ชายามกุฎเหมย เหนือโบราณกาล นิยาย บท 9

สรุปบท บทที่ 9 เพิ่มอีกห้าสิบตำลึง: ชายามกุฎเหมย เหนือโบราณกาล

อ่านสรุป บทที่ 9 เพิ่มอีกห้าสิบตำลึง จาก ชายามกุฎเหมย เหนือโบราณกาล โดย ซูเกอ

บทที่ บทที่ 9 เพิ่มอีกห้าสิบตำลึง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายย้อนยุคทะลุมิติ ชายามกุฎเหมย เหนือโบราณกาล ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ซูเกอ อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ป้าหลิวคิดข้อแก้ต่างไว้นานแล้ว

ถึงอย่างไรพระชายาก็ไม่เคยสนใจ และเดิมทีพระชายาก็ไม่เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้

บางทีผ่านเรื่องนี้ไป นางยังสามารถเอาเงินจากในมือของพระชายาได้อีกด้วย!

หญิงรับใช้ชราเจ้าเล่ห์ช่างคารมคมคาย!

มู่จิ่งซีหัวเราะเยาะในใจ ใบหน้ายังคงสงบนิ่ง นางเลิกหางคิ้วขึ้นและตอบอย่างราบเรียบ “อ้อ? ที่แท้เรื่องก็เป็นเช่นนี้เอง ดูเหมือนว่าข้าจะมีความรู้แค่งูๆ ปลาๆ”

ป้าหลิวยิ้มพร้อมกับพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง “เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องจุกจิก เป็นธรรมดาที่พระชายาจะไม่ทราบเพคะ”

“เช่นนั้นต่อจากนี้ไปหากข้าต้องการเพิ่มอาหารเล่า? จะต้องให้เงินป้าหลิวเพิ่มใช่หรือไม่?” มู่จิ่งซีลดสายตาลง แล้วถามด้วยรอยยิ้ม

“หากพระชายาอยากเสวยอาหารอย่างอื่น บ่าวทำได้แน่นอน แต่……” ทันใดนั้นป้าหลิวก็เปลี่ยนเป็นน้ำเสียงที่ลำบากใจมาก จากนั้นก็พูดต่อว่า “แต่จำเป็นต้องเพิ่มเงินอีกนิดหน่อยเพคะ”

“อ้อ? แล้วต้องเพิ่มเงินอีกเท่าใดถึงจะเหมาะสม?”

ในยามนี้ในหัวของป้าหลิวถูกครอบงำด้วยความแวววาวของเงิน และดวงตากลอกไปมาไม่หยุด

แม้ว่าเมื่อครู่จะสงสัยอยู่ครู่หนึ่งว่าทำไมจู่ๆ พระชายาถึงกลายเป็นคนช่างพูดเช่นนี้ แต่ก็แค่ชั่วครู่เท่านั้น

อย่างไรเสียในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา ความหยิ่งยโสของพระชายาก็ลดลงมาก จึงไม่ได้คิดอะไรมากนัก

ตอนนี้นางกำลังคำนวณว่าต้องการเงินเท่าใดจึงจะเหมาะสม ในที่สุดก็ทำท่าทางเกรงใจ และตอบอย่างยิ้มแย้ม “เพิ่มอีกห้าสิบตำลึงก็พอแล้วเพคะ”

เมื่อหงหลิงที่ยืนพัดให้มู่จิ่งซีอยู่ข้างๆ เตียงนุ่มได้ยินก็ขมวดคิ้ว

ยังต้องการอีกห้าสิบตำลึง ป้าหลิวผู้นี้กระหายมากเกินไปหน่อย!

แต่หงหลิงรู้สึกแปลกใจ ทำไมวันนี้พระชายาถึงอัธยาศัยดีเช่นนี้?

มู่จิ่งซีก้มหน้าลงราวกับกำลังครุ่นคิด

ป้าหลิวหัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น

หากได้เงินอีกห้าสิบตำลึง เงินทั้งหมดนี้ล้วนแต่เข้ากระเป๋าของนาง

แต่นานแค่ไหน นางถึงจะสามารถรวบรวมสินสอดจำนวนมากไว้ให้เป็นสินเดิมของบุตรสาวได้

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หงหลิงเจ้าพาป้าหลิวไปพบพระชายารองเสิ่น รายงานต่อพระชายารองเสิ่นถึงจำนวนเงินที่ห้องครัวเล็กต้องการทุกเดือนและต้องการเงินเพิ่ม หากเพิ่มอีกห้าสิบตำลึงแล้วยังไม่พอ ก็ให้พระชายารองเสิ่นดูสถานการณ์แล้วเพิ่มอีกหน่อย”

“ข้ากินผักทุกวันจนเบื่อแล้ว จริงสิ ถามพระชายารองเสิ่นด้วยว่าอาหารการกินของคนรับใช้ในเรือนดอกเหมยแห่งนี้ ล้วนหักออกจากเงินเดือนของข้าใช่หรือไม่?”

“ข้าอาจจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก่อนตอนอยู่ที่จวนแม่ทัพ คนรับใช้แต่ละคนในเรือนไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าของเรือนแต่ละเรือน แต่เป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องรับผิดชอบโดยจวนแม่ทัพ”

“ถึงอย่างไรข้าก็ไม่มีอำนาจ บางทีกฎในจวนอ๋องกับกฎในจวนแม่ทัพอาจจะไม่เหมือนกันกระมัง” หลังจากเงยหน้าขึ้น มู่จิ่งซีก็หันหน้าไปมองหงหลิงที่วิตกกังวลอยู่ข้างๆ และกำชับด้วยรอยยิ้ม

หงหลิงเบิกตากว้างและปรบมือในใจ

ที่แท้พระชายาก็วางแผนหลอกป้าหลิว!

ตอนนี้พระชายารองเสิ่นมีอำนาจในจวนอ๋อง เรื่องนี้หากให้พระชายารองเสิ่นจัดการจะดีกว่า!

พระชายาไม่อาจได้ชื่อว่าปฏิบัติต่อคนรับใช้อย่างโหดร้าย และสามารถลงโทษป้าหลิวได้ดี

นี่เรียกว่าจัดการเรื่องยุ่งยากได้อย่างง่ายดาย!

อย่างไรก็ตาม นางเองก็ไม่ชอบพฤติกรรมของป้าหลิว คิดว่าเรื่องพวกนี้ที่นางทำจะสามารถหลอกพระชายาได้?

คิดแต่จะหลอกลวงเจ้านาย ไม่รู้จักรับใช้เจ้านายอย่างเต็มที่ ถึงเวลาจัดการป้าหลิวแล้ว!

ป้าหลิวยืนตกตะลึงอยู่ตรงนั้น สีหน้าซีดเผือด

จะเป็นเช่นนี้ไม่ได้ ในจวนอ๋องยังมีลูกสาวของนางอีกสองคน

“อ้อ? แต่เมื่อครู่หูของข้าไม่น่าจะมีปัญหา ในเมื่อเงินห้าสิบตำลึงต่อเดือนก็เพียงพอ แล้วเหตุใดสองปีที่ผ่านมาอาหารของข้าถึงเทียบไม่ได้กับอนุภรรยาในเรือนเหนือเหล่านั้น? เป็นไปไม่ได้ที่สองปีที่ผ่านมาป้าหลิวจะละเลยหน้าที่?”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ดูเหมือนว่าป้าหลิวจะต้องให้คำอธิบายแก่ข้า” มู่จิ่งซีลืมตาขึ้นอย่างเกียจคร้าน มองไปที่ป้าหลิวด้วยสายตาเฉียบคมและพูดอย่างเยือกเย็น

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ป้าหลิวก็ร่างกายอ่อนแรงและทรุดตัวลงกับพื้นในทันที อยากจะโต้แย้ง แต่ก็คิดไม่ออกจริงๆ

“หงหลิง ข้าเหนื่อยแล้ว เรื่องพวกนี้เป็นหน้าที่ของพระชายารองเสิ่นไม่ใช่หรือ? พาป้าหลิวไปที่พระชายารองเสิ่นเถอะ!”

“แล้วบอกพระชายารองเสิ่นด้วยว่าข้าไม่กล้าใช้งานป้าหลิวผู้นี้แล้ว ส่วนผู้ดูแลห้องครัวเล็กคนใหม่ของเรือนดอกเหมย ข้าจะเป็นคนเลือกด้วยตนเอง ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็ให้พระชายารองเสิ่นจัดการไปตามสมควรเถอะ” มู่จิ่งซีสั่งอย่างเย็นชา จากนั้นก็หลับตาลงอีกครั้ง

มีครั้งที่หนึ่งก็ต้องมีครั้งที่สอง ในเมื่อป้าหลิวกล้าหลอกลวงมาเป็นเวลาสองปี เก็บป้าหลิวไว้ในเรือนดอกเหมยก็เป็นความหายนะ!

คนเช่นนี้จะเก็บไว้ใช้งานไม่ได้

หงหลิงตอบรับ และไปประคองร่างที่อ่อนแรงของป้าหลิวขึ้นมา

หลังจากที่ป้าหลิวลุกยืนขึ้น ทันใดนั้นก็ราวกับอยู่ในความฝัน นางมองไปที่มู่จิ่งซีด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ในชั่วพริบตาเดียวทำไมถึงกลายเป็นเช่นนี้ได้?

สิ่งที่พระชายาพูดเมื่อครู่ทำให้นางสิ้นหวัง พระชายาคงไม่ปล่อยนางไปอย่างแน่นอน!

นางแอบจ้องมองมู่จิ่งซีที่หลับตาพักผ่อนอย่างดุร้าย!

ติดตามเจ้านายที่ไร้ประโยชน์ ก็ได้แต่ยักยอกเงิน ท้ายที่สุดก็ไม่ปล่อยนางไป!

แต่ก็เป็นแค่ความผิดครั้งแรกเท่านั้น ซึ่งนางอยู่ในจวนอ๋องมาเป็นสิบปีแล้ว!

แม้ว่าจะโกรธแค้น แต่ก็หมดหนทาง ทำได้เพียงเดินโซเซออกไป

ฝากความหวังสุดท้ายไว้ที่พระชายารองเสิ่น หวังว่าพระชายารองเสิ่นที่จิตใจดีมีเมตตามาโดยตลอดจะลงโทษนางสถานเบา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายามกุฎเหมย เหนือโบราณกาล