ตอนที่ 32 เข้าจวน
แกล้งป่วยมาหลายวัน ในที่สุดก็ได้ออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอก โล่หวินหลานยืนอยู่หน้าประตูจวน ยื่นมือออกไปข้างๆ บิดขี้เกียจราวกับต้องการให้อากาศนั้นเข้ามาโอบกอดตัวนางไว้
โม่ฉีหมิงเลื่อนรถเข็นออกมาจากด้านในแล้วเห็นภาพนี้พอดี ผมของโล่หวินหลานสยายปลิวไปตามสายลม แล้วเสื้อคุมของนางปลิวอยู่กลางอากาศ นางดูราวกับนางฟ้า เหมือนทุกอย่างบนโลกนี้มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนางเลย
เขาเลื่อนรถเข็นเข้าไปใกล้นางแล้วพูดว่า “ความคิดของรัชทายาทกับฮองเฮายากที่จะคาดเดาได้ ข้าจะไปที่จวนของรัชทายาทกับเจ้าด้วย ป้องกันพวกเขาเล่นลูกไม้อะไร”
โล่หวินหลานวางมือลง แล้วก้มหน้ามามองโม่ฉีหมิง หน้าตาที่กำลังใช้ความคิดจ้องไปที่เขา “รัชทายาทจะทำอะไรข้า? ข้าเป็นคนเดียวที่ช่วยเขาได้นะ เขาคงไม่โง่ขนาดนั้นหรอก”
เกรงว่าตอนนี้รัชทายาทกำลังนั่งรอให้นางไปรักษาเขามากกว่า ก่อนที่เขาจะหาดี เขาไม่มีทางกล้าทำอะไรบุ่มบ่ามแน่นอน ต่อให้รัชทายาทจะทำอะไรนางจริง นางก็เชื่อว่าโม่ฉีหมิงจะต้องช่วยนางออกมาได้แน่นอน
แต่ว่าโม่ฉีหมิงไม่ได้คิดแบบนาง ถึงแม้รัชทายาทจะไม่ได้แสดงท่าทีเห็นพวกเขาเป็นศัตรู แถมยังเห็นเขาเป็นพี่น้องที่ดี แต่เขาเดาใจรัชทายาทไม่ได้เลยว่าเขาคิดจะทำอะไร
ตอนนี้โล่หวินหลานจู่ๆก็ไปหาเขา เขากังวลว่าพออาการของรัชทายาทดีขึ้นแล้วเขาก็จะลงมือทำอะไรนางทันที แล้วใช้นางมาข่มขู่เขา
โม่ฉีหมิงหน้านิ่งเป็นศพ พูดด้วยเสียงเรียบๆว่า “ข้าบอกว่าจะไปก็คือไป ให้เจ้าไปคนเดียวข้าไม่วางใจ”
โล่หวินหลานรู้ว่าอะไรก็ตามที่โม่ฉีหมิงพูดออกมาแล้วเขาไม่มีทางเปลี่ยนใจ เขาเป็นคนทำอะไรเด็ดขาด แต่ว่าเห็นท่าทางที่จริงจังของเขาแล้ว โล่หวินหลานก็รู้ว่าเขาเองก็หวังดีต่อเขา ในใจก็แอบตื้นตันไม่น้อย
ตอนนี้หน้าประตูมีรถม้าจอดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ฉินหยิ่นหอบกล่องยาแล้วก็ของใช้ที่จำเป็นวางไว้บนรถม้า เย่หวินสั่งการอยู่ด้านหลังของเขา ฉินหยิ่นไม่เพียงไม่โกรธ แต่กลับมี ...... รอยยิ้มบนหน้า
เมื่อพวกเขาเตรียมของทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พระอาทิตย์กลมโตก็ขึ้นแล้ว
“ท่านอ๋อง พระชายา ขึ้นรถม้าได้แล้วขอรับ”
ฉินหยิ่นพูดจบ เห็นพวกเขาเหยียบขึ้นรถม้าไปแล้ว ตัวเขากับเย่หวินก็นั่งอยู่ริมรถม้าคนละข้าง แล้วเดินทางไปยังจวนรัชทายาททันที
หลังจากขึ้นรถม้าไปแล้ว โม่ฉีหมิงไม่แม้แต่จะมองโล่หวินหลานเลย เขานั่งหลับตา ท่าทางดูสบายมาก แต่ว่าในความเป็นจริง แค่มีลมพัด เขาก็รู้ตัวทันที
โล่หวินหลานเห็นเขาหลับตา ใบหน้าใต้หน้ากากอันหล่อเหลาของเขา ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะเข้าไปใกล้ๆ เพื่อมองหน้าเขาอย่างละเอียด หน้าตาของเขาที่กำลังหลับตามันไม่มีความดื้อรั้น แต่มันมีความอบอุ่น
เหมือนเขารู้ว่ามีคนกำลังจ้องเขาอยู่อย่างไม่ละสายตาเลย เขาลืมตาขึ้นมา ริมฝีปากเย็นๆของเขาประกบเข้ากับริมฝีปากของโล่หวินหลาน หลังจากความตะลึงก็กลายเป็นการดื่มด่ำไปกับรสจูบของเขา
โล่หวินหลานพยายามผลักหน้าอกเขาออกด้วยสีหน้าแดงก่ำ เขาเหมือนรูปปั้นที่ไม่ขยับ ถ้ารู้แบบนี้ก็ไม่แอบดูเขาแต่แรกหรอก ขณะที่นางกำลังหอบอยู่ เขาก็เอาริมฝีปากออกจากปากนาง
“คราวหน้าหากจะมองข้า ก็มองเลย” โม่ฉีหมิงยิ้ม รอยยิ้มของเขามันแอบร้าย
โล่หวินหลานถูกแกล้งก็เลยไม่ค่อยพอใจ นางกำหมัดแล้วชกไปที่หน้าอกของเขา มันไม่ได้แรงมากไม่ทำให้เขาเจ็บปวดอะไร เขายังจับหมัดน้อยๆของนางอีกด้วย
“ปล่อยนะ” โล่หวินหลานพยายามสะบัดมือ เพื่อให้หลุดออกจากมือของโม่ฉีหมิง จากนั้นก็พูดว่า “ใกล้ถึงจวนรัชทายาทแล้ว อีกเดี๋ยวไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เจ้าห้ามทำอะไรวู่วามเด็ดขาด รัชทายาทไม่ทำอะไรเราหรอกนะ”
พูดจบ ก็ได้ยินโม่ฉีหมิงหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “หากเขากล้าแตะต้องเจ้า ข้าจะถล่มจวนรัชทายาททิ้งซะ”
เขาพูดออกมาเขาทำได้แน่ แต่ว่าผู้หญิงในอ้อมกอดเขากลับส่ายหัวอย่างจนปัญญา ไม่ได้พูดอะไรอีก
คนที่กำลังเดินอยู่บนถนนต่างก็เดินหลบให้รถม้าที่ดูมีราคาคันนี้ ทุกคนรู้ดีว่าคนที่นั่งอยู่บนรถม้านั้นมีฐานะสูงศักดิ์แค่ไหน รถม้าวิ่งไปอย่างราบรื่นจนถึงหน้าจวนรัชทายาท
บ่าวไพร่หน้าประตูได้รับคำสั่งแต่เช้าแล้ว เมื่อพวกเขาเห็นคนที่อยู่บนรถม้าคือหมิงอ๋องก็รีบเดินมาต้อนรับ
บ่าวไพร่นำทางพวกเขาเดินผ่านสวนที่มีภูเขาปลอม ต้นไม้ สระน้ำ ต่างๆ
พวกเขาถูกพามาที่ห้องๆหนึ่ง ที่ตกแต่งสวยงามและประณีต มีของตกแต่งเก่าแก่มากมาย หากเป็นคนที่รู้เรื่องของเก่าก็จะรู้ว่ามันมีมูลค่ามากแค่ไหน
สาวใช้ในจวนรัชทายาทก็ทำงานไว เมื่อเห็นพวกเขาสองคนนั่งลงแล้ว ก็รีบยกน้ำชามาให้ สาวใช้ทุกคนรูปร่างหน้าตาดีทุกคน
“ท่านอ๋อง พระชายา ทรงรอสักครู่ อีกเดี๋ยวรัชทายาทก็ทรงเสด็จมาแล้ว” สาวใช้พูดจบ ก็ถอยกลับออกไป
โม่ฉีซิวหน้าแดงไปหมด คนรับใช้ที่อยู่ด้านหลังรีบยกน้ำมาให้เขา เขาดื่มแล้วถึงได้ลุกขึ้นเข้าไปด้านในห้อง
โล่หวินหลานถือกล่องยาของนางเดินตามไป ด้านในเป็นห้องนอนของโม่ฉีซิว ภายในห้องอากาศค่อนข้างเย็นไม่ค่อยอุ่นนัก โม่ฉีซิวสั่งให้สาวใช้ออกไปจนหมด ภายในห้องเงียบลง เหลือแค่พวกเขาสองคนเท่านั้น
เขานอนอยู่บนเตียง เหลือบมามองโล่หวินหลานที่กำลังเปิดกล่องยาออก นางเอาของด้านในกล่องออกมาวางบนโต๊ะทีละชิ้น ของหลายอย่างเป็นของที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
“เจ้ามีวิธีรักษาอาการให้ข้าจริงหรอ? เสด็จแม่ตามหาหมอทั่วแผ่นดิน แต่ไม่มีหมอคนไหนสามารถรักษาได้เลย พวกเขาทำได้แค่ลดความเจ็บปวดในตัวข้าลงเท่านั้น ไม่มีทางรักษาต้นเหตุของโรคได้ พูดตามตรง ข้าปลงแล้ว” โม่ฉีซิวยิ้มแบบเศร้าๆ
เขารู้สถานการณ์อาการของเขาดี ตั้งแต่เขาเอาชิงตั้ยให้โล่หวินหลานไป ตอนที่นางบอกว่าสามารถรักษาอาการของเขาได้นั้น ในใจของเขาดีใจมาก
คืนนั้น เขาแทบจะนอนไม่หลับเลย ในหัวของเขามีแต่ภาพตัวเองที่หายป่วยดีแล้ว หลายวันนั้นเขาอารมณ์ดีมาก ต่อมา เขาก็ให้หมอหลวงมาตรวจอาการให้เขาอีก พวกเขาบอกแค่ว่าไม่มีทางหายขาด ตอนนั้นทำให้เขายากที่จะเชื่อคำพูดของโล่หวินหลาน
วันนี้ตอนที่เห็นโล่หวินหลานมา เขาคิดว่า หากนางรักษาอาการเขาไม่ได้จริงๆ ก็ไม่เป็นไร เพราะแม้แต่หมอหลวงก็บอกว่าไม่มีทางรักษาให้หายได้ นางเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งจะไปมีปัญญาอะไร?
โล่หวินหลานฟังเขาพูดจบ ก็หยุดจัดของ หลังจากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันว่า “เจ้าเห็นค่าชีวิตตัวเองแค่นี้เองหรอ? หากชาตินี้ทั้งชาติไม่มีใครสามารถรักษาโรคให้เจ้าได้จริง เจ้าก็คิดจะใช้โรคที่เจ้าเป็นมาทรมานตัวเองจนตายงั้นหรอ?”
คำพูดประชดประชันของนางดังเข้าหูโม่ฉีซิว เขายิ้ม แล้วพูดว่า “ต่อให้มีโอกาสเพียงแค่นิดเดียว ข้าก็จะไม่มีทางปล่อยไป ข้าอยากใช้ชีวิตแบบคนปกติที่เขาเป็นกัน”
โม่ฉีหมิงที่รออยู่ด้านนอกจริงๆไม่ได้คิดอยากจะให้โล่หวินหลานเข้าไปคนเดียว พอเวลานานไป เขาก็เลื่อนเก้าอี้รถเข็นของเขาไปมา กำลังจะเข้าไป แต่ก็ถูกเย่หวินห้ามไว้
“ท่านอ๋อง รัชทายาทยังป่วยอยู่ ทำอะไรพระชายาไม่ได้หรอก เรารออยู่ที่นี่ดีกว่า อย่าไปรบกวนพระชายาเลย” เย่หวินรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล พยายามพูดแบบเสียงไม่สั่น
พระชายาเข้าใจท่านอ๋องจริงๆ ก่อนเข้าไปนางได้สั่งเอาไว้ ไม่ว่ายังไงจะต้องห้ามโม่ฉีหมิงเอาไว้ให้ได้ อย่าให้เขาทำอะไรวู่วามเด็ดขาด
โม่ฉีหมิงเหลือบไปมองเย่หวินด้วยสายตาที่เย็นเฉียบ นางตัวสั่นก้มหน้าลง
เขาไม่พูดอะไร แล้วนั่งนิ่งๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก