ชายามกุฎเหมย เหนือโบราณกาล นิยาย บท 12

สรุปบท บทที่ 12 เป็นฝ่ายรุก: ชายามกุฎเหมย เหนือโบราณกาล

สรุปเนื้อหา บทที่ 12 เป็นฝ่ายรุก – ชายามกุฎเหมย เหนือโบราณกาล โดย ซูเกอ

บท บทที่ 12 เป็นฝ่ายรุก ของ ชายามกุฎเหมย เหนือโบราณกาล ในหมวดนิยายนิยายย้อนยุคทะลุมิติ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ซูเกอ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

หลังจากพบนางคราวก่อน การเปลี่ยนแปลงของนางทำให้ฉู่เทียนฉือเกิดความระแวงสงสัย แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ

วันนี้ตอนที่หงหลิงพาป้าหลิวมาปรากฏตัวตรงหน้าพระชายารองเสิ่น เขาก็นึกขึ้นได้ว่าวันนั้นนางแตกต่างจากคนทั่วไป

มู่จิ่งซีเลิกคิ้วขึ้น หลังจากกลอกตาไปมาก็ยิ้มแล้วพูดว่า “หม่อมฉันมีความผิด เกรงว่าจะทำให้ท่านอ๋องเสียอารมณ์แล้ว บังเอิญว่าวันนี้หม่อมฉันมีระดู หากท่านอ๋องทรงไม่รังเกียจ หม่อมฉันจะไปอาบน้ำ แล้วจะปรนนิบัติท่านอ๋องก็ได้เพคะ”

ฉู่เทียนฉือขมวดคิ้ว ถอยหลังไปนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ โดยไม่มองนาง และพูดอย่างเย็นชา “อ้อ? ดูเหมือนว่าจะบังเอิญจริงๆ”

“หลังจากอาบน้ำแล้วก็ไม่เป็นปัญหาเพคะ” มู่จิ่งซีก้มหน้าและตอบด้วยรอยยิ้ม ในน้ำเสียงมีความคาดหวังเล็กน้อย

เป็นอย่างที่คิดไว้ ฉู่เทียนฉือขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น

หลังจากที่มู่จิ่งซีหยิบกาน้ำชาขึ้นมารินน้ำชาให้เขา นางก็พูดต่อว่า “หากท่านอ๋องทรงรังเกียจ หม่อมฉันจะหาสาวใช้มาปรนนิบัติท่านอ๋องในห้องเพคะ?”

ทุกคำพูดและการกระทำล้วนประจบประแจง

นางหัวเราะเยาะในใจ บุรุษล้วนเป็นเช่นนี้ นางยิ่งเป็นฝ่ายรุก เขาก็ยิ่งรู้สึกรำคาญ หากนางปฏิเสธก็จะดูเหมือนว่าทำทีเป็นเล่นตัว

วันนี้นางแสดงเป็นมู่จิ่งซีในแต่ก่อนได้อย่างสมจริงสมจัง

“ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากเช่นนั้น” หลังจากฉู่เทียนฉือดื่มชาแล้ว เขาก็ลุกขึ้นยืนและพูดด้วยเสียงเย็นชา

ในช่วงเวลานี้เขาไม่แม้แต่จะเหลือบมองมู่จิ่งซี

“ท่านอ๋อง......” นางกัดริมฝีปากเหมือนไม่เต็มใจ

ฉู่เทียนฉือขมวดคิ้วที่คมเข้มอีกครั้ง และก้าวเท้ายาวสามก้าวก็ถึงหน้าประตูแล้ว

นางมองตามหลังของเขาที่จากไปอย่างรวดเร็ว และแอบหัวเราะด้วยความสะใจ

เป็นอย่างที่คิดไว้ ในใจของเขาไม่เคยมีมู่จิ่งซีอยู่เลย!

นางกะพริบตา แล้วเขามาทำอะไร? จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้หรือว่าตนเองยังมีภรรยาเอก?

เมื่อเขาเดินไปถึงหน้าประตูก็หยุดชะงัก หันหลังให้นางแล้วพูดว่า “อีกไม่กี่วันแม่ทัพใหญ่มู่ก็จะกลับราชสำนักแล้ว ถึงเวลานั้นเจ้าตามข้ากลับไปพบแม่ทัพใหญ่ที่จวนแม่ทัพด้วย”

พูดจบเขาก็จากไปโดยไม่หันกลับมามอง

แม่ทัพใหญ่มู่กลับราชสำนัก?!

มู่จิ่งซีกะพริบตาสองครั้ง ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง!

มิน่าเล่าจู่ๆ ฉู่เทียนฉือถึงได้มาที่นี่ ที่แท้ก็เพื่อมาเอาใจนาง อย่าให้ถึงเวลาแล้วไปฟ้องร้องที่จวนแม่ทัพ!

น่าหัวเราะเยาะ หากเป็นมู่จิ่งซีแต่ก่อนหลังจากที่กลับไปถึงบ้านเดิม นางจะต้องคร่ำครวญถึงความทุกข์ทนในช่วงสองปีมานี้อย่างแน่นอน และอาศัยสถานะของท่านพ่อนางมาช่วงชิงความโปรดปรานของฉู่เทียนฉือ!

ฉู่เทียนฉือมองอย่างทะลุปรุโปร่ง จึงมาป้องกันไว้ล่วงหน้า

จุ๊ๆ ฉู่เทียนฉือช่างเจ้าเล่ห์!

ช่างอุทิศจิตวิญญาณของตนเองเหลือเกิน!

เพื่อความสงบสุขของใต้หล้า ยอมขายร่างกาย ฝืนความรู้สึกที่แท้จริง แล้วมาร่วมรักกับนาง!

โชคดีที่นางเข้าใจสถานการณ์โดยรวม ทำให้เขาไม่ได้รับบาดแผลทั้งทางร่างกายและจิตใจ

เขาเห็นว่านางเป็นยาพิษ!

นางก็เห็นว่าเขาเป็นขี้วัว!

หลังจากที่ฉู่เทียนฉือจากไปครู่หนึ่ง หงหลิงก็เข้ามาในห้องด้วยความตื่นตระหนกทันที “พระชายา ทำไมจู่ๆ ท่านอ๋องถึงจากไปเล่าเพคะ? เกิดอะไรขึ้นหรือไม่?”

เมื่อครู่นางเฝ้าอยู่นอกประตู ตอนที่เห็นท่านอ๋องจากไป ดูเหมือนสีหน้าโกรธเคือง

มู่จิ่งซีเม้มริมฝีปากด้วยรอยยิ้มที่สวยงาม นางนอนอยู่บนเตียง และตอบอย่างเกียจคร้าน “ไม่มีอะไร”

ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว ในที่สุดหงหลิงก็คลายความกังวลใจลง

แต่พอคิดดูอีกที เมื่อนึกถึงสีหน้าของท่านอ๋องตอนที่จากไปก็แอบกังวล พรุ่งนี้เกรงว่าจะมีข่าวซุบซิบนินทามากมายมุ่งเป้าไปที่พระชายา

เช้าวันต่อมา ทุกคนในเรือนต่างก็รู้ว่าแม้ว่าเมื่อคืนท่านอ๋องจะไปที่เรือนดอกเหมย แต่ไม่ถึงสิบห้านาทีก็จากไป

“บ่าวบอกแล้วว่าในใจของท่านอ๋องมีเพียงพระชายารองเสิ่นผู้เดียว มิเช่นนั้นท่านอ๋องก็คงไม่ออกไปแล้วกลับมาหรอกเพคะ” ซิ่วยู่เลิกคิ้วขึ้นแล้วพูดอย่างภาคภูมิใจ

เจ้านายของตนเองได้รับความโปรดปราน นางอยู่ต่อหน้าคนรับใช้คนอื่นๆ ก็ได้หน้าไปด้วย เหล่าสาวใช้และหญิงรับใช้ชราคนใดเห็นนางก็ต้องนอบน้อมก้มหัว

“หลังจากจัดสำรับกลางวันแล้ว เจ้าไปที่เรือนดอกเหมยแล้วเชิญพระชายามาร่วมโต๊ะด้วย” พระชายารองเสิ่นยิ้มอย่างอ่อนโยน โดยไม่วางท่าทีหยิ่งยโส และไม่ดีใจจนลืมตัว

เพียงแต่เมื่อนึกถึงมู่จิ่งซี และนึกถึงเรื่องป้าหลิวคราวก่อน นางก็ควรจะให้คำอธิบายแก่มู่จิ่งซี

อย่างน้อยที่สุดตอนที่นางมีอำนาจ ก็อย่าปล่อยให้มีช่องโหว่มากเกินไป และอย่าทำให้ฉู่เทียนฉือผิดหวังในตัวนาง

อีกอย่าง จะปล่อยอำนาจนี้ไปไม่ได้

……

เรือนดอกเหมย

มื้อเช้ามู่จิ่งซีกินข้าวเต็มชาม อาหารการกินดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

หลังจากเรื่องของป้าหลิวผ่านไป แม้ว่าในห้องครัวเล็กจะมีคนที่มีความคิดอื่น แต่ก็ไม่กล้าเปิดเผยออกมา แต่ละคนล้วนระมัดระวัง ไม่กล้าทำความผิด และกลายเป็นป้าหลิวคนที่สองอีก

การให้หงหลิงดูแลห้องครัวเล็กไม่ใช่แผนระยะยาว สถานที่เช่นห้องครัวนั้น ผู้ดูแลควรเป็นหญิงที่แต่งงานแล้วจึงจะสามารถควบคุมได้

ในตอนเช้า มู่จิ่งซีสั่งให้หงหลิงไปหาหญิงแต่งงานแล้วที่มีความรับผิดชอบ และสามารถจัดการสิ่งต่างๆ ได้มาดูแลห้องครัวเล็ก

ส่วนเรื่องข่าวลือที่เกิดขึ้นเมื่อคืน มู่จิ่งซีรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าขัน ดูเหมือนว่าไม่ว่าจะอยู่ในยุคปัจจุบันหรือสมัยโบราณ แม้ว่าไม่มีลมไหนเลยจะคลื่น แต่ลมเพียงเล็กน้อยสามารถพัดคลื่นให้โหมกระหน่ำได้อย่างแน่นอน!

โชคดีที่นางก็ไม่ได้ใส่ใจ สำหรับนางแล้วการซุบซิบนินทาไม่ส่งผลใดๆ ต่อนางเลยแม้แต่น้อย

นางไม่ได้เอามาใส่ใจ แต่หงหลิงเก็บมาใส่ใจ เมื่อเห็นคนรับใช้จับกลุ่มกันวิพากษ์วิจารณ์ความขัดแย้งของเจ้านาย นางก็ถอนหายใจในใจไม่หยุด และเป็นเดือดเป็นร้อนแทนมู่จิ่งซี

แต่ปากของคนอื่น นางก็ไม่สามารถห้ามได้ ได้แต่หวังว่าข่าวลือจะหายไปโดยเร็วที่สุด

หลังจากอาหารเช้าหนึ่งชั่วยาม เถ้าแก่ของร้านค้าหลายคนก็มาพร้อมกัน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายามกุฎเหมย เหนือโบราณกาล