ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 314

ตอนที่314 ให้ข้าช่วยเจ้า

พอหลังจากที่กลับไป โม่ฉีหมิงเรียกสวินโม่เข้าวังมาตรวจเช็คชีพจรของโล่หวินหลาน ให้เขาเเต่งเป็นขันทีออกจากวังด้วยกัน เเละเข้าวังไปกับไซ่เย่ว

ตอนที่อาลั่วหลานเอาจดหมายตอบกลับให้ไซ่เย่ว ในใจก็รู้สึกกลัว

นางทำตามที่เสี่ยวฮัวเขียนในจดหมาย สุดท้ายก็รู้เรื่องที่โม่ฉีหมิงรู้ว่านางไม่ใช่พระชายาของหมิงอ๋องตัวจริง ไม่รู้ว่าไปนี้ต้องอยู่ยังไงต่อ กลับไปที่ดงหัวเยี้ยนอย่างราบรื่น ตอนนี้ก็เย็นเเล้ว สมิงโม่ใส่ชุดขันทีเดินเข้าไป

เขาคิดว่าโล่หวินหลานเห็นเขาคงจะตกใจ เเต่ว่า ในดวงตาของเขากลับว่างเปล่า ไม่มีการเเสดงถึงตกใจเลย

“องค์หญิง ร่างกายของท่านเป็นอย่างไรบ้าง? วันนี้พระชายาของหมิงอ๋องเห็นจดหมายที่ท่านเขียน บอกว่าท่านไม่สบาย ตกลงเป็นยังไงบ้าง? ขออย่าได้โกหกข้าน้อยเลย” ไซ่เย่วรีบพยุงร่างนางขึ้น พูดอย่างระวัง

โล่หวินหลานรีบพยุงร่างนางขึ้น ยิ้มอ่อนๆ “ ร่างกายข้าไม่ได้เป็นอะไร ไม่ต้องเป็นห่วง”

ไซ่เย่วไม่เชื่อ เเนะนำสวินโม่ “นี่คือหมอของตำหนักหมิงอ๋อง มีทักษะฝีมือดี หมิงอ๋องเชิญมาตรวจร่างกายให้องค์หญิงโดยเฉพาะ”

พอฟังนางพูด สายตาของโล่หวินหลานก็มองมาที่โม่ฉีหมิง ยิ้มให้เขาอ่อนๆ “คราวที่เเล้วเราเคยเจอกัน”

จำไม่ได้ว่านานเเค่ไหน โม่ฉีหมิงก็เคยรีบร้อนให้สวินโม่เข้าวังตรวจร่างกายนาง

เเละสวินโม่ก็จำได้ดี ถ้าไม่ใช่เพราะองค์หญิง เขาก็คงไม่ต้องรีบกลับจากข้างนอกเข้าเมือง

“ใช่ เมื่อไม่นานมานี้ข้าก็เคยมาเช็คร่างกายองค์หญิง ตอนนั้นชีพจรขององค์หญิงปกติดี ไม่ทราบว่าช่วงหลายวันมานี้ องค์หญิงรู้สึกไม่สบายที่ไหน?” สวิงโม่วางกล่องยาลง

ชุดของขันที่ก็คงไม่สามารถปกปิดออร่าในตัวเขาได้ พับเเขนเสื้อขึ้นวางลงบนข้อมือของโล่หวินหลาน

ถ้าโม่ฉีหมิงได้ยินว่าร่างกายของนางไม่สบาย กำลังโมโห เลยให้สวิงโม่เข้าวังมาตรวจชีพจรนาง ถ้าเช่นนั้นโม่ฉีหมิงคงรู้เเล้วว่านางเป็นใคร เเละวิชาเปลี่ยนหน้าของอาลั่วหลานก็คงถูกเปิดเผย

เเต่สีหน้าของสวิงโม่กลับนิ่งมาก ไม่เหมือนกับคนที่รู้ว่านางเป็นใคร

เเต่สีหน้าของไซ่เย่วกลับดูลนลานน่าสงสัย ตกลงว่าเรื่องนี้จะจบโดยเร็ว โม่ฉีหมิงก็คงไม่อยากรออีกต่อไป

“ร่างกายของข้าข้ารู้ดี ดีมาก ไม่ได้เป็นอะไร”

โล่หวินหลานยื่นมือไปให้เขาตรวจชีพจร นางก็เชื่อในวิชาหมอของสวิงโม่ เเต่เเค่เวลาเเค่เเปปเดียว เขาก็เก็บมือ

“เป็นอย่างที่องค์หญิงพูดไว้ สุขภาพร่างกายท่านเเข็งเเรงดี เเค่ช่วงนี้เหนื่อยๆ พักผ่อนไม่เพียงพอ เดี๋ยวข้าจะเขียนชื่อยาบำรุงกับท่าน ช่วยลดอาการเพลียของท่านได้” สวิงโม่เก็บมือ “ได้ ถ้าเช่นนั้นก็รบกวนคุณหมอด้วย”

โล่หวินหลานเก็บมือ ลุกขึ้นส่งเขา

“องค์หญิงหยุดเถอะ” สวิงโม่ก็ลาโล่หวินหลานที่หน้าประตู เดินจากไปคนเดียว

โต๊ะด้านในมีชื่อยาที่เขาเขียนไว้ โล่หวินหลานดูสักพัก ก็รีบขย้ำ โยนออกไป

ไซ่เย่วเข้ามาเห็นพอดี รีบไปหากระดาษนั้นด้วยความรีบร้อน

“องค์หญิง ท่านเป็นอะไร? นั้นคือชื่อยาที่หมอเขียนไว้ให้ ท่านทิ้งได้ยังไง?” ไซ่เย่วพูดอย่างตื่นตระหนก

“ร่างกายของข้า ข้ารู้ดีที่สุด ยาพวกนี้ข้าคงไม่ต้องใช้” โล่หวินหลานดื่มชาอย่างช้าๆ “พระชายาหมิงได้เขียนจดหมายกลับมาไหม?”

ได้ยินนางพูดเช่นนี้ ไซ่เย่วพยักหน้า “มี”

เอาจดหมายที่อาลั่วหลานเขียนออกมาจากเอว มุมเปิดปกติ ไม่มีร่องรอยความเสียหาย

“เจ้าออกไปก่อน ไม่มีอะไรไม่ต้องเข้ามา” โล่หวินหลานสะบัดๆมือ

รอไซ่เย่วปิดประตูเดินออกไป โล่หวินหลานค่อยเองจดหมายออกมาอ่าน สีหน้าค่อยๆเปลี่ยน จดถึงสุดท้าย รอยยิ้มที่อยู่บนหน้าก็หายไปอย่างสิ้นเชิง

เเท้จริงเเล้ว เขารู้ฐานะตัวตนที่เเท้จริงของอาลั่วหลานเเล้ว

ก็ว่าทำไมเขาถึงให้สมิงโม่เข้าวังมารักษานาง หรือเขาจะลืมเเล้วตัวเองเคยกินยาปกป้องหัวใจ โรคเล็กๆน้อยๆนางก็ไม่เป็นอะไร เขาลืมเเล้ว

สามารถใช้วิธีเเบบนี้ก็ ก็รู้ถึงความจริงที่โม่ฉีหมิงเก็บซ่อนไว้ โล่หวินหลานไม่รู้จริงๆว่านางควรเสียใจหรือดีใจ

เรื่องนี้เดินทางมาถึงวันนี้ พูดได้เลยว่าเรื่องที่นางทำลับหลัง มีคนรู้เเค่ไม่กี่คน

เเม้เเต่เรื่องที่ส่งอาลั่วหลานให้เขาเองกับมือ ก็เป็นเพราะนางคนเดียว

เเต่นางกลับไม่สามารถรับรู้เจอกับโม่ฉีหมิงได้ เพราะนางยังมีเรื่องสำคัญต้องทำ

นางจะไม่ยอมให้ความพยายามที่ทำมาทั้งหมดไร้ความหมาย เรื่องนี้สืบมาถึงขั้นนี้ ฮองเฮาเย่ก็ถูกขังในวังต้องห้าม ตระกูลเย่ก็คงจะสืบได้อย่างละเอียด

เรื่องราวในปีนั้น นางต้องล้างเเค้นให้ตัวเองด้วยมือนางเอง

พอคิดๆเเล้ว ก็ควรจะไปที่เก่านั้น ไปถามนางด้วยตัวเอง ถึงจะรู้สาเหตุเเละผลที่ตามมาอย่างละเอียด

เเค่ไม่รู้ว่า นางทำเรื่องอะไรไว้บ้าง ถึงทำให้ฮ่องเต้เจียเฉินถึงกับอาจจะปลดตำเเหน่งนาง ต้องมีคนชี้เเนะเเน่เลย

เรียกไซ่เย่วเข้ามา โล่หวินหลานถาม “เรื่องที่ครั้งก่อนให้เจ้าไปสืบสืบได้หรือยัง?สมุดเล่มนั้นของ หลิงซงมีความลับอะไรที่ปกปิดอยู่?”

เมื่อวานออกจากวัง ก็ให้โอกาสไซ่เย่วในการสืบ ถ้าไม่ได้ออกวัง เเล้วไซ่เย่วจะได้เจอหมิงอ๋องได้อย่างไร? เเล้วจะถามถึงความจริงของเรื่องได้อย่างไร?

ไซ่เย่วคิดไปคิดมา ก็พยักหน้า พูดตามความจริง “ข้าน้อยสืบเเล้วได้เบาะเเสมาบ้าง”

“พูด” โล่หวินหลานมองหน้านาง

ไซ่เย่วขมิบปาก “เรื่องนี้พูดเเล้วมันยาว จริงๆเเล้วความสัมพันธ์ของทั้งสองค่อนข้างซับซ้อน ตอนที่ฮองเฮาเย่ยังไม่ได้เข้าวัง ก็รู้จักกับหลินซงเเล้ว”

“พวกเขาเหมาะกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก?” ในสมองของโล่หวินหลานก็มีคำนี้ขึ้นมา

ไซ่เย่วส่ายหน้า “องค์หญิง พวกเขาไม่ใช่คู่หมั้นกัน หลินซงเป็นคนเจียงหู ในสมัยฮองเฮาเย่ยังเด็ก ราชครูเย่เคยส่งนางไปเรียนที่เขาหวู่ซิง เเละหลินซงก็คืออาจารย์ของฮองเฮาเย่”

ที่เเท้ก็คือความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์เเละศิษย์รักนี่เอง

หลิงซงช่วยฮองเฮาเย่ทำงานต่างๆมาหลายปีนี้ ก็ไม่เคยมีความคิดที่จะหักหลังเลย หรือว่าทั้งสอง ……

ในใจของโล่หวินหลานก็ตื่นตระหนก ในยุคนี้ ระหว่างอาจารย์เเละลูกศิษย์ คือไม่มีวันมีความรู้สึกรักต่อกัน อาจจะเป็นเพราะนางคิดมากเกินไป

ไซ่เย่วพูดต่อ “พอไหว้หลินซงเป็นอาจารย์ ทั้งสองก็อยู่ที่เขาหวูซิงตลอด เเต่ลูกศิษย์คนอื่นของหลินซงก็เรียนจบลงไปหมดเเล้ว เหลือเเค่ฮองเฮาเย่เท่านั้นที่ยังอยู่บนเขาหวูซิง

ไม่มีคนรู้ว่าที่เขาหวูซิงเขาทั้งสองมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง จนถึงสี่ปีต่อมา ฮองเฮาเย่อายุสิบหกปี ราชครูเย่คนก่อนค่อยไปรับนางลงจากเขา ได้ยินมาว่าตอนนั้นเป็นตอนที่เลือกนางสนม

ตอนเเรกฮองเฮาเย่ไม่ยอมมา เเต่หลังจากที่ราชครูเย่คนก่อนรับปากจะส่งหลินซงเข้าวัง ฮองเฮาเย่ถึงยอม

ลูกสาวของตระกูลเย่ถูกกำหนดไว้เเล้วคือฮองเฮาองค์ปัจจุบัน ราชครูเย่คนก่อนทำให้ฮองเฮาเย่เป็นราชินีอย่างง่ายดาย เเค่อยู่ข้างกาย ก็คือยี่สิบปี”

คำพูดของไซ่เย่วทำให้โล่หวินหลานถึงกับเศร้าโศก นางคิดไม่ถึงว่าความรักของอีกคนสู่อีกคน มาถึงจุดที่ยอมเสียสละความสุขในอนาคตของตัวเอง

หลินซงทำเพื่อฮองเฮาเย่ ยอมทิ้งชีวิตที่สงบสุขในเขา ยอมผ่านเรื่องต่างๆในวังกับนาง ยังฆ่าคนเพื่อนางมาเยอะขนาดนี้

ไม่รู้ว่าควรอิจฉาความรู้สึกที่มั่นคงของพวกเขา หรือว่าควรเกลียดพวกเขาที่ใช้ความรักปกปิด

คนเราทุกคนก็ต่างมีเรื่องราวของตัวเอง เเต่น่าเสียดายที่เรื่องราวของฮองเฮาเย่ในชาตินี้สั้นเกินไป สั้นจนยังไม่ทันได้นึกถึง ก็หายไปเเล้ว

“เรื่องนี้ องค์รัชทายาทรู้ได้อย่างไร?”

สองมือของโล่หวินหลานจับเเก้วชาไว้ ไซ่เย่วส่ายหัว “เรื่องนี้มีคนรู้ไม่เยอะ ฮองเฮาเย่จะกล้าบอกเรื่องนี้กับองค์รัชทายาทได้ยังไง?”

มันก็จริง เรื่องนี้ต้องมีคนเกี่ยวข้องด้วยเยอะ ถ้าไม่ระวังมีคนรู้เข้า ก็คือโทษโกหกฮ่องเต้ ต้องโดนฆ่า9ชั่วโคตร

“อืม ให้ข้าได้สงบสักพัก” โล่หวินหลานจับตรงศีรษะของตัวเองไว้ ค่อยๆหลับตาลง

โชคดีที่เรื่องนี้ติดอยู่ตรงนี้ ตอนนี้เวินอ๋องก็คงกำลังปวดหัวกับเรื่องนี้ ก็คงไม่มีเวลามาสนใจตัวเอง

ยังไม่พูดถึงความสัมพันธ์ของเขากับตระกูลเย่ เเต่เย่เสียวหลัวคนเดียวก็น่ารำคาญจะตายเเล้ว

เเต่ว่า ในเรื่องนี้ คนที่ได้รับประโยชน์คือโม่ฉีหมิงจริงๆ หรอ?

ล้มองค์รัชทายาทเเละเวินอ๋อง ไม่ใช่สิ ยังมีหลัวอ๋องอีกคน

ได้ยินมาว่าเรื่องที่เปิดโปงฮองเฮาเย่ หลัวอ๋องก็เข้าร่วมด้วย

ในเวลาดึกดึ่น ผู้คนในวังต่างก็หลับกันเเล้ว มีเเต่ของเชียวโหลงเท่านั้นที่ยังมีเเสงสว่าง เหมือนกับเวลาเช้า

องค์รัชทายาทใช้ท้าวเตะประตูของจิ่นซื่อออก ในมือจับขวดเหล้าเปล่าไว้สองขวด เดินเข้าไปอย่างเมาๆ

ในวังเกิดเรื่องใหญ่เเบบนี้ขึ้น จิ่นซื่อก็รอการมาขององค์รัชทายาทอยู่ตลอด

คืนนี้ ก็รอจนเขามาเเล้ว

“องค์รัชทายาท ทำไมท่านถึงเมาเเบบนี้? ระวังหน่อย ข้าพยุงท่านขึ้นเตียงพักผ่อน” จิ่นซื่อรีบวางของในมือลง ไปที่ประตูพยุงตัวขององค์รัชทายาทไว้

เเต่ว่า มือของนางเเค่เเตะโดนองค์รัชทายาท ก็โดนเขากอดไว้เเน่นๆ

จิ่นซื่อโดยเขากอดเเน่นๆอยู่ในอ้อมกอด รู้สึกว่าทั้งตัวก็จะโดนเขาจับเเล้ว

“องค์รัชทายาท ข้ารู้ว่าท่านอารมณ์ไม่ดี มีอะไรท่านก็บอกข้าได้หมด ถ้าข้าสามารถช่วยท่านได้ ข้าก็จะช่วยเเน่นอน” จิ่นซื่อพยุงตัวเขาอย่างลำบาก เดินเข้าไป

องค์รัชทายาทได้ฟังคนนี้ ก็หัวเราะขึ้นมา สะบัดมือของนางออก

“ไม่ เจ้าช่วยข้าไม่ได้ เรื่องนี้ไม่มีคนช่วยข้าได้ มา มาดื่มเป็นเพื่อนข้า วันนี้ไม่เมาไม่กลับ….., องค์รัชทายาท

มือทั้งสองของเขาเริ่มคลาย ขวดเหล้าก็ตกลงไม่ไกล ตามด้วยเสียงที่ตกเเตกดังขึ้น ตกเเบบกระจัดกระจาย

“เอาเหล้ามาให้ข้า” องค์รัชทายาทดื่มอย่างรุนเเรง ด้านนอกประตูก็รีบมีสาวใช้คนหนึ่งเข้ามาดูเเล ถามว่าเรื่องอะไร

จิ่นซื่อมองดูสาวใช้คนนั้น สีหน้าดูไม่ดี “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เจ้าออกไปก่อน ไม่มีอะไร ไม่ต้องเข้ามา

พอสาวใช้นางนั้นออกไป จิ่นซื่อค่อยยื่นมือไปจับบนตัวขององค์รัชทายาท เขาเกาะอยู่บนโต๊ะ ในมือยังจับขวดเหล้าเปล่าๆไว้

จิ่นซื่อดึงขวดเหล้าของเขาออก พูดอย่างทนไม่ได้ “ข้ารู้ว่าองค์รัชทายาทเสียใจเพราะเรื่องของฮองเฮา เเต่กลับไม่มีทางออก

“เจ้ารู้ก็ดีเเล้ว” องค์รัชทายาทดึงมือกลับ จับมือนางไว้ “ อย่าขยับ ให้ข้าจับมือเจ้าไว้อย่างนี้ ข้ารู้สึกสบายใจ”

มือของเขาจับมือของจิ่นซื่อไว้เเน่นๆ จับมือเล็กๆไว้อย่างอบอุ่น เหมือนกับกำลังรับความอบอุ่นจากนาง

เห็นองค์รัชทายาทดูไร้ประโยชน์เเบบนี้ จิ่นซื่อก็รีบดึงมือของตัวเองกลับมา พูด “องค์รัชทายาท เรื่องนี้ข้าช่วยท่านเอง ดีไหม?”

สีหน้าขององค์รัชทายาทเปลี่ยนไป ค่อยๆยืดตัวขึ้น ขึ้นมาอย่างกะทันหัน “ เจ้ามาช่วยข้า? เจ้าใช้อะไรมาช่วยข้า?

จิ่นซื่อรู้ว่าเขาไม่เชื่อตัวเอง ฐานะของตัวเองตอนนี้ ไม่ว่านางจะพูดอะไร เขาก็ไม่มีทางเชื่อ

เเต่ว่า นางกลับพูดซ้ำอีกครั้ง “เชื่อข้า ข้าสามารถช่วยท่านได้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก