนว่าว่าเป็นโจรเเอบของ

“ตอนนี้ออกจากวังไม่ใช่เรื่องง่าย ถนนเส้นก่อนที่เคยเดินก็ใช้ไม่ได้ เราต้องหาวิธีอื่นส่งจดหมายออกไป” โล่หวินหลานพูด

“วางใจได้ วิชาตัวเบาของข้าพอใช้ได้ คนพวกนั้นอยากจับข้า คงไม่มีความสามารถนี้” หมิงซีพูดอย่างมั่นใจ

คิ้วของโล่หวินหลานชนกัน พูดอย่างเเน่วเเน่ “ไม่ได้ เรื่องนี้จะชักช้าไม่ได้ ข้าหาวิธีเอง”

มองดูหน้าของโล่หวินหลานที่โมโห สีหน้าของหมิงซีกลับเเดงขึ้น นี่นางเป็นห่วงตัวเองหรอ?

“เเต่ว่า ถ้าข้าก็ออกจากวังไม่ได้ ยังสามารถคิดวิธีได้หรอ?” หมิงซีพูดอย่างท้อๆ

ในวังพวกเขาไม่มีอำนาจมาก ไม่ค่อยมีคน อยากจะออกจากวังไปส่งจดหมายตอนนี้ ก็คือสิ่งที่ยากมาก

บนหน้าของโล่หวินหลานก็เต็มไปด้วยความกังวล อยู่ในวังก็เหมือนกับนกที่ปีกหัก อยากจะบินก็บินออกไปไม่ได้ จดหมายฉบับนี้ ต้องทำยังไงถึงจะส่งไปถึงมือของอาลั่วหลานได้?

ก้มหน้านึกคิดไปสักพัก เดินกลับไปกลับมาในห้อง จับคาง คิดไปคิดมา ก็มีเเค่วิธีนี้เท่านั้น

หิมะที่ตกในวังเหมือนจะหนาวมากกว่านอกวัง เสนาบดีต่างๆก็ออกไปตั้งเเต่เช้าเเล้ว

ราชครูเย่รีบตามเวินอ๋องออกมา “เวินอ๋อง เรื่องนี้ท่านคิดอย่างไร? ฮ่องเต้ส่วนน้อยที่จะโมโหรุนเเรงเเบบนี้ ท่านว่า ตกลงฮองเฮาเป็นอะไร?”

ทั้งสองเดินมาคุยกันที่กำเเพงวัง ที่ตรงนี้ไม่ค่อยมีคน

“คุณพ่อตา เรื่องใหญ่เเบบนี้เเต่กลับไม่มีเบาะเเสออกมาเลย ดูการตอบสนองของเสด็จพ่อเมื่อสักครู่เเล้ว คงจะเป็นเรื่องที่ท่านคงรับไม่ได้ ไม่ได้ง่ายอย่างนั้น” เวินอ๋อองคาดเดา

พระราชครูเย่พยักหน้า เมื่อสักครู่เกือบจะทำให้ฮ่องเต้โมโหซะเเล้ว ยังดีที่หยุดทัน ไม่อย่างนั้นคิดไม่ถึงจริงๆว่าผลจะเป็นยังไง

“ข้าก็รู้ หลายปีมานี้ฮ่องเต้ก็ไม่เคยโมโหเเรงขนาดนี้มานานเเล้ว เห้อ ทำให้คิดหนักจริงๆ” ราชครูเย่ถอนหายใจเหือกใหญ่ ผมก็เหมือนขาวขึ้นอีกชั้น

เวินอ๋องก้มหน้าลงเล็กน้อย ก็สามารถเห็นผมข่าวของเขา ในใจก็รู้สึกเศร้าเล็กน้อย ความจริงอยู่ในช่วงที่เเก่ชราเเล้ว ยังต้องมาคิดหนักเรื่องราชการอีก

“คุณพ่อตาวางใจได้ เดี๋ยวข้าจะไปหาเสด็จเเม่ที่หลังวัง ข้าคิดว่าเสด็จเเม่คงรู้เรื่องนี้ ถ้ารู้ ก็จะมาบอกให้ท่านเเน่นอน” เวินอ๋องก้มหน้าลงเล็กน้อย เเล้วหันหลังเดินไปเลย

หลังหวังก็มีความเงียบสงบ เวินอ๋องเดินที่สวนดอกไม้พระราชวังเองคนเดียว เหยียบหิมะสีขาว เเต่กลับรู้สึกว่าหนักๆ

ปีนี้ คงจะเป็นปีที่ไม่สงบที่สุด

เข้าไปในตำหนักของพระสนมเอกต้วน นางกำลังพิงบนเก้าอี้ สาวใช้ทั้งสองต่างกำลังนวดศีรษะของนางอยู่

“ทำความเคารพเวินอ๋อง” สาวใช้ทั้งสองทำความเคารพเสียงเบา

สนมเอกต้วนค่อยๆลืมตาขึ้น พูดกับสาวใช้ทั้งสองว่า “พวกเจ้าออกไปก่อน”

สาวใช้ทั้งสองก็รีบออกไปเลย ในห้องก็เหลือเเค่ทั้งสอง

สนมเอกต้วนพิงอยู่บนเก้าอี้ครึ่งตัว อารมณ์ดี ตั้งเเต่ฮองเฮาเย่ถูกสั่งขังในวังต้องห้าม นางก็รู้สึกว่าบนโลกใบนี้ไม่มีเรื่่องอะไรน่าดีใจกว่าวันนั้น

“นั่งสิ ข้ารู้ว่าเจ้าอยากจะถามอะไร” สนมเอกต้วนชี้ลงที่เก้าอี้ข้างๆ

“ตอนนี้เรื่่องที่ฮองเฮาถูกสั่งขังในวังต้องห้ามถูกพูดถึงกันทั่ว เรื่องนี้เสด็จเเม่ก็คงรู้ว่าวันนี้ลูกมาทำอะไร ก็เเค่อยากจะถามว่าตกลงมันเป็นยังไงกันเเน่” เวินอ๋องถามอย่างสงสัย

ใครจะรู้ ว่าสนมเอกต้วนกลับส่ายหัว “ฮ่องเต้ไม่ให้เรื่องนี้ถูกส่งออกไป บอกว่าเรื่องไม่ดีในวังก็คงไม่จำเป็นต้องพูดออกไป ฮองเฮาคงจะบ้าไปเเล้วจริงๆ ถึงทำเรื่องที่ทำร้ายคนเยอะขนาดนั้น”

คำนี้ทำให้เวินอ๋องรู้สึกงงมาก ตกลงว่าเกิดอะไรขึ้น

ปกติฮองเฮาก็ไม่ได้ดูเป็นคนที่บ้าอำนาจเกินไป ตกลงนางทำเรื่องอะไรบ้าง

“เสด็จเเม่ ตกลงว่าฮองเฮาทำเรื่องอะไรบ้าง?” สนมต้วนถอนหายใจ ค่อยๆใช้นิ้วกดนวดตรงศีรษะ ค่อยๆพูด “เมื่อสิบปีที่เเล้ว ฮองเฮาก็เริ่มทำร้ายวางเเผนฆ่านางสนมที่ฮ่องเต้ชอบในวัง มีหนึ่งร่างสองศพ

ได้ยินมาว่า ก็เป็นเพราะว่าจะให้องค์รัชทายาทนั่งอยู่ในตำเเหน่งนั้นอย่างมั่นคง ทำเพื่อตำเเหน่งของรัชทายาท ใช้วิธีการต่างๆ ทำร้ายคน สุดท้ายก็ทำลายตัวเอง”

เป็นคน ต้องฉลาด หรือไม่ก็เเกล้งโง่ เเต่ฮองเฮาเย่กลับฉลาดด้านนึง อีกด้านก็เเกล้งโง่ สุดท้ายก็ตายเพราะน้ำมือตัวเอง

“เสด็จเเม่ ท่านหมายความว่าเรื่องเเท้งทั้งหมดในเวลาที่ผ่านมา นางสนมที่ตายไปก็เป็นเพราะฮองเฮา?” เวินอ๋องได้ฟังความจริง ก็รู้สึกตกใจ

เขาไม่เคยคิดเลย ว่าฮองเฮาเย่จะเป็นคนที่มีใจโหดเหี้ยมขนาดนี้ ฆ่าทายาทอย่างไม่คิดถึงผลที่ตามมา?

สนมเอกต้านค่อยๆพยักหน้า “พอพูดขึ้นมา ข้ากับฮองเฮาสู้กับมานานขนาดนี้ เเต่กลับไม่รู้ว่าลับหลังนางเป็นคนที่โหดเหี้ยมขนาดนี้ ได้ยินมาว่า มีขันทีที่ชื่อหลิงซงเป็นคนช่วยนางทำ ตอนนี้ก็ถูกขังในห้องสอบสวนถูกใช้เครื่องมือต่างๆสอบสวนอย่างเคร่งครัด

นี่ก็สามารถเข้าใจได้ เป็นฮองเฮา ถึงจะมีอำนาจมากมายเเค่ไหน เเค่สาวใช้ที่ไม่ได้เรื่องจะทำเรื่องอะไรได้ ด้านหลังก็ต้องมีคนช่วย

“เสด็จเเม่ ครั้งนี้ ฮองเฮายังมีทางรอดมั้ย?” เวินอ๋องถามเสียงต่ำ

ถ้าสามารถล้มฮองเฮาเย่ได้ พวกเขาก็วางใจ เเต่สนมเอกต้วนกลับส่ายหัว

“ฮองเฮามีปิ่นหยกที่พระพันปีสืบทอดให้นาง ไม่ว่าเวลาไหน ฮ่องเต้ก็ไม่สามารถปลดตำเเหน่งฮองเฮาได้ ยิ่งอย่าพูดถึงเอาชีวิตนางเลย” สนมเองถอนหายใจ มองดูคานตำหนัก

เป็นอย่างนี้นี่เอง เวินอ๋องก็พยักหน้า ก่อนไป สนมเองต้วนก็กำชับว่าอย่าให้เรื่องนี้เผยออกไปเด็ดขาด

ตั้งเเต่ออกมาจากตำหนักของสนมเอกต้วน เวินอ๋องก็รีบกลับตำหนักตัวเองเลย

พึ่งเข้าตำหนัก ก็เห็นเย่เสียวหลัวเดินมาจากระเบียง รูปร่างเล็กๆ เเต่งหน้าอ่อนๆ ก็ดูน่าสงสาร

พอได้ยินเรื่องนี้เย่เสียวหลัวก็ไม่ได้หลับพักผ่อนมาสองคืนเเล้ว ไปขอความช่วยเหลือจากเวินอ๋อง

“เวินอ๋อง วันนี้ท่านเข้าวัง ได้พูดถึงเรื่องฮองเฮากับเสด็จพ่อไหม? เสด็จพ่อจะทำยังไงกับฮองเฮา?” เย่เสียวหลัวกระพริบตาสองที น้ำตาก็ไหล

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก