ตอนที่111 ไม่มีวันให้อนุญาต
หากคนผู้นั้นไม่ได้สวมหน้ากาก อารมณ์ของเขาต้องเดือดพล่านแน่ๆ เพราะว่าหลินซีนเยียนเห็นเส้นเลือดปูดบนมือของคนผู้นั้น
หมาป่าโลหิตตายลงทีละตัว รอบตัวของไน่เหอฮวนมีซากศพของหมาป่าโลหิต 10 กว่า ตัวกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณนั้น ในขณะที่กลิ่นคาวเลือดได้ไปกระตุ้นประสาทความหวาดกลัวที่อยู่ในส่วนที่ลึกสุดของจิตวิญญาณ
ไม่รู้ว่าคนที่สวมหน้ากากกำลังหวาดกลัวหรือว่าเหมือนกับคำพูดของไน่เหอฮวนว่าเขาเจ็บปวด ในที่สุดหมัดของคนสวมหน้ากากก็ค่อยๆคลายออก จากนั้นเขาก็เดินกลับเข้าไปในท่ามกลางหมอกหนาอีกครั้ง
หลังจากที่เข้าจากไป เสียงแปลกๆก็ดังขึ้น หมาป่าโลหิตที่เหลืออยู่ได้ยินเสียงเรียกนั้น พวกมันก็ค่อยๆถอยแล้วจากไป
ในสมรภูมิเดิมไม่มีทางหลีกเลี่ยงความเป็นความตายได้แต่เพราะว่าไน่เหอฮวนเพียงคนเดียวสามารถพลิกสถานการณ์ของสมรภูมินี้
ช่วงเวลานี้หลินซีนเยียนดีใจอย่างมาก โชคดีตอนที่อยู่ในโรงเตี๊ยม เขาเลือกที่จะร่วมกลุ่มเดินทางมาด้วย มิเช่นนั้น วันนี้ต้องเป็นวันตายของพวกเขาแน่
เธอถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก พอมารู้ตัวอีกทีก็มีมือสั่นๆมาจับที่แขนของตนเอง เธอชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วก้มมองลงแล้วพบว่านิ้วมือของเขาซีดขาวอย่างผิดปกติ พอมองที่ใบหน้าของเขากลับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปจากเดิม ริมฝีปากก็เป็นสีม่วงเข้ม
“เจ้าไม่เป็นไรนะ? ”หลินซีนเยียนรีบยื่นมือไปประคองที่เอวของเขา ไม่รู้ว่าร่างกายของเขาเย็นราวกับน้ำแข็งเช่นนี้เมื่อไร ตามหลักการทั่วไปแล้วเมื่อเขาได้ทำศึกครั้งใหญ่ สูญเสียพลังไปเยอะมาก คล้ายเป็นการออกกำลังกาย ร่างกายควรจะมีเหงื่อออกแล้วตัวร้อน แต่ทำไมร่างกายของเขากลับเย็นขึ้นมาได้
เขาจับที่แขนของเธอ แล้วสายตาเย็นชาก็กวาดไปมองเหล่าบุรุษชุดดำและอู๋หมิงที่คร่ำครวญอยู่บนพื้น จากนั้นเขาก็ลากเธอเข้าไปในหมอกหนา
“เจ้าจะทำอะไร?”หลินซีนเยียนงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พอได้สติกลับมาก็ถูกเขาลากไปที่ไกลๆแล้ว เธอหันหน้าก็เห็นหมอกหนาที่ปกคลุมไปทั่ว จึงมองไม่เห็นเหล่าบุรุษชุดดำเลยสักคน
ดูเหมือนว่าไน่เหอฮวนจะรีบร้อน ยิ่งเดินก็ยิ่งคล้ายกับลอยตัว
หลินซีนเยียนอยากจะขัดขืน แต่ดูจากสถานการณ์แล้วมันไม่ดีอย่างมาก ในหัวก็คิดถึงตอนที่หมาป่าโลหิตออกมา เขาก็ไม่เคยปล่อยมือออกจากแขนของเธอเลย ในสถานการณ์ที่อันตรายแบบนี้ มือข้างหนึ่งจับเธอไว้ แล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งต่อสู้กับอันตราย ดังนั้นหลินซีนเยียนเลยตัดใจที่จะขัดขืน กลัวว่าเขาจะทนไม่ไหวแล้วโยนเธอทิ้ง
ในที่สุด เขาก็หยุดตรงต้นไม้ใหญ่ เขาไล่จับตามต้นไม้แล้วไหลลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง จากนั้นก็ลากเธอมานั่งที่ข้างหน้าของตนเอง
หลินซีนเยียนยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มือของเขาเดิมจับอยู่ที่แขนของเธอก็ค่อยๆเลื่อนมาที่มือของเธอ ตอนที่หลินซีนเยียนจ้องมองอย่างตะลึง มือที่เขาจับเธอก็กดลงไปใต้ร่างของตนเอง
“เจ้า!”หลินซีนเยียนหน้าแดงระเรื่อ ในฝ่ามือของเขา ทำให้คนรู้สึกหน้าแดงหัวใจเต้นได้เตือนเธอว่านั้นคืออะไร
เธอไม่ใช่ผู้หญิงบริสุทธิ์ที่จะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ว่านี่มันเวลาไหนแล้ว ไน่เหอฮวนกลับกล้าทำเรื่องเช่นนี้? สมองนี่คิดไปไหนต่อไหนแล้ว?
“ มัวรออะไรอยู่เล่า ไม่เข้าใจหรือ?” เมื่อฟังเสียงของไน่เหอฮวนก็รู้สึกถึงการกดขี่
เสียงทุ้มต่ำเช่นนี้ หลินซีนเยียนเคยได้ยินมาเยอะแล้ว ทุกครั้งตอนที่โม่จื่อเฟิงกดเธอลงใต้ร่างของเขาก็มักจะเอ่ยเสียงอย่างกดขี่และน่าเจ็บปวดเช่นนี้
หลินซีนเยียนเงียบลงทันที หลังจากที่เขาเอ่ยเช่นนี้ออกมาก็เข้าใจ แล้วจะอย่างไร? เมื่อเธอเข้าใจแล้วต้องปรนนิบัติเขาหรือไง? เป็นเพียงคนแปลกหน้า แล้วนี่มันเวลาไหน? แล้วมันคือที่แบบไหน? เธอทำไม่ได้! ถึงโม่จื่อเฟิงจะรังแกเธอก็ช่างเถอะ แต่เขาเป็นใครกันถึงกล้ามารังแกเธอด้วย? ที่หน้าของเธอได้เขียนคำว่า ‘เชิญท่านเล่นตามสบาย’ อย่างนั้นเหรอ? ทำไมผู้ชายเหล่านี้ถึงคิดว่า เมื่อเธอเห็นผู้ชายก็จะยินยอมพร้อมใจงั้นเหรอ?
เธอรู้สึกโกรธอย่างมาก ใช้มือข้างหนึ่งเหวี่ยงไปตบหน้าของไน่เหอฮวน “ เจ้าเห็นข้าอะไร?”
ฝ่ามือของนี้ เธอใช้แรงไปอย่างมาก ราวกับความไม่พอใจโม่จื่อเฟิงได้ถูกระบายอารมณ์ด้วยฝ่ามือนี้
เมื่อไน่เหอฮวนโดนเธอตบหน้าอย่างแรงก็ได้สติทันที แต่กลับมีความปรารถนาเข้ามาแทนที่ เขากลืนน้ำลายลงคอ แล้วยกมืออีกข้างจับมือข้างที่ตบหน้าของเธอ จากนั้นก็จับมือข้างนั้นเข้าไปในกางเกงของตนเองโดยตรง
ในขณะนั้น หลินซีนเยียนเกลียดคนผู้อย่างมาก! นี่มันเป็นใครอะไรกันเนี่ย!
“ปล่อยมือ!” หลินซีนเยียนตะโกนออกมาอย่างดัง
ไน่เหอฮวนยิ้ม ตอนที่ยิ้มใบหน้ากลับไม่ได้ขยับอะไร มีเพียงแต่ดวงตาที่กำลังยิ้ม “ ข้าปล่อยมือได้ แต่เจ้าห้ามปล่อยมือ’
เธอ ห้ามปล่อยมือ หรือจะให้จับแบบนี้ไปตลอดหรือ?
“ไน่เหอฮวน! ข้าไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่เจ้าคิด!” หลินซีนเยียนไม่มีแรงที่จะขัดขืน เพราะว่าเขาได้จับไว้อย่างแน่นหนา เธอจะขัดขืนได้อย่างไร
“ข้ารู้” ไน่เหอฮวนเอ่ยเสียงเย็นชา
เขารู้ รู้บ้าอะไรล่ะ!
หลินซีนเยียนอยากจะบ้าตาย หายใจลึกๆหลายครั้งก็ไม่อาจข่มความโทสะที่อยู่ภายในใจได้ “ไน่เหอฮวน! ข้ามีผู้ชายแล้ว! เจ้าฟังให้ดีว่าข้ามีผู้ชายแล้ว อย่างน้อยตอนนี้ข้าก็ยังไม่คิดจะหาคนที่สอง!”
ท่ามกลางหมอกหนาที่อบอวลไปด้วยกลิ่นแห่งความผิดศีลธรรม อาจจะเป็นเพราะว่าก่อนที่จะได้เผชิญหน้ากับความเป็นความตายมาก็อยากจะเจอโม่จื่อเฟิงอีกครั้ง ในใจของหลินซีนเยียนล่องลอยขึ้น จนไม่สามารถรับรู้ถึงความสบายใจของตนเองได้อีกเลย
ครั้งนี้เธอสบายใจ สบายใจอย่างมาก ยิ่งตอนที่เขาได้ปลดปล่อยตนเอง ราวกับว่าเธอได้ลอยขึ้นไปบนก้อนเมฆ ตอนที่เขาส่งเสียงหัวเราะเยาะ เธอก็หมดสติไปทันที
ตอนที่ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว หมอกหนาก็บางเบาลงไปไม่น้อย
หลินซีนเยียนลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเธออยู่ในอ้อมกอดของเขา เธอดิ้นแล้วคิดจะลุกขึ้น ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงหัวเราะบางๆของเขาอยู่ที่ข้างหู “อย่าขยับสุ่มสี่สุ่มห้า หากว่าเจ้ายังอยากจะหมดสติไปอีกครั้ง”
หลินซีนเยียนตกใจและไม่กล้าขยับอีก เพียงแต่หยิบเสื้อผ้าตนเองอย่างระมัดระวัง การเคลื่อนไหวของเธอระมัดระวังอย่างมากจนทำให้โม่จื่อเฟิงอดที่จะหัวเราะไม่ไหว
“เจ้าอย่าหัวเราะแบบนี้” หลินซีนเยียนโกรธเพราะความละอาย แล้วจ้องมองไปที่เขา
โม่จื่อเฟิงกลับไม่มีท่าทางที่จะหยุด “ทำไม เปิ่นหวางหัวเราะแล้วดูดีเกินไป เจ้ากลัวอดกลั้นไม่ไหวจะรุกเข้ามาถวายตัวอีกหรือ?”
“......” มุมปากหลินซีนเยียนกระตุ้น ขี้เกียจจะไปตอบโต้กับการกลั่นแกล้งเขา
ตอนที่เธอคิดว่าเขาอยากจะรังแกเธอ จู่ๆเขาก็ยื่นมือของลูบที่หัวของเธอ การกระทำที่อ่อนโยนนั้นทำให้หลินซีนเยียนรู้สึกแปลกใจ “เมื่อครู่ที่เจ้าพูด ห้ามลืมเด็ดขาด”
“......” เธอพูดอะไรไปเมื่อกี้เหรอ?
“เจ้าลืมแล้วหรือ?” ราวกับมองความคิดของเธอออก สีหน้าของโม่จื่อเฟิงเคร่งขรึมลง ยื่นมือไปกดที่เอวของเธอ หากว่าเธอกล้าพูดว่าลืมแล้ว เขาจะจับเธอกดลงไปอีกครั้งแน่
หลินซีนเยียนย้อนกลับไปคิดอย่างตั้งใจ ไม่แน่ใจว่าประโยคไหนที่เขาหมายถึง “ข้ามีผู้ชายแล้ว อย่างน้อยตอนนี้ข้าก็ยังไม่คิดจะหาคนที่สอง?”
“ไม่ใช่ตอนนี้ แต่ตลอดไปก็ไม่อนุญาต!” โม่จื่อเฟิงแก้คำพูดของเธอใหม่ “ผู้หญิงที่เปิ่นหวางใช้แล้ว ใต้หล้านี้ยังจะมีใครกล้าใช้อีก?”
ทะนงตัวเช่นนี้ยังจะมีใครกล้าไปขัดคำพูดของเขา หลินซีนเยียนถอนหายใจ ในใจกลับรู้สึกหวาดกลัว แม้ว่าเธอไม่คิดจะหาผู้ชายคนอื่น ไม่ใช่เพราะว่าในหัวใจมีแต่โม่จื่อเฟิง เพียงแค่รู้สึกเอือมระอาเท่านั้น แต่ก็โชคดี โชคดีที่เธอไม่ได้พูดมัวซัว ราวกับสิ่งที่ได้ยินจากเขาก็คือความหมายที่เขาอยากจะได้ยิน
“ร่างกายของเจ้ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า? ทำไมทุกครั้งก็อยาก.....” หลินซีนเยียนไม่ได้พูดส่วนท้ายออกไป เธอคิดว่าเขาต้องเข้าใจอย่างแน่นอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
ลูกหาย5555...
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...