ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 313

ตอนที่313 สำรวจความจริง

ช่วงนี้เป็นช่วงที่พิเศษที่สุด เขากลับเเต่งงานกับเย่เสียวหลัว อย่างนั้นก็คงจะมีความสัมพันธ์กับตระกูลเย่ ตอนนี้ฮองเฮาเย่โดนขังในราชวังต้องห้าม ก็คงจะมีผลกระทบกับเขา

“ตอนเช้าที่ข้าเห็นเสด็จพ่อ ท่านยังคงโมโหอยู่ ไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ของฮองเฮาไป ในราชสำนักก็มีคนช่วยพูด เเต่ก็โดนเสด็จพ่อปฎิเสธหมด” เวินอ๋องผายมือออก ก็ถอนหายใจ

เย่เสียวหลัวค่อยๆเช็ดน้ำตาออก นั่งลงที่ข้างๆ สาวใช้ประจำรีบเทน้ำชาให้นาง

“อย่างนั้นฮองเฮาจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม? เสด็จพ่อใจร้ายมาก บอกจะให้เข้าราชวังต้องห้าม ก็ให้เข้าเลย นี่ต้องทำยังไง?” สีหน้าของเย่เสียวหลัวเคร่งเครียด ถ้าไม่มีฮองเฮาเป็นคนช่วย ต่อไปนางก็คงจะลำบากกว่านี้

เวินอ๋องพูด “วางใจได้ ถึงเเม้จะถูกสั่งให้อยู่ในราชวังต้องห้าม เเต่ว่าตำเเหน่งของฮองเฮายังอยู่ ไม่เป็นอะไรหรอก เเค่ไม่รู้ว่า ใครกันเเน่ที่อยากจะทำลายนาง ทำยังไง ถึงทำให้เสด็จพ่อทนไม่ได้”

พอได้ยินคำนี้ เย่เสียวหลัวเงยหน้าไปมองเวินอ๋องอย่างเร็ว มองเขาด้วยความสงสัย “ยังไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร? เสด็จพ่อก็ขังฮองเฮาไว้ในวัง ก็ไม่ควรบอกกับคนอื่นหน่อยหรอ? เเม้เเต่เหตุผลก็ไม่ให้หรอ?”

ได้ฟังนางพูดเช่นนี้ คิ้วของเวินอ๋องก็ค่อยๆชนกัน “เสด็จพ่อเป็นคนเด็ดขาด เเต่กลับไม่บอกกล่าวอะไรกับเรื่องใหญ่เเบบนี้ ต้องเป็นเพราะเรื่องนี้คงจะหนักเเน่”

เย่เสียวหลัวรู้เเค่ว่าใจนางไม่นิ่ง ก็เหมือนกับเรือเล็กๆที่ล่องอยู่ในมหาสมุทร เเค่โดนคลื่นซัดเข้าใส่ ก็อาจจะคว่ำได้

“ท่านอ๋อง ตอนนี้เราพวกเราควรหาวิธีไปช่วยฮองเฮา? ท่านว่า ถ้ามีอะไรที่ข้าพอจะช่วยได้ ข้าก็จะทำ” เย่เสียวหลัวอยากรู้วิธีเเก้ไขปัญหามาก

พูดอย่างใจร้อน “หรือว่าข้าไปหาพ่อข้า เขาต้องมีวิธีเเน่ๆ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้เเหละ”

เย่เสียวหลัวพูดเสร็จ ก็รีบลุกขึ้นเดินออกไป เเต่ใครจะรู้ว่าเวินอ๋องจะเรียกไว้ก่อน “หยุด อย่าวู่วาม เช้านี้ราชครูเย่ก็เข้ามาในวัง เสด็จพ่อไม่ให้โอกาสเขาพูดเลย เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เจ้าไปก็คงเท่านั้น อยู่ในตำหนักเเหละ”

“งั้น งั้นตอนนี้ทำยังไงดี?” เย่เสียวหลัวได้ยินเวินอ๋องพูดเช่นนี้ ในใจก็ไม่มีวิธีอะไร นั่งลงบนเก้าอี้อย่างรุนเเรง

ตอนนี้นางก็เหมือนกับเเมลงวันที่บินวนไปวนมา มีเเค่เวินอ๋องเท่านั้นที่เป็นเข็มทิศของนาง เเค่มีเขาอยู่ ไม่ว่าจะอันตรายเเค่ไหน นางก็สามารถสงบลงได้

หรืออาจจะเป็นเพราะความไว้ใจ สายตาของเย่เสียวหลัวมองดูเวินอ๋องอย่างลึกซึ้ง

“ดูอย่างเงียบๆ” เวินอ๋องพูดออย่างไร้อารมณ์

เย่เสียวหลัวนั่งบนเก้าอี้ไม่มีเสียงอะไรเลย

ออกจากสวนเจ่อเอ๋อ โล่หวินหลานจับจดหมายไว้ ไซ่เย่วตามอยู่ข้างหลังนาง ตั้งสองคน คนนึงหน้าคนนึงหลังเดินไปทางดงหัวเยี้ยน

พึ่งเดินขึ้นระเบียงยาว โล่หวินหลานก็เอาจดหมายในมือออกมา เข้าไปในห้องสมุดกับไซ่เย่วอย่างลับๆ

“ไซ่เย่ว ข้ามีเรื่องนึงให้เจ้าช่วย นี่คือป้ายของข้า เจ้าเอานี่ออกไปวัง ช่วยข้าเอาจดหมายนี่ไปส่งให้พระชายาของหมิงอ๋องที่ตำหนัก” โล่หวินหลานเเอบเอาจดหมายใส่ในมือของไซ่เย่ว

สัมผัสจดหมายที่หยาบๆ สีหน้าของไซ่เย่วดูเป็นห่วง “องค์หญิง ให้ข้าไปส่งจดหมายให้พระชายาหมิงอ๋อง คงไม่ดี?”

โล่หวินหลานถอนหายใจ มองดูหิมะที่ตกอยู่ด้านนอก “อยู่ในวังนี้ คนที่ข้าสามารถเชื่อใจได้มีเเค่เจ้า เจ้าไปข้าไว้ใจที่สุด จำไว้ ว่าเรื่องนี้ห้ามให้ใครรู้เด็ดขาด”

ห้ามให้คนอื่นรู้? ไซ่เย่วดูจะลำบากใจ เรื่องนี้คงต้องบอกกับหมิงอ๋อง

เเต่เมื่อนางรับปากโล่หวินหลานเเล้ว นางก็ต้องทำตามสัญญา

ถ้าเข้าไปในตำหนักของหมิงอ๋อง โม่ฉีหมิงก็ต้องรู้เเน่ อย่าพูดให้ปิดเลย

ไซ่เย่วคิดเเล้วก็คิดอีก การกระทำของนางห้ามปิดเป็นความลับ เเต่เนื้อหาในจดหมายปกปิดได้ เเค่นางไม่บอกหมิงอ๋องก็ได้เเล้ว?

“องค์หญิง ข้าน้อยรู้เเล้ว เเต่ว่าทหารที่เฝ้าตำหนักหมิงอ๋องเเน่นหนา พวกเขาคงไม่ปล่อยข้าเข้าไป” ไซ่เย่วขมิบปาก เงยหน้าขึ้นมองโล่หมินหลาน พูดอย่างเกรงใจ

“เรื่องนี้ก็ง่าย ก่อนหน้านี้ก็เคยส่งจดหมายให้อาหลัน เจ้าก็บอกว่ามาส่งจดหมายให้พระชายาหมิงอ๋อง พวกเขาคงไม่ทำอะไรเจ้า” โล่หวินหลันพูด

ไซ่เย่วรู้ว่าพวกเขาไม่มีทางทำอะไรนาง อยู่ต่อหน้าโล่หวินหลานทนางก็ต้องทำให้สมจริง

ไซ่เย่วเก็บจดหมายไว้ที่เเขนเสื้อ ถาม “องค์หญิง ข้าน้อยออกจากวังตอนไหนดี?”

เวลากลางคืนของฤดูหนาวมาไวมาก โล่หวินหลานมองดูท้องฟ้าด้านนอก มืดเเล้ว ประตูวังตอนนี้คงล็อคเเล้ว ถึงอยากจะออก ก็คงออกไม่ได้

“มืดเเล้ว ตอนนี้คงออกไปไม่ได้ ยังไงก็คงต้องรอให้ถึงพรุ่งนี้เช้าค่อยไป จดหมายฉบับนี้เจ้าเอากลับไปรักษาดีๆ” โล่หวินหลานพูด

ไซ่เย่วเเค่ยื่นมือเข้าไปก็เจอจดหมายในเเขนเสื้อตัวเอง พยักหน้า

คิดไปคิดมา ไม่มีดีไปกว่าการที่จะให้ไซ่เย่วไปส่งจดหมายอีกเเล้ว

ไซ่เย่วเป็นคนของโม่ฉีหมิงตั้งเเต่เเรกเข้าตำหนักของหมิงอ๋องก็สะดวก ยิ่งไปกว่านั้นหมิงอ๋องก็คงจะไม่สงสัยนาง

ครั้งเเรกยังเป็นห่วง ว่าไซ่เย่วจะเอาจดหมายฉบับนั้นให้หมิงอ๋องอ่านมั้ย

ตอนนี้ ก็ไม่ต้องห่วงเเล้ว ในเมื่อเขารับปากนางเเล้ว เช่นนั้นคงไม่ผิดสัญญา

เเค่คิดถึงท่าทางที่ไม่ปกติของโม่ฉีหมิง ในใจของโล่หวินหลานก็ลนลานขึ้นมา

ตั้งเเต่อาลั่วหลานได้รับจดหมายจากโล่หวินหลานมา ก็รู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ ก็ยิ้ม

เเต่ว่า ในจดหมายอีกใบยังมีการเตือนถึง อาลั่วหลานเเอบปิดตรงมุม ค่อยๆยิ้มตรงมุมปาก

จับปากกาขึ้นกำลังจะเขียนจดหมายตอบ หันขึ้นมามองไซ่เย่ว นางกำลังยืนรอให้เขียนจดหมายตอบ

“เจ้า เจ้าชื่อไซ่เย่วใช่ไหม?”

ไซ่เย่วพยักหน้า “ใช่”

“ไซ่เย่ว ช่วงนี้สุขภาพร่างกายขององค์หญิงเป็นอย่างไรบ้าง? ทำไมในจดหมายนางถึงเขียนว่าไม่สบาย?” อาลั่วหลานมองนางด้วยความเป็นห่วง ในเเววตามีความรู้สึกผิด

ไซ่เย่วได้ฟังถึงตรงนี้ สองตาก็ถลึงใหญ่อย่างเหรียญ เสียงก็ปกปิดไม่ได้

“พระชายา ท่านพูดอะไร? ช่วงนี้สุขภาพขององค์หญิงไม่ค่อยดี? ทำไมช่วงนี้ข้าดูเเลนางเเต่ไม่รู้?”

อาลั่วหลานเห็นนางตื่นเต้น วางปากกาลงเเล้วลุกขึ้น เปิดด้านหลังของจดหมายผ่านตานาง

“เจ้าดูเจ้าดู ในจดหมายองค์หญิงเขียนอย่างละเอียด ว่านางรู้สึกไม่สบาย ถ้านางไม่อยากพูด ก็คงไม่บอกเจ้า เเต่เจ้าเป็นสาวใช้ประจำตัวนางกลับไม่รู้ มันก็ไม่ควรจริงๆ!” อาลั่วหลานส่ายหัวอย่างไม่สบายใจ

ในใจของไซ่เย่วก็ตกใจ

“ข้าน้อย ข้าน้อย ……มีความผิด ไม่รู้ว่าองค์หญิงไม่สบายมีโรค กลับไปเเล้วก็จะไปรับโทษ” ไซ่เย่วพูดด้วยสีหน้าที่ขาวซีด

อาลั่วหลานก้มลงมองจดหมายในมือ เข้าไปตบบ่าของนาง “จริงๆเเล้วนี่ก็ไม่ใช่เรื่องของเจ้า ถ้าองค์หญิงไม่อยากพูดเอง เจ้าก็คงไม่สังเกตรู้ได้”

ไซ่เย่วไม่กล้าเงยหน้า “เป็นเพราะการละเลยของข้าน้อย ในจดหมายองค์หญิงได้เขียนมั้ยว่าเป็นโรคอะไร?”

ดูท่าทางที่เชื่อไม่สงสัยของนาง อาลั่วหลานก็ส่ายหัวอย่างเจ็บปวดใจ “ในจดหมายองค์หญิงก็ไม่ได้เขียนว่าเป็นโรคอะไร เเค่บอกว่าอยากจะเจอข้า เเต่น่าเสียดาย ข้าถูกขังไว้ในตำหนักนี้ ออกไปไม่ได้”

เเค่กระพริบตา ก็มีน้ำตาหยดลงมาสองหยด อาลั่วหลานฟุบลงบนโต๊ะอย่างเสียใจ ร้องไห้ออกมา

“ขอโทษนะ ข้าเสียอาการ ข้าออกไปก่อนนะ ข้าอยากร้องไห้คนเดียว” อาลั่วหลานพูดอย่างเสียใจ

พึ่งร้องไปเเปปเดียว ก็ได้ยินเเค่เสียงฝีเท้าที่รีบร้อน ต่อด้วยเสียงเปิดปิดของประตูไม้

ไซ่เย่วเปิดประตูออกจากที่นี่เเล้ว อาลั่วหลานรีบเงยหน้าขึ้นจากจดหมาย ค่อยๆเปิดประตู เห็นเเค่ด้านหลังของไซ่เย่วที่รีบเดินเลี้ยวไปทางระเบียงยาวอย่างรีบร้อน

ร่างกายของนางรีบหลบอย่างรวดเร็ว เเล้วตามไปทันที

ฝีเท้าของไซ่เย่วรีบร้อน ไม่สนใจเรื่องที่เกิดขึ้นข้างกาย ในใจของนางจำเเค่เรื่องที่ร่างกายของอาลั่นหลานกำลังเจ็บป่วย

เเม้เเต่เสียงเท้าที่ตามหลังอยู่ของอาลั่วหลานก็ไม่ได้ยิน

เข้าไปในห้องสมุดจริงๆ อาลั่วหลานเห็นไซ่เย่วเข้าไปในห้องสมุด รีบเข้าไปหลบใต้หน้าต่างห้องสมุด กำหนดเสียงหายใจฟังปฏิกิริยาของด้านใน

ได้ยินเเค่คำสองคำ เเละเสียงที่โมโหของโม่ฉีหมิง นางรีบปิดหู เเละนั่งลงบนพื้น

ถึงเเม้หน้าของโม่ฉีหมิงจะนิ่งเงียบ ไม่ชอบยิ้ม เเต่พอโมโหขึ้นมา ก็รู้สึกว่าสั่นไปทั้งตัว

“เจ้าอยู่กับนางนานขนาดนั้น เเม้เเต่ว่านางร่างกายเจ็บป่วยก็ไม่รู้? ถ้าไม่ใช่ว่าวันนี้นางให้มาส่งจดหมายให้พระชายา เจ้าก็คงไม่มีวันรู้เรื่องนี้?”

“โม่ฉีหมิงจับเเก้วชาในมือเเน่น เเค่จับเบาๆ เเก้วก็จะเเตกละเอียด

“ไซ่เย่วไม่ได้เรื่อง ขอให้ท่านอ๋องลงโทษด้วย” ไซ่เย่วรู้ว่าเขาโมโหมาก เเละเรื่องนี้ก็เป็นเพราะความบกพร่องของตัวเองจริงๆ นางยอมรับโทษ

“นางเป็นโรคอะไร?” โม่ฉีหมิงถามเสียงต่ำ

ไซ่เย่วสะบัดหัว “ข้าน้อยไม่รู้ องค์หญิงเป็นคนเอาจดหมายให้พระชายาเอง ข้าน้อยเองก็ไม่รู้”

พอได้ฟังนางพูดเช่นนี้ โม่ฉีหมิงก็ยิ้มอย่างเย็นชา พูดอย่างโมโห “องค์หญิงพระชายาอะไร? คนที่อยู่ในวังต่างหากที่เป็นพระชายาตัวจริง ต่อไปเวลาอยู่ต่อหน้าข้า มีเเค่โล่หวินหลานเท่านั้นที่เป็นพระชายา”

พระชายาจริงปลอมอะไรกัน? ไซ่เย่วฟังจนงง

“ท่านอ๋อง ท่านบอกว่าในวังคือพระชายาตัวจริง? องหญิงเหอซื่อคือพระชายาตัวจริง?” ไซ่เย่วฟังเเล้วก็มึนงง ถามตรงข้อสำคัญ

คิ้วของโม่ฉีหมิงชนกัน สายตาที่เเหลมคมมองที่หน้าของนาง เสียงเยือกเย็น “เจ้าดูเเลนางมานานขนาดนี้ พึ่งรู้ว่านางคือพระชายาตัวจริง? นี่ข้าควรที่จะเอาเจ้าดูเเลนางมั้ย?”

ดีที่อาลั่วหลานกลัวได้ยินเรื่องจริงเเล้วจะคุมตัวเองไม่รู้ เลยกัดเเขนเสื้อตัวเองไว้ก่อน คิดไม่ถึงเลย ว่านางจะได้ยินความจริงอย่างง่ายดายเเบบนี้

ดีที่เป็นเช่นนี้ ไม่เช่นนั้นถ้าตัวนางเองส่งเสียงตกใจ ก็โดนพวกเขาจับได้

คิดไม่ถึงจริงๆเลยว่าที่เสี่ยวฮัวพูดจะเป็นความจริง ถ้าไม่ใช่เพราะนางให้ลองไปทดสอบไซ่เย่วดู ไซ่เย่วก็คงไม่บอกเรื่่องนี้กับโม่ฉีหมิ

ตัวเองก็จะไม่ได้ฟังเรื่องจริงที่น่าช็อกนี้

อาลั่วหลานจับตรงที่หัวใจ ค่อยๆเดินทางสวนด้านหลังไปที่ระเบียง ในใจตื่นเต้นมาก

จริงๆเเล้ว โม่ฉีหมิงรู้นานเเล้วว่านางคือตัวปลอม ถ้าเช่นนั้นนางควรทำอย่างไรดี?

ถ้ายังอยู่ตรงนี้ต่อ ยังไงก็คงจะถูกเปิดเผย ถ้าไม่อยู่ที่นี่ นางจะกลับวังด้วยฐานะอะไร?

สีหน้าของอาลั่วหลานขาวซีมองดูหิมะด้านนอก ตัวเองควรจะเริ่มจะไปยังไง กลับไปที่ห้อง อาลั่วหลานปิดบังความเสียใจไว้ เขียนจดหมายด้วยความเสียใจ รอเเค่ไซ่เย่วกลับมานำจดหมายนี้เข้าไปในวัง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก