ชายามกุฎเหมย เหนือโบราณกาล นิยาย บท 9

ป้าหลิวคิดข้อแก้ต่างไว้นานแล้ว

ถึงอย่างไรพระชายาก็ไม่เคยสนใจ และเดิมทีพระชายาก็ไม่เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้

บางทีผ่านเรื่องนี้ไป นางยังสามารถเอาเงินจากในมือของพระชายาได้อีกด้วย!

หญิงรับใช้ชราเจ้าเล่ห์ช่างคารมคมคาย!

มู่จิ่งซีหัวเราะเยาะในใจ ใบหน้ายังคงสงบนิ่ง นางเลิกหางคิ้วขึ้นและตอบอย่างราบเรียบ “อ้อ? ที่แท้เรื่องก็เป็นเช่นนี้เอง ดูเหมือนว่าข้าจะมีความรู้แค่งูๆ ปลาๆ”

ป้าหลิวยิ้มพร้อมกับพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง “เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องจุกจิก เป็นธรรมดาที่พระชายาจะไม่ทราบเพคะ”

“เช่นนั้นต่อจากนี้ไปหากข้าต้องการเพิ่มอาหารเล่า? จะต้องให้เงินป้าหลิวเพิ่มใช่หรือไม่?” มู่จิ่งซีลดสายตาลง แล้วถามด้วยรอยยิ้ม

“หากพระชายาอยากเสวยอาหารอย่างอื่น บ่าวทำได้แน่นอน แต่……” ทันใดนั้นป้าหลิวก็เปลี่ยนเป็นน้ำเสียงที่ลำบากใจมาก จากนั้นก็พูดต่อว่า “แต่จำเป็นต้องเพิ่มเงินอีกนิดหน่อยเพคะ”

“อ้อ? แล้วต้องเพิ่มเงินอีกเท่าใดถึงจะเหมาะสม?”

ในยามนี้ในหัวของป้าหลิวถูกครอบงำด้วยความแวววาวของเงิน และดวงตากลอกไปมาไม่หยุด

แม้ว่าเมื่อครู่จะสงสัยอยู่ครู่หนึ่งว่าทำไมจู่ๆ พระชายาถึงกลายเป็นคนช่างพูดเช่นนี้ แต่ก็แค่ชั่วครู่เท่านั้น

อย่างไรเสียในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา ความหยิ่งยโสของพระชายาก็ลดลงมาก จึงไม่ได้คิดอะไรมากนัก

ตอนนี้นางกำลังคำนวณว่าต้องการเงินเท่าใดจึงจะเหมาะสม ในที่สุดก็ทำท่าทางเกรงใจ และตอบอย่างยิ้มแย้ม “เพิ่มอีกห้าสิบตำลึงก็พอแล้วเพคะ”

เมื่อหงหลิงที่ยืนพัดให้มู่จิ่งซีอยู่ข้างๆ เตียงนุ่มได้ยินก็ขมวดคิ้ว

ยังต้องการอีกห้าสิบตำลึง ป้าหลิวผู้นี้กระหายมากเกินไปหน่อย!

แต่หงหลิงรู้สึกแปลกใจ ทำไมวันนี้พระชายาถึงอัธยาศัยดีเช่นนี้?

มู่จิ่งซีก้มหน้าลงราวกับกำลังครุ่นคิด

ป้าหลิวหัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น

หากได้เงินอีกห้าสิบตำลึง เงินทั้งหมดนี้ล้วนแต่เข้ากระเป๋าของนาง

แต่นานแค่ไหน นางถึงจะสามารถรวบรวมสินสอดจำนวนมากไว้ให้เป็นสินเดิมของบุตรสาวได้

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หงหลิงเจ้าพาป้าหลิวไปพบพระชายารองเสิ่น รายงานต่อพระชายารองเสิ่นถึงจำนวนเงินที่ห้องครัวเล็กต้องการทุกเดือนและต้องการเงินเพิ่ม หากเพิ่มอีกห้าสิบตำลึงแล้วยังไม่พอ ก็ให้พระชายารองเสิ่นดูสถานการณ์แล้วเพิ่มอีกหน่อย”

“ข้ากินผักทุกวันจนเบื่อแล้ว จริงสิ ถามพระชายารองเสิ่นด้วยว่าอาหารการกินของคนรับใช้ในเรือนดอกเหมยแห่งนี้ ล้วนหักออกจากเงินเดือนของข้าใช่หรือไม่?”

“ข้าอาจจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก่อนตอนอยู่ที่จวนแม่ทัพ คนรับใช้แต่ละคนในเรือนไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าของเรือนแต่ละเรือน แต่เป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องรับผิดชอบโดยจวนแม่ทัพ”

“ถึงอย่างไรข้าก็ไม่มีอำนาจ บางทีกฎในจวนอ๋องกับกฎในจวนแม่ทัพอาจจะไม่เหมือนกันกระมัง” หลังจากเงยหน้าขึ้น มู่จิ่งซีก็หันหน้าไปมองหงหลิงที่วิตกกังวลอยู่ข้างๆ และกำชับด้วยรอยยิ้ม

หงหลิงเบิกตากว้างและปรบมือในใจ

ที่แท้พระชายาก็วางแผนหลอกป้าหลิว!

ตอนนี้พระชายารองเสิ่นมีอำนาจในจวนอ๋อง เรื่องนี้หากให้พระชายารองเสิ่นจัดการจะดีกว่า!

พระชายาไม่อาจได้ชื่อว่าปฏิบัติต่อคนรับใช้อย่างโหดร้าย และสามารถลงโทษป้าหลิวได้ดี

นี่เรียกว่าจัดการเรื่องยุ่งยากได้อย่างง่ายดาย!

อย่างไรก็ตาม นางเองก็ไม่ชอบพฤติกรรมของป้าหลิว คิดว่าเรื่องพวกนี้ที่นางทำจะสามารถหลอกพระชายาได้?

คิดแต่จะหลอกลวงเจ้านาย ไม่รู้จักรับใช้เจ้านายอย่างเต็มที่ ถึงเวลาจัดการป้าหลิวแล้ว!

ป้าหลิวยืนตกตะลึงอยู่ตรงนั้น สีหน้าซีดเผือด

จะเป็นเช่นนี้ไม่ได้ ในจวนอ๋องยังมีลูกสาวของนางอีกสองคน

“อ้อ? แต่เมื่อครู่หูของข้าไม่น่าจะมีปัญหา ในเมื่อเงินห้าสิบตำลึงต่อเดือนก็เพียงพอ แล้วเหตุใดสองปีที่ผ่านมาอาหารของข้าถึงเทียบไม่ได้กับอนุภรรยาในเรือนเหนือเหล่านั้น? เป็นไปไม่ได้ที่สองปีที่ผ่านมาป้าหลิวจะละเลยหน้าที่?”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ดูเหมือนว่าป้าหลิวจะต้องให้คำอธิบายแก่ข้า” มู่จิ่งซีลืมตาขึ้นอย่างเกียจคร้าน มองไปที่ป้าหลิวด้วยสายตาเฉียบคมและพูดอย่างเยือกเย็น

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ป้าหลิวก็ร่างกายอ่อนแรงและทรุดตัวลงกับพื้นในทันที อยากจะโต้แย้ง แต่ก็คิดไม่ออกจริงๆ

“หงหลิง ข้าเหนื่อยแล้ว เรื่องพวกนี้เป็นหน้าที่ของพระชายารองเสิ่นไม่ใช่หรือ? พาป้าหลิวไปที่พระชายารองเสิ่นเถอะ!”

“แล้วบอกพระชายารองเสิ่นด้วยว่าข้าไม่กล้าใช้งานป้าหลิวผู้นี้แล้ว ส่วนผู้ดูแลห้องครัวเล็กคนใหม่ของเรือนดอกเหมย ข้าจะเป็นคนเลือกด้วยตนเอง ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็ให้พระชายารองเสิ่นจัดการไปตามสมควรเถอะ” มู่จิ่งซีสั่งอย่างเย็นชา จากนั้นก็หลับตาลงอีกครั้ง

มีครั้งที่หนึ่งก็ต้องมีครั้งที่สอง ในเมื่อป้าหลิวกล้าหลอกลวงมาเป็นเวลาสองปี เก็บป้าหลิวไว้ในเรือนดอกเหมยก็เป็นความหายนะ!

คนเช่นนี้จะเก็บไว้ใช้งานไม่ได้

หงหลิงตอบรับ และไปประคองร่างที่อ่อนแรงของป้าหลิวขึ้นมา

หลังจากที่ป้าหลิวลุกยืนขึ้น ทันใดนั้นก็ราวกับอยู่ในความฝัน นางมองไปที่มู่จิ่งซีด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ในชั่วพริบตาเดียวทำไมถึงกลายเป็นเช่นนี้ได้?

สิ่งที่พระชายาพูดเมื่อครู่ทำให้นางสิ้นหวัง พระชายาคงไม่ปล่อยนางไปอย่างแน่นอน!

นางแอบจ้องมองมู่จิ่งซีที่หลับตาพักผ่อนอย่างดุร้าย!

ติดตามเจ้านายที่ไร้ประโยชน์ ก็ได้แต่ยักยอกเงิน ท้ายที่สุดก็ไม่ปล่อยนางไป!

แต่ก็เป็นแค่ความผิดครั้งแรกเท่านั้น ซึ่งนางอยู่ในจวนอ๋องมาเป็นสิบปีแล้ว!

แม้ว่าจะโกรธแค้น แต่ก็หมดหนทาง ทำได้เพียงเดินโซเซออกไป

ฝากความหวังสุดท้ายไว้ที่พระชายารองเสิ่น หวังว่าพระชายารองเสิ่นที่จิตใจดีมีเมตตามาโดยตลอดจะลงโทษนางสถานเบา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายามกุฎเหมย เหนือโบราณกาล