ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 52

ตอนที่52 หันหน้าคุยกัน

เฉินเฟยคือมารดาของโม่ฉีหมิง เรื่องนี้โล่หวินหลานรู้ คิดไม่ถึงวันนี้จะเป็นวันครบรอบสวรรคตของแม่ของเขา…… นางนั่งลงที่เก้าอี้อย่างหนักอึ้ง ขมวดคิ้วแน่นๆ

เขาต้องเสียใจมากแน่ๆในเวลาแบบนี้นางไม่เพียงไม่อยู่ให้กำลังใจเขา ยังจะทำสงครามเย็นกับเขา ในเวลาที่เขาต้องคนอยู่เคียงข้าง นางกลับไม่อยู่

เค้าจะรู้สึกเหงาขนาดไหน!

เย่หยิวที่อยู่ข้างๆได้แต่กัดริมฝีปากไปมา ท่านอ๋องเคยสั่งให้นางอย่าพูดเรื่องพวกนี้ออกไป แต่นางจะไม่พูดได้อย่างไร?นางจะทำไม่รู้ไม่ชี้ปล่อยคนสองคนที่รักกันมากเลิกจากกันได้อย่างไร?

“เย่หวิน ท่านอ๋องอยู่ไหน?” โล่หวินหลานลุกขึ้น ความรู้สึกตกต่ำ

เย่หวินไม่ได้คลุมเครือ อ้าปากพูด “เช้านี้ท่านอ๋องเดินทางไปทิศตะวันออกเขตเซียงหมินที่ที่หนึ่งเรียกว่าเขาจิ่วหวิน คาดว่าท่านไปถึงครึ่งทางของไหล่เขาก็น่าจะพบท่านอ๋อง……”

เย้หวินยังไม่ทันพูดจบ ก็โดนขัดแล้วสั่งนางอย่างเร่งรีบ “รีบไปเรียกพ่อบ้านเตรียมรถม้า!”

เย่หวินรีบรับคำสั่ง

นั่งอยู่บนรถม้า โล่หวินหลานใจเต้นตึกตักไม่หยุด มือกำผ้าเช็ดมือในมือจนแน่น ครุ่นคิดว่าถ้าหากเจอโม่ฉีหมิงแล้วจะพูดยังไงดี เขาจะเย็นชากับนางรึป่าว ไม่สนใจ หรือจะโทษนาง ตำหนินางที่ดื้อ……

หัวใจนางรู้สึกหนักอึ้งไปหมด

หนทางทางขรุขระตลอดทาง กว่าจะหยุดที่จิ่วหวินซานของเขตเซียงหมินได้

หุบเขาอันเขียวขจีลมพัดเย็นสบาย ลมพัดปลิวโบกตามแรงลม หนองน้ำสีเขียวมรกตสุดลูกหูลูกตาทั่วทั้งทิศซ้ายแล้วขวา ด้านซ้ายเป็นทางดินเล็กแคบ ข้างทางทั้งสองทางปกคลุมไปด้วยพืชพันธุ์ต้นหญ้าต้นหยางหลิวทั้งสองข้างทาง กิ่งก้านอันเรียวเล็กพัดโบกสะบัดตามแรงลม

วิวทิวทัศน์สวยขนาดนี้ช่างเป็นบุญตานางเหลือเกิน โลกที่นางอยู่หาสถานที่สวยขนาดนี้ไม่ได้ ถึงแม้จะมี ก็เป็นคนรุ่นหลังช่วยกันสร้างขึ้นมา เปรียบกับที่นี่ไม่ได้อย่างแน่นอน!

“พระราชา ระวังหน่อยนะเพคะ ทางเดินข้างหน้าเดินลำบาก” เย่หวินเตือน

พูดพลางเดินนำทางข้างหน้า เยาหวินเคยมาที่นี่ นับตั้งแต่ทำงานกับโม่ฉีหมิง แทบจะทุกปีต้องมาที่นี่กับโม่ฉีหมิงทุกปี นอกจากปีนี้ที่ถูกสั่งให้เฝ้าพระราชา

เดินพ้นออกจากทางดินเล็กแคบ ข้างหน้าจะเป็นลำธารน้ำใส เย่หวินข้ามลำธารเล็กนี้ไปก่อน พลางยื่นมือมาช่วยนางกระโดดข้ามลำธาร

โล่หวินหลานเลิกกระโปรงขึ้นเล็กน้อย มือยื่นไปจับเย่หวินหนึ่งข้าง ข้ามไปได้อย่างง่ายดาย

เดินตามข้างๆลำธารเล็กจนสุดทาง พื้นดินกว้างใหญ่โผล่ให้เห็นเบื้องหน้า

ใต้ต้นหวูท๋งข้างหน้า ตั้งแผ่นป้ายดำที่หลุมศพหนึ่งป้าย ดอกไม้ใบหญ้าพัดปลิวกระจายไปทั้งแผ่นป้ายหลุมศพ ตรงนั้นมีชาย ชุดคลุมสีดำทั้งตัว รูปงามดังภาพวาดนั่งอยู่บนรถเข็น ยื่นมือค่อยๆปัดไปที่ป้ายเบาๆ

แผ่นหลังของเขามีความทั้งความเหงาความโดดเดี่ยวซ่อนอยู่ ดังเสมือนกับวิวทิวทัศน์รอบข้างไม่เกี่ยวกับเขา มีเพียงแต่เขาที่จมลึกอยู่กับความเจ็บปวด

โล่หวินหลานค่อยๆเดินไปใกล้เขาทีละก้าว เสียงฝีเท้าค่อยๆเหยียบใบไม้ดังเบาๆ

ฉินหยิ่นทำหน้าไม่ถูกเมื่อเห็นนาง อ้าปากจะเรียกขานพระราชา แต่นางก็นิ้วชี้แตะปาก “ชู่” ให้เขาเงียบๆ ฝีเท้าก้าวย่างแผ่วเบามาอยู่ข้างหลังโม่ฉีหมิง

“แอบหนีมาที่นี่คนเดียว ทำไมไม่พาข้ามาด้วยล่ะ?” เสียงของโล่หวินหลานมีความสั่นเครือ

โม่ฉีหมิงไม่ได้หันหลังกลับ เพียงแค่เอ่ยส่งเสียงแหบพร่า “ตอนท่านแม่จากไป หลุมฝังศพยังอยู่ในสวนหลังวัง แม้แต่กระดูกยังหาไม่เจอ มีเพียงการพิธีไร้ร่างและวิญญาณ จิ่วหวินซานคือที่ที่ท่านแม่เกิดและเติบโต ท่านแม่เคยบอกว่าตอนท่านให้นำท่านกลับบ้านเกิด แต่นางไม่เข้าใจ เข้าวังแล้วไม่อาจจะออกไปได้อีก ข้าได้เพียงแค่หาที่สักแห่งในการทำหลุมศพ ฝังร่างท่านแม่ ให้ท่านกลับคืนสู่ที่ที่ท่านเกิด”

ลมพัดผ่านหน้าของโล่หวินหลาน พัดโดนผมนางแผ่วเบา ในใจนางรู้สึกเย็นวาบเจ็บปวด

ได้ยินมาว่าเฉินเฟยคือผู้หญิงที่โม่ฉีสิงโปรดปรานที่สุด เอ็นดูรักใคร่ที่สุดในวังหลัง แต่แค่เพียงชั่วข้ามคืนก็ถูกคนใจร้ายพรากชีวิตนางไป แม้แต่กระดูกยังหาไม่เจอก็ถูกทำพิธีสุสานไว้ที่สวนหลังวัง คาดคิดไม่ถึงจริงๆว่าโม่ฉีสิงผู้ที่สูญเสียนางอันเป็นที่รักจะรู้สึกอย่างไร ยิ่งค่ดคิดไม่ถึงว่าโม่ฉีหมิงที่ยังเด็กเล็กจะรับกับเหตุการณ์นี้ได้ยังไง

“หลังจากนั้น ข้าขอสาบาน ว่าจะเข้มแข็งขึ้น ฝึกปรือวรยุทธ์ให้แข็งแกร่ง แม้ร่างกายข้าจะพิการ แต่ท่านพ่อก็ไม่ได้มองข้ามข้า มองหน้าที่ดูแลเฉาถางให้ข้า แต่เจ้า ไม่รู้จะจัดการกับเจ้ายังไงดี” รอยยิ้มของโม่ฉีหมิงมีความฝืดคม

“หมิง……ท่านไม่ต้องพูดแล้ว ข้ารู้เรื่องกำไลหยกชิ้นนั่นแล้ว ข้าไม่รู้ความหมายของกำไลหยกนั่น หากข้ารู้ ข้าไม่มีทางสวมใส่กำไลนั่นเป็นอันขาด” โล่หวินหลานสาวเท้าไปข้างหน้า ยืมข้างลำตัวเขา

“นี่มันเป็นเรื่องไม่สำคัญ ข้าขอเพียงเจ้าไม่จากข้าไปไหน อยู่เคียงข้างข้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”โม่ฉีหมิงได้เปลี่ยนกลับมาเป็นโม่ฉีหมิงที่มีอำนาจ

“แน่นอน” เป็นเพียงแค่สองคำที่ทำให้ทั้งคู่ใจเชื่อมใจกันแน่นแฟ้น

เรื่องที่ไม่เข้าใจกันก่อนหน้านั้นก็ถูกคลี่คลายลงไป ท่ามกลางพื้นหญ้ากว้างแห่งนี้ พวกเขาปลดปล่อยใจให้กว้างรับฟังซึ่งกันและกัน

ทั้งสองไหว้สุสานเฉินเฟยหนึ่งครั้ง แล้วก็ช่วยกันปัดกวาดเช็ดถูใบไม้ใบหญ้าที่รกสุสานให้สะอาด นี่เป็นครั้งแรกที่โม่ฉีหมิงพกพาใจให้เบาสบายไม่ตึงเครียดมาหน้าหลุมศพเฉินเฟย

“หมิง วันนี้หลินอ๋องเขาฟื้นแล้วนะ” โล่หวินพูดพลาง สังเกตสีหน้าเขาไปแวบหนึ่ง นัยน์เย็นเหยียบไม่มีอารมณ์เปลี่ยนแปลง แล้วก็พูดต่อ “ต้วนกุ้ยเฟยติดหนี้บุญคุณพวกเรานะ หากพวกเราต้องการความช่วยเหลือ ก็ให้นางชดใช้หนี้บุญคุณครั้งนี้”

ตอนแรกคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าดีใจ เพียงแต่โม่ฉีหมิงได้แต่ยิ้มเย็นๆ สายตามีแววครุ่นคิดแต่คาดเดาไม่ได้ พูดเสียงเย็น “เจ้าต้องรู้ว่าที่หลินอ๋องเป็นไข้ทรพิษได้เป็นฝีมือของพระมเหสี?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก