ตอนที่ 114 ลำเอียง
ยืนรอสักพักก็ได้ยินชายแก่คนนั้นส่งเสียงอย่างดีใจ “ ได้แล้ว!” จากนั้นก็เห็นเขาดึงคันเบ็ดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก็มีปลาตัวเล็กๆสีขาวตัวหนึ่งที่ตกได้จากในสระเหมันต์
ปลาตัวเล็กงับตะขอตกปลาอย่างแทบเป็นแทบตาย มันจ้องมองมาด้วยสายตาที่ดุร้าย ชายแก่คนนั้นไม่รีบที่จะดึงตะขอออกจากปลาตัวเล็ก หลังจากหยิบถุงมือหนังแกะมาใส่ที่มือทั้งสองข้างแล้ว ถึงจะดึงตะขอออกจากปลาตัวเล็กนั้น
“ นี่คือปลาศิลาน้ำแข็ง ฟันของมันแหลมคม กระหายเลือด และกินคนได้” หลินซีนเยียนกำลังสงสัยอยู่ เมื่อได้ยินโม่จื่อเฟิงอธิบาย เธอก็รู้แจ้งในฉับพลัน มิน่าล่ะชายแก่คนนั้นไม่กล้าจับปลาโดยตรง ถึงได้สวมถุงมือก่อน ปลากินคนนี่ น่าสนใจดี เธอเคยได้ยินแต่ไม่เห็นมาก่อน
ชายแก่ก็ได้ยินที่โม่จื่อเฟิงพูด เมื่อเขานำปลาใส่ลงไปในกรงไผ่ไม้แล้วก็หันหน้ามา “ เจ้าก็คือไน่เหอฮวนหรือ? ที่แท้ก็ตาดีจริงๆ”
โม่จื่อเฟิงหยักหน้า “ข้าน้อยไน่เหอฮวน พบท่านประมุขศาลาความลับแห่งสวรรค์แล้ว ”
หลินซีนเยียนตกตะลึงเล็กน้อย ที่แท้ชายแก่คนนี้ก็คือท่านประมุขศาลาความลับแห่งสวรรค์เหรอ? ถึงใบหน้าของชายแก่คนนี้จะดูธรรมดา แต่บารมีกลับพลุ่งพล่านออกมา ให้ความรู้สึกที่อยู่เหนือผู้อื่นจริงๆ
อวิ๋นเทียนสี่ประมุขศาลาความลับแห่งสวรรค์พยักหน้า แล้วมองไปยังหลินซีนเยียน รอยยิ้มบนในหน้าก็ยิ่งมากขึ้น “ท่านนี้คือแม่นางหลินหรือ? มีหน้าตาโดดเด่นยิ่งนัก มิน่าล่ะ ลูกชายที่ไม่เอางานไม่การของข้าถึงได้ให้ความสำคัญ”
คำพูดนี้คือชมหลินซีนเยียนเพียงแค่รูปร่างภายนอก
หลินซีนเยียนมุมปากกระตุ้น เห็นได้ชัดว่าเธอไม่พอใจกับคำพูดที่ฟังไม่เข้าของเขา ดูเหมือนว่าอวิ๋นเทียนสี่จะไม่ชอบเธอเท่าไร มันก็จริง เธอเป็นผู้หญิงที่ไม่มีชื่อเสียง ซ้ำยังได้รับความสนใจจากลูกชายของเขา เขาเป็นท่านพ่อจะไปดีใจได้อย่างไร?
“ท่านประมุข ท่านเข้าใจผิดแล้ว ลูกชายของท่านให้ความสำคัญกับข้า ไม่ใช่เพราะว่ารูปร่างหน้าตา แต่เป็นเพราะฝีมือการประดิษฐ์อาวุธที่ได้รับชัยชนะเท่านั้นเอง” หลินซีนเยียนไม่ยอมปล่อยให้คนคิดว่าเธอใช้รูปร่างหน้าตาเพื่อเข้าศาลาความลับแห่งสวรรค์ได้เด็ดขาด ถึงแม้ว่าเธอจะมีรูปโฉมที่งดงามก็ตาม
“โอ้?” ท่านประมุขคล้ายกับไม่เชื่อ “เมื่อหลายวันก่อน ลูกชายของข้าได้เขียนจดหมายมาเล่าถึงเรื่องนี้ แต่ข้าเคยผ่านร้อนผ่านหนาวมาครึ่งค่อนชีวิต กลับไม่เคยเห็นว่าผู้หญิงก็สามารถประดิษฐ์ได้ ไม่ว่าจะเป็นลูกสาวสุดที่รักของข้าก็เช่นเดียวกัน ผู้หญิงไม่เหมาะกับด้านนี้เท่าไรนัก ดังนั้น ข้าคิดว่าลูกชายของข้าคงก็อยากจะลองเชิงกับข้าเท่านั้น ตอนนี้ดูเหมือนว่า แม่นางหลินจะมั่นใจในเรื่องนี้ยิ่งนัก?”
คำพูดของอวิ๋นเทียนสี่ได้ทำให้ความโกรธของหลินซีนเยียนลดลงไปส่วนหนึ่ง อย่างน้อยเขาก็บริสุทธิ์ใจ เพียงแต่คำพูดของเขาก็ยังคงไม่น่าฟังอยู่
“ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน มีบางเรื่องต้องใช้เวลาถึงจะพิสูจน์” หลินซีนเยียนไม่อยากจะเอ่ยให้มากความ เพียงเอ่ยแค่ประโยคเดียว
อวิ๋นเทียนสี่พยักหน้า จ้องมองเธอด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป “เจ้านี่ช่างพูดช่างจากว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก เช่นนี้ ดีมาก งั้นข้าจะคอยดูก็แล้วกัน”
“ท่านประมุขอยากรับข้าสำนักหรือ?” หลินซีนเยียนเอ่ยถามอย่างตั้งใจ
อวิ๋นเทียนสี่หัวเราะแล้วพยักหน้า “ใช่ ยากที่ลูกชายของข้าได้ขอร้องครั้งหนึ่ง ข้าต้องไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว เพียงครั้งนี้ศิษย์ที่ผ่านการทดสอบมีน้อยมาก เหล่าผู้อาวุโสอย่างเราเกรงว่าจะแบ่งกันไม่พอ ดังนั้น….ถึงข้าจะประมุข แต่ก็สามารถรับศิษย์ได้เพียงคนเดียว พวกเจ้าหนึ่งคนต้องไปเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสท่านอื่น”
หลินซีนเยียนชะงักทันที อดไม่ได้ที่จะมองไปทางโม่จื่อเฟิง เขาลงทุนลงแรงเพื่อเข้ามาในศาลาความลับแห่งสวรรค์ไปมาก เธอไม่รู้ว่าเป้าหมายของเขาคืออะไรกันแน่ แต่มันต้องสำคัญสำหรับเขาอย่างแน่
“ขอรับ” เฝิงซื่อไห่หมุนตัวแล้วเดินนำหลินซีนเยียนไป เขาเดินนำอยู่ด้านหน้า หลินซีนเยียนก็เดินตามหลังเขาไปอย่างสงบ เมื่อเดินออกจากเรือนหลักแล้ว เฝิงซื่อไห่ถึงจะพูดกับเธอ “แม่นางหลิน ท่านอย่าเสียใจไปเลย หลังจากที่ฮูหยินของท่านประมุขจากไป ท่านประมุขก็มีท่าทีแบบนั้นกับผู้หญิงทุกคน ท่านไม่เห็นหรือว่าในเรือนหลักนี้ แม้แต่สาวใช้ก็ยังไม่มีเลยสักคน ดังนั้น ท่านประมุขไม่ได้มีเจตนาไม่ดีกับท่าน”
“ฮูหยินท่านประมุขจากไปนานแล้ว ท่านประมุขเขา…..” หลินซีนเยียนคล้ายกับได้ยินพวกเขาเอ่ยถึงเรื่องนี้
เฝิงซื่อไห่ส่ายหน้า ถอนหายใจแล้วเอ่ย “ฮูหยินท่านประมุขได้รับบาดเจ็บตอนที่ประดิษฐ์อาวุธชิ้นหนึ่งอยู่ สุดท้ายโชคไม่ดีจึงได้จากโลกนี้ไป ต่อมา ท่านประมุขก็ไม่ชอบให้ผู้หญิงเรียนงานประดิษฐ์ด้านนี้เท่าไรนัก คุณหนูก็เช่นเดียวกัน ก่อนที่ฮูหยินจะจากไปได้ถ่ายทอดวิชาให้กับนาง พอหล้งจากที่ฮูหยินจากไปแล้ว ท่านประมุขก็ไม่ชี้แนะใดๆให้กับคุณหนูอีกเลย”
มิน่าล่ะ คุณหนูศาลาความลับแห่งสวรรค์ ฝีมือการประดิษฐ์อาวุธของเทียนหยุนชิงนั้นดูหยาบมาก อาจจะเป็นเพราะนางไม่มีพรสวรรค์ แต่อีกส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะว่าไม่มีใครช่วยชี้แนะให้นางเลยสักคน
“จริงด้วย พี่ใหญ่เฝิง ศาลาความลับแห่งสวรรค์มีผู้อาวุโสกี่ท่านหรือ?” ในเมื่อจะไปหาแล้ว เธออดไม่ไหวที่จะเอ่ยซักถามสักหน่อย
“นี่ ก็มีไม่มาก มี 4 ท่าน” เฝิงซื่อไห่ดูเหมือนจะกระตือรือร้นขึ้นมา “ ผู้อาวุโสสูงสุดท่านหลิงกำลังเก็บตัวอยู่ ว่ากันว่ากำลังประดิษฐ์สิ่งของที่พิเศษอะไรสักอย่าง ผู้อาวุโสรองท่านเฉินกำลังออกเดินทาง ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในสำนัก ส่วนผู้อาวุโสสามท่านหยิ่นกับผู้อาวุโสสี่ท่านเยว่ตอนนี้อยู่ในสำนัก แต่ว่า....”
เมื่อเฝิงซื่อไห่พูดมาถึงตรงนี้ สีหน้าก็เดูแปลกๆขึ้น “ผู้อาวุโสสามเป็นคนอารมณ์ร้าย ส่วนผู้อาวุโสสี่ก็มีนิสัยแปลกๆ ทั้งสองท่านนี้ล้วนไม่น่าเข้าหาเลยอย่างยิ่ง”
“เอ่อ.....” หลินซีนเยียนรู้สึกไร้ทางเลือก ดูเหมือนว่าอวิ๋นเทียนสี่ได้ตั้งคำถามที่ยากกับเธอเสียแล้ว
“ข้าจะพาท่านไปพบผู้อาวุโสสาม ถึงแม้เขาจะมีอารมณ์ร้าย แต่ท่านยังไงก็เป็นผู้หญิง เขาไม่กล้าลงไม้ลงมือกับท่านเหมือนลูกศิษย์ผู้ชายแบบนั้นหรอก” เฝิงซื่อไห่ครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน คิดว่าแบบนี้อาจจะดีกับหลินซีนเยียนก็ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
ลูกหาย5555...
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...