ตอนที่51 เป้าหมาย
“พระราชาหมิง……ท่านหมายความว่า?” ใบหน้าอันซีดเซียวของโม่ฉีมู่เริ่มกลับมาแดงระเรื่อขึ้นทันที
ต้วนกุ้ยเฟยมีสีหน้าซีดเซียวเพิ่มขึ้น นางก็ไม่ใช่คนใจดีอะไร กว่านางจะได้ตำแหน่งนี้มาใครเล่าจะรู้ว่านางล้มลุกคลุกคลานมาเท่าไหร่ ไม่เพียงแต่ยอมทุ่มเทแรงกายแรงใจ นางยังมีวรยุทธ์ล้ำเลิศอีกด้วย สักครู่ ก็รีบปรับสีหน้าให้ปกติทันที
โล่หวินหลานหัวเราะเบาๆ “ย่อมหมายถึงตามตัวหนังสือ” นำเข็มฉีดยาในกล่องแพทย์ออกมา เอายาปฏิชีวนะออกมา “กุ้ยเฟย หากข้าฉีดยาปฏิชีวนะให้หลินอ๋องแล้ว ท่านช่วยถอยไปหน่อย
ของที่เหมือนกับน้ำใสๆที่ช่วยลูกชายนางไว้ ต้วนกุ้ยเฟยจะไม่รู้ได้อย่างไร ว่าต้องถอยไปอยู่ตำแหน่งอื่น
“นี่ นี่มันคืออะไร? เจ้าจะใช้มันแทงข้า?” โม่ฉีมู่เห็นนางถือเข็มฉีดยาขึ้นมาแล้วยิ้มอย่างชั่วร้ายจนทำให้เขาขนลุกไปทั้งตัว
โล่หวินหลานใส่ยาเข้าไปหลอดให้พอเหมาะ แล้วนางก็นำสายรัดห้ามเลือดออกมา มัดเข้าที่แขนข้างหนึ่งของเขาอย่างคล่องแคล่ว ยิ้มอย่างชั่วร้าย “หลินอ๋อง อันนี้ไม่ได้ใช้มาแทงเจ้าหรอก ใช้มาช่วยท่านรักษาโรคต่างหาก
ขณะที่โม่ฉีมู่กำลังมองดูเข็มเล็กแหลมในมือของนางที่จะแทงเข้าไปที่เนื้อของตัวเอง สีหน้าน่าเกลียดเหมือนคนกินขี้หมา ต้นกุ้ยเฟยคอยปลอบ “มู่เอ๋อ มันเอาไว้ใช้รักษาลูกจริงๆนะ ลูกช่วยเชื่อฟังให้ความร่วมมือพระราชาหมิงเถอะ!”
เห็นได้ชัดว่าคำพูดของต้วนกุ้ยเฟยยังคงมีประโยชน์เสมอ พอพูดออกไปอย่างนั้น ใบหน้าของโม่ฉีมู่ก็พลันมีสีเลือดขึ้นมาบ้าง น้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “ถ้าอย่างก็รีบรักษาสิ!”
หึๆ! โล่หวินหลานได้แต่ยิ้มเย็นในใจเจ้าคิดว่าแม่เจ้าเป็นผู้ช่วยหมอรึไง? สั่งใช้งานคนอื่นอย่างนี้ แค่นี้ถือว่าข้าจะจำไว้ เดี๋ยวข้าจะตอบแทนเจ้าให้สาสมใจ!
ยกเข็มฉีดยาขึ้นมาแล้วแทงสวนไปที่อขนที่เต็มไปด้วยตุ่มหนอง ได้ยินเสียงแค่ “อ้าก” ร้องตะโกนอย่างโหยหวนยาปฏิชีวนะค่อยๆแล่นเข้าสู่ภายในร่างกายเขา
ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมา โม่ฉีมู่ก็มีสีหน้าง่วง มึน และ ซีดเผือด
“เสร็จแล้ว เรียบร้อย” โล่หวินหลานใช้สำลีห้ามเลือด เก็บเข็มฉีดยา “หลังจากหนึ่งเดือนให้หลังผิวน้องชายเจ้าเริ่มลอกตกสะเก็ด ระหว่างนี้ห้ามใช้ยาอย่างอื่น เข้าใจไหม?”
“ได้ ขอบใจเจ้ามากหวินหลาน” ต้วนกุ้ยเฟยลุกขึ้นพลางมองไปที่โล่หวินหลานที่คำนับทำความเคารพ
ขอบใจเพียงคำเดียว? โล่หวินทำเป็นเหมือนไม่ได้ยิน ทำท่ากำลังหาอะไรในกล่องยา ไม่สนใจต้วนเฟยที่ยืนอยู่ข้างๆ
บรรยากาศรอบข้างดังอุณหภูมิลดไปหลายองศา ต้วนกุ้ยเฟยจับผ้าเช็ดหน้า ได้แต่ยืนอึดอัดอยู่กับที่
ผ่านไปนานทีเดียว โล่หวินหลานถึงรู้สึกตัว พับเก็บกล่องยา ขมวดคิ้วสงสัย “กุ้ยเฟยพูดอะไรเมื่อหรือเพคะ?”
ดูก็รู้ว่าตั้งใจชัดๆ แต่ต้วนกุ้ยเฟยจ้องเข้าไปที่ดวงตากลมโตนัยน์ตามีแววฉงน ค่อยๆอ้าปาก ใบหน้ารูปไข่ที่สวยงามหมดจดมีความสงสัยแปะไว้บนหน้าอย่างชัดเจน ต้วนกุ้ยเฟยม้วนลิ้น แล้วเปลี่ยนเป็น “ข้าพูดว่าขอบใจเจ้านะ พระราชาหมิง”
รอยยิ้มของโล่หวินหลานใสซื่อ บริสุทธิ์ เพียงแต่ดูยังไงในรอยยิ้มนั้นก็เหมือนกับมีอะไรสักอย่าง “กุ้ยเฟยหากท่านจะขอบใจข้า ไม่ต้องแล้วก็ได้ ข้าไม่ชอบการถ่อมตัวนี้”
นางไม่ชอบการนอบน้อมนี้จริงๆ นางสนใจแค่สิ่งที่สามารถจับต้องได้
ต้วนกุ้ยเฟยใช้สายตาพินิจวิเคราะห์พลางขมวดคิ้ว แววตามองโม่ฉีมู่ที่นอนเป็นผักอยู่บนเตียง
“ก็ใช่ พูดเพียงแค่ขอบใจจะไปมีความหมายอะไร เดือนที่แล้วฮ่องเต้ได้มอบหยกยู๋ยี่ให้ข้า หากหวินหลานไม่รังเกียจ ข้าจะให้คนส่งไปให้เจ้าที่จวนเป็นการตอบแทนจากใจข้า” ต้วนชิวเยียนหัวเราะขำเบาๆ แต่นัยน์ที่เย็นยะเยือกทำยังไงก็ไม่สามารถหายไปได้
ของที่ขุดออกมาจากในวังมีอะไรดีล่ะ? นอกจากพวกทองคำพวกหยกก็ไม่มีของสิ่งใดที่เป็นของหายากแล้ว นับตั้งแต่วันที่โม่ฉีหมิงเปิดคลังสมบัติให้นางดู นางพึ่งรู้ว่าโม่ฉีหมิงมีสมบัติมากมาย เพราะฉะนั้นนางจึงไม่ค่อยตื่นเต้นกับของพวกนั้นแล้ว
นางใช้แววตาตกใจรับหยกยู่ยี่ไม่ได้ โบกมือไปมา “ท่านกำลังจะทำให้ข้ากบฏต่อแผ่นดิน หยกยู๋ยี่ชิ้นนี้เพราะฮ่องเต้เอนดูรักใคร่ท่านจึงให้มา ถ้าหากท่านจะให้ข้า ข้ารับไว้ไม่ได้จริงๆ”
ยังไม่ได้พูดอะไรเลย โม่ฉีมู่ที่อยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะปกป้องแม่ของตัวเองที่จะระเบิดแล้ว “พระราชาหมิง เจ้าต้องการอะไรกันแน่?”
ในที่สุดก็ทนไม่ได้สินะ? โล่หวินหลานฉีกยิ้มจนเห็นฟันเรียงกันเป็นซี่ๆ จับคางขึ้นมาพลางทำท่าครุ่นคิดอยู่นาน สุดท้ายจึงเปล่งเสียง “อืม…… กุ้ยเฟยท่านเป็นผู้ที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุดในเฮิ้วกง ไม่มีของสิ่งใดที่ท่านปรารถนาแล้วจะไม่ได้ เอาอย่างงี้ วันนี้ข้ายังคิดไม่ออกว่าข้าอยากได้อะไรสู้เหนียงๆโปรดจำบุญคุณครั้งนี้ไว้ดีกว่า สิ่งของมีค่าอย่างอื่นหวินหลานไม่กล้าหวังอยากได้”
สรุปแล้วก็คืออยากให้ตัวเองเป็นหนี้บุญคุณนางตลอดไป บุญคุณตรั้งนี้ก็ถือว่าติดเอาไว้ นางคิดการณ์ได้ไว้ได้เจ็บแสบจริงๆ
คิ้วเรียงตัวสวยดังภาพวาด ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ต้วนชิวเยียนอดกลั้นใจ กัดฟันกรอดตอบ “ดี พระราชาหมิง ข้าเป็นหนี้บุญคุณเจ้าครั้งนี้ สักวันจะตอบแทนบุญคุณเจ้า”
เป็นอย่างนี้สิถึงจะถูก เรือข้ามสะพานเสร็จแล้วลื้อสะพานทิ้งถือว่านางทำสำเร็จ ก็ได้แต่ประชาชนจะเห็นด้วยกับนางรึป่าว
“กุ้ยเฟย ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวกลับถ้าคุยกับหลินอ๋องต่อเถิด” โล่หวินหลานเดินอย่างสบายใจออกไป
ยังไม่ทันได้เดินออกจากสวน ด้านหลังร่างบางก็มีเสียงปิดประตูดัง “ปึ้ง” ข้อตกลงก็ตกลงไปแล้ว ประตูปิดเสียงแรงขนาดนี้จะมีประโยชน์อะไร?
ภายในห้องบรรยากาศเย็นเฉียบ ต้วนกุ้ยเฟยที่ยิ้มอยู่เมื่อครู่ชักเปลี่ยนสีหน้าทันที นั่งลงที่เก้าอี้อย่างแรง เรื่องนี้ไม่ได้การ ถูกนางล้อวางกับดักอย่างจัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก