ตอนที่ 106 จับกลุ่มเอง
บุรุษชุดดำคนนั้นรับบัตรเชิญจากนางไป หลังจากนั้นก็มองตราประทับที่อยู่บนจดหมาย หลังจากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที ท่าทางของเขาผันเปลี่ยนไปร้อยแปดครั้ง โค้งหลังทำความเคารพหลินซินเยียนแล้วผายมือเชิญนางเข้าไป “ไม่ทราบว่าแม่นางเป็นลูกศิษย์ที่รับเลือกเข้ามาอย่างถูกต้อง โปรดแม่นางอภัยให้ข้าด้วย เชิญด้านใน”
หลินซินเยียนพยักหน้าเบาๆ เดินหลังตรงเข้าไปยังกลางโรงเตี๊ยม เมื่อนางเดินเข้ามาในโรงเตี๊ยมก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองมาอย่างพินิจพิเคราะห์จากทั่วทุกสารทิศ
ในสายตาเหล่านั้น ส่วนใหญ่เป็นสีหน้าที่ปะปนได้ด้วยความตกตะลึงทั้งหมด มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เป็นสายตาของการดูถูก
“ปีนี้ศาลาความลับแห่งสวรรค์เกิดอะไรขึ้นหรือ เหตุใดจึงยอมให้ผู้หญิงเข้าร่วมการคัดเลือกลูกศิษย์ พวกผู้หญิงเขาอยู่บ้านปักผ้า ปรนนิบัติผู้ชายก็พอแล้ว ยังออกมาปรากฏตัวออกงานสังคมอีก ไม่สำรวมเลยจริงๆ”
“ไม่ใช่หรอก แต่ว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นแค่มองก็รู้ว่าเป็นเหมือนสัตว์เลี้ยง ท่านมองหน้านางสิ ช่วงตัวของนางเป็นแบบที่ผู้ชายชอบ บางทีผู้อาวุโสของศาลาความลับแห่งสวรรค์อาจจะมองในตัวคนนี้ ดังนั้นจึง.....”
“พี่ชายท่านนี้พูดมาก็มีเหตุผล มีเหตุผล”
“ไม่รู้ว่ารอผู้อาวุโสเล่นสนุกจนพอใจแล้วจะเหลือเข้าปากพวกเราไหม.....”
“เจ้าอย่าพูด อาจจะเป็นไปได้ก็ได้นะ ได้ยินมาว่าศาลาความลับแห่งสวรรค์ขอแค่เพียงมีความสามารถจริงๆ รางวัลต่างๆเพียงแค่ท่านอาจจะคิดไม่ถึง ไม่มีอะไรที่พวกเขาให้ไม่ได้หรอก”
ช่วงเวลาที่เสียงของคำสนทนาต่างๆนั้นไม่ได้มีความหมายทำให้หลินซินเยียนพะว้าพะวังได้ หลินซินเยียนเองก็ไม่ได้ใส่ใจ มองแต่เหมือนไม่มองสายตาของคนเหล่านั้น นางเลือกที่นั่งที่อยู่มุมห้อง
ทั้งสองคนนั่งลง ไม่นานก็มีเสี่ยวเอ่อร์นำอาหารมาให้ อาหารเป็นของที่ศาลาความลับแห่งสวรรค์ได้จัดเตรียมเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นไม่ต้องรอให้พวกนางสั่งอาหาร ทั้งอาหารว่างและอาหารจานหลักก็ถูกส่งมายังโต๊ะของพวกนางแล้ว
เอ่อร์ยาพุ้ยข้าวไปหลายคำ อดไม่ได้ที่จะกระซิบ “แม่นาง พวกเราจะต้องไปศาลาความลับแห่งสวรรค์กับเจ้าพวกผู้ชายหยาบคายเช่นนี้จริงๆหรือ”
“หยาบคายหรือ” หลินซินเยียนกวาดตามองคนที่พูดเหล่านั้น นางย่นคิ้ว ถอนหายใจพูดว่า “ก็ใช่ ปกติอยู่กับเจ้าคนชั้นหนึ่งอย่างโม่จื่อเฟิงแล้ว ยิ่งพูดถึงคนพวกนี้นั้นไม่อยู่ในสายตาข้าหรอก”
แต่ว่าหลังจากพูดจบ นางก็ลดหน้าลง เหตุใดนางจะต้องพูดถึงเจ้าคนประสาทน่าตายคนนั้น
ยังดีที่เอ่อร์ยาไม่ได้รู้สึกว่าที่นางพูดนั้นไม่เหมาะสม กลับพูดอย่างไม่ค่อยเต็มใจว่า “แม่นาง เจ้าพวกนั้นพูดจาไม่น่าฟังเลยเสียจริง”
“ไม่เป็นไร เจ้าคิดว่าไม่น่าฟังก็จงจำใบหน้าของพวกเขาไว้ให้ดี เมื่อไหร่ที่มีโอกาสข้าจะไม่ละเว้นสักคน สายน้ำบนภูเขาสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปมา ชีวิตหนึ่งชีวิตนั้นยังแสนยาวนาน ไม่มีใครรับรองได้ว่าจะพบเจอกับอะไร” หลินซินเยียนก็ไม่ได้ใส่ใจ ทำเพียงแค่รักษาเวลาในการทานข้าว
หากนางเดาไม่ผิด เมื่อคนมาใกล้เต็มแล้ว คนจากหอความลับก็จะมาพูดถึงวิธีการคัดเลือกลูกศิษย์
“อ่า แม่นาง ข้าจะจำไว้ให้ขึ้นใจเลย” เอ่อร์ยาจ้องคนเหล่านั้นด้วยสายโหดเหี้ยมราวกับว่าจะฝังใบหน้าของคนเหล่านั้นเข้าไปในสมองของตน
หลินซินเยียนเห็นนางตั้งใจขนาดนั้นเพื่อตัวเองก็เลยหัวเราะออกมา โดยไม่คาดคิดเลยว่ารอยยิ้มของนางจะเข้าไปถึงดวงตาสีดำคู่หนึ่งที่ลึกซึ้งคู่หนึ่งจากที่ไกลๆนั้น เป็นแววตาที่น่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...