ชายามกุฎเหมย เหนือโบราณกาล นิยาย บท 1

สรุปบท บทที่ 1 ช่างน่าสลดใจ: ชายามกุฎเหมย เหนือโบราณกาล

ตอน บทที่ 1 ช่างน่าสลดใจ จาก ชายามกุฎเหมย เหนือโบราณกาล – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1 ช่างน่าสลดใจ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายย้อนยุคทะลุมิติ ชายามกุฎเหมย เหนือโบราณกาล ที่เขียนโดย ซูเกอ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทนำ:

เมื่อทะลุมิติกลายมาเป็นพระชายาที่ไม่ได้รับความโปรดปราน!

ไม่คิดเลยว่าเพิ่งจะทะลุมิติเข้ามา ท่านอ๋องผู้เย็นชาก็พาพระชายารองอันเป็นที่รักมาหาถึงที่

“กฎเจ็ดข้อ หม่อมฉันมีความผิดฐานริษยา?” นางเลิกหางคิ้วขึ้นและมองไปที่เขาอย่างเมินเฉย

พระชายารองผู้งดงามดั่งบุปผาที่อยู่ข้างๆ กล่าวอย่างมุ่งร้าย “พระชายา พวกเราล้วนเป็นสตรีของท่านอ๋อง ควรเรียนรู้ที่จะใจกว้างบ้าง”

เยี่ยมไปเลย ทั้งสองคนมาด้วยกันเพื่อประจานนาง นางยื่นมือไปทางท่านอ๋องผู้เย็นชา “ในเมื่อหม่อมฉันทำผิดกฎเจ็ดข้อ ท่านอ๋องก็รีบให้หนังสือหย่าร้างกับหม่อมฉันสิ!”

ผ่านไปไม่นาน ท่านอ๋องคนหนึ่งก็มาหาถึงที่ “ฝ่าบาททรงพระราชทานสตรีเหล่านั้นให้ข้า เจ้าจัดการให้ไปอยู่ที่เรือนเหนือแล้วหรือ?”

“ใช่เพคะ ทั้งหมดถูกส่งมาเป็นอนุภรรยาของท่านอ๋องไม่ใช่หรือ?”

“มู่จิ่งซี!!!”

“หม่อมฉันใจกว้างมาก”

อย่าว่าแต่สตรีสิบคนเลย พันคนหมื่นคนนางก็รับได้

ในห้อง

สตรีนางหนึ่งแต่งหน้างดงาม กิริยาท่าทางก็มีเสน่ห์

“พระชายา ท่านเพียงแค่ต้องลมเย็น ให้หมอมาตรวจดูเสียก็สิ้นเรื่อง จะลำบากให้ท่านอ๋องวิ่งมากลางดึกทำไม?” บนใบหน้าของซ่งเสวี่ยแต่งหน้าอย่างงดงาม เหลือบมองเศษถ้วยชาที่แตกใต้เท้า และน้ำเสียงค่อนข้างไม่พอใจ

“อีกอย่างถ้วยชาก็ไร้ความผิด ท่านขว้างมันแล้วจะมีประโยชน์อะไร?”

เมื่อสตรีที่ถูกเรียกว่าพระชายาได้ยิน ก็ยืนขึ้นด้วยความโกรธในทันที และโมโหหน้าดำหน้าแดง “ซ่งเสวี่ย เจ้าเป็นเพียงแค่อนุภรรยาที่มีฐานะต่ำต้อย กล้าใช้น้ำเสียงเช่นนี้พูดกับข้า! ไม่ต้องการชีวิตต่ำช้าของเจ้าแล้วใช่หรือไม่?!”

“พระชายาจะด่าว่าน้องเช่นนี้ไม่ได้ ข้าอธิบายเรื่องเมื่อคืนอย่างชัดเจนแล้ว เป็นพระชายาที่ไม่ฟังเหตุผล รอให้ท่านอ๋องกลับมาจากเข้าเฝ้าในท้องพระโรงเสียก่อน หากทรงตำหนิพระชายาด้วยเหตุนี้ เช่นนั้นก็ไม่ใช่ความผิดของข้าแล้ว!” ซ่งเสวี่ยไม่มีท่าทางเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย สีหน้าดูเหมือนจะเหยียดหยามเสียด้วยซ้ำ

ในจวนอ๋องใครบ้างไม่รู้ว่าพระชายามู่จิ่งซีกระตือรือร้นที่จะแต่งงานกับท่านอ๋อง และท่านอ๋องก็ไม่ชอบมู่จิ่งซีเลยสักนิด!

“เจ้า!”

มู่จิ่งซีโกรธจัดและมองไปที่ซ่งเสวี่ยด้วยสายตาชั่วร้าย “ข้าจะเอาชีวิตของเจ้าเดี๋ยวนี้ มาดูกันว่าท่านอ๋องจะตำหนิข้าเพราะอนุภรรยาที่มีฐานะต่ำต้อยคนหนึ่งหรือไม่!”

พูดจบนางก็พุ่งเข้าไปหาซ่งเสวี่ยทันที ท่าทางนั้นดูเหมือนต้องการจะฆ่าซ่งเสวี่ยจริงๆ

เหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเร็วเกินไป

เมื่อมู่จิ่งซีกำลังจะคว้าคอของซ่งเสวี่ย นางก็เหยียบถ้วยชาที่โยนแตกเพราะความโมโหเมื่อครู่ รู้สึกเจ็บใต้เท้า ทรงตัวไม่อยู่ และล้มลงในชั่วพริบตาเดียว!

“อา!” เสียงอุทาน หัวแตกเลือดไหล!

“พระชายา!”

……

ปวดหัวแทบแตก!

มุมปากของลู่เสี่ยวกระตุก มองไปรอบๆ ห้องที่ไม่คุ้นเคย และขมวดหัวคิ้วเบาๆ

ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาจนถึงตอนนี้ ราวๆ ครึ่งชั่วโมงแล้ว

นางลูบบริเวณหัวที่ได้รับบาดเจ็บ และรับความทรงจำที่ผ่านเข้ามาในสมองของนางอย่างต่อเนื่อง

มุมปากก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกอยู่สักพักหนึ่ง!

เจ้าของร่างชื่อมู่จิ่งซี เป็นบุตรสาวภรรยาเอกของแม่ทัพเจิ้นเป่ย เมื่อสองปีก่อนได้แต่งงานเป็นพระชายาเอกของอ๋องหนานหยางฉู่เทียนฉือ โดยอาศัยอำนาจของบิดา

ในสายตาของฉู่เทียนฉือ เจ้าของเดิมเป็นสตรีที่ทำทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์!

เกลียดชังนางเป็นอย่างยิ่ง

ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ฉู่เทียนฉือแตะต้องนางเพียงแค่ในคืนส่งตัวเข้าหอเท่านั้น

สิ่งสำคัญที่สุดคือความทรงจำส่วนใหญ่ในความทรงจำนี้ ล้วนเป็นการชิงรักหักสวาท และการแก่งแย่งชิงดี!

แม้แต่ตายก็เป็นเพราะบุรุษคนหนึ่งที่เคยนอนกับนางเพียงแค่ครั้งเดียวในเวลาสองปี!

ลู่เสี่ยวอดไม่ได้ที่จะกลอกตา โง่เขลา!

ไร้ความสามารถแต่ก็ยังอยากชิงดีชิงเด่น เช่นนั้นก็ได้แต่รนหาที่ตาย!

ในเรือนอันกว้างขวาง สตรียิ่งมากเท่าใดความขัดแย้งก็ยิ่งมากเท่านั้น กลอุบายไม่แข็งแกร่งพอ แล้วยังคิดไปต่อสู้?

หากทุกเรื่องล้วนแก้ไขได้ด้วยความรุนแรง แล้วจะมีสมองไปทำไม?!

อีกอย่างก็เพื่อบุรุษเพียงคนเดียว มันคุ้มค่าหรือ?

หากนางเดาไม่ผิด ฮูหยินรองผู้นี้และพระชายารองเสิ่นน่าจะมาทวงความยุติธรรมในไม่ช้า

นางลูบบาดแผลและยกมุมปากขึ้น บาดเจ็บไม่น้อยเลยจริงๆ

ในยามนี้ประตูถูกผลักให้เปิดออกเบาๆ หงหลิงสวมชุดสาวใช้สีเขียวมรกตเดินถืออ่างไม้เข้ามา จากนั้นบิดผ้าเช็ดหน้าให้แห้งแล้วเดินมาที่เตียง

เมื่อเห็นมู่จิ่งซีลืมตาขึ้นและมองมาที่นาง รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหงหลิงทันที “พระชายา ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว!”

มู่จิ่งซีพยักหน้า มองผ้าเช็ดหน้าในมือของหงหลิงแล้วพูดว่า “เอาผ้าเช็ดหน้ามาให้ข้าเถิด”

หงหลิงยื่นผ้าเช็ดหน้าออกไปทันที

หลังจากรับผ้าเช็ดหน้าแล้ว มู่จิ่งซีก็เช็ดใบหน้า หลังจากเช็ดใบหน้าสะอาด ก็พบว่าหงหลิงจ้องมองนางอย่างไม่กะพริบตา

เลิกคิ้วขึ้น เสียงนุ่มนวล แต่ถามด้วยสายตาเฉียบคมที่ไม่อาจละเลยได้ “ข้าล้มหัวแตก ไม่ใช่ใบหน้า น่าจะไม่เสียโฉมกระมัง”

หงหลิงหัวใจเต้นแรง เมื่อครู่นางเพียงแค่จ้องมองพระชายาอย่างใจลอย! และรีบก้มหน้าลง “กราบทูลพระชายา ใบหน้าของท่านไม่ได้รับบาดเจ็บเพคะ”

ไม่รู้ว่าทำไมหลังจากที่พระชายาฟื้นขึ้นมา นางถึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ผิดปกติที่ใด นางก็ไม่สามารถบอกได้!

“ออกไปเถิด ข้าอยากพักผ่อนสักครู่” มู่จิ่งซีพูดเบาๆ

ตอนนี้นางไม่ค่อยมีกำลังวังชา และปวดหัวอย่างรุนแรง พักก่อนเสียก่อน พักผ่อนเพียงพอแล้วค่อยพูดถึงเรื่องอื่น

หงหลิงพยักหน้า “เพคะ พระชายา”

ในขณะที่นางกำลังจะหันหลังจากไป ก็มีอีกเสียงดังอยู่นอกประตู

“ท่านพี่ฟื้นแล้วหรือไม่?” เสียงอันอ่อนโยนดังขึ้น

หงหลิงหันไปมองมู่จิ่งซีที่นอนอยู่บนเตียงทันที “พระชายา พระชายารองเสิ่นมาเพคะ”

พระชายารองเสิ่น? ก็คือเสิ่นโหรวที่ดูแลจวนหนานหยาง?

มู่จิ่งซีเลิกคิ้ว มาทวงความยุติธรรมให้ซ่งเสวี่ยเร็วขนาดนี้เลยหรือ? ช่างร้อนรนจนทนไม่ไหวจริงๆ

นางหัวเราะเยาะในใจ ดูเหมือนว่าพระชายารองและอนุภรรยาเหล่านี้จะลืมฐานะของตนเอง และแต่ละคนก็โบยบินขึ้นไปบนฟ้า!

เมื่อนึกถึงสถานะในจวนหนานหยางก่อนหน้านี้ของมู่จิ่งซี มุมปากของนางก็อดไม่ได้ที่จะกระตุก

อยากนอนหลับสนิทมันยากขนาดนี้เลยหรือ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายามกุฎเหมย เหนือโบราณกาล